บอกตามตรงว่าไม่ได้เตรียมตัวไว้เลยว่าตัวเองจะท้อง ปจด.ขาดไป 2 สัปดาห์ เลยลองตรวจด้วยตัวเอง ปรากฎว่าขึ้น 2 ขีด แต่ขีดนึงเข้ม ขีดนึงจาง แต่ก็มองเห็นค่อนข้างชัด ตอนนั้นหน้ามืดทันที มันเป็นอารมณ์ที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก นี่เรากำลังจะเป็นแม่คนหรอ นี่เราพร้อมแล้วหรอ คำถามมากมายถูกตั้งขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ตัดสินใจถ่ายรูปให้แฟนดู แฟนบอกว่าไปตรวจที่คลินิกเลยดีกว่า จะได้ปรึกษาหมอและฝากครรภ์ ตอนนั้นยังคงมีคำถามในหัวว่า เราจะเก็บเด็กคนนี้ไว้จริงๆใช่มั้ย เราอายุ 25 ทำงานแล้วแต่เงินเก็บที่มีสะสมมันก็ไม่ได้มากมายพอที่จะเลี้ยงเด็กคนนึงได้ ตอนนั้นกังวลไปหมด แล้วฉันจะบอกพ่อแม่ยังไง พวกท่านจะรับได้มั้ย ทุกๆคำถามในหัวพุ่งเข้ามาไม่หยุด แต่ก็ยังคิดว่าที่ตรวจอาจผิดพลาดได้ เดี๋ยวลองไปตรวจกับหมอก่อนจะดีกว่า พอไปถึงคลินิกจึงบอกหมอว่าจะมาตรวจการตั้งครรภ์ค่ะ หมอจึงถามว่าจะตรวจปัสสาวะหรือตรวจเลือดคะ แฟนเลยบอกหมอว่าตรวจเลือดดีกว่าขอแบบชัวร์ไปเลย พอตรวจเสร็จผลออกมาว่า "คุณ 2 คนกำลังจะเป็นคุณพ่อคุณแม่นะคะ ยินดีด้วยนะคะ ตอนนี้อายุครรภ์ 6 วีคแล้วค่ะ" ตอนนั้นยิ้มตอบหมอไป แต่ในใจคิดว่า ดีบ้าอะไรล่ะ ฉันไม่ได้อยากมีลูก และไม่เคยมีความคิดในหัวเลยว่าอยากมี แต่ตอนนั้นแฟนดีใจมากๆเค้าตื่นเต้นและเตรียมให้เราฝากครรภ์ทันที เราเลยบอกว่าเรายังไม่พร้อม ขอไปบอกพ่อกับแม่ก่อนให้ทุกอย่างลงตัวก่อนแล้วค่อยมาฝากก็ได้ แฟนก็ตามใจเรา หลังจากกลับบ้าน เราเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง นอนร้องไห้ เครียด ไม่กล้าบอกใครทั้งนั้น แฟนคอยอยู่เคียงข้างเสมอ คอยปลอบใจ ให้กำลังใจ ไม่ทำให้เราเครียดไปมากกว่านี้ แฟนบอกว่าเดี๋ยวเค้าจะไปบอกพ่อกับแม่เราด้วยตัวเอง เราห้ามเค้าไว้โดยใช้เหตุผลว่า เราอยากบอกด้วยตัวเอง และเขาคงอยากได้ยินจากปากเรามากกว่า แต่หลังจากนั้นเราก็เริ่มหาวิธีทำแท้ง ใช่ค่ะ เราหาวิธี เราพยายามยกของหนักๆบ้าง แกล้งล้มบ้าง แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายแฟนจับได้ว่าเราทำแบบนี้ เขาจึงยื่นคำขาดว่าถ้าเรายังทำแบบนี้เขาจะไปบอกพ่อกับแม่เราทันที เราเลยหยุดการกระทำทั้งหมด หลังจากนั้นอายุครรภ์เราเข้า 8 วีค แฟนก็พาไปหาหมออีกครั้งเพื่ออัลตร้าซาวด์ ตรวจครรภ์ ตรวจสุขภาพ และวันนั้นเป็นวันแรกที่เราได้เห็นหัวใจดวงน้อยๆ 2 ดวงในท้องของเรา วินาทีนั้นเรากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ ใช่ค่ะ เราได้ "ลูกแฝด" ในใจเรารู้สึกผิดมากๆที่ก่อนหน้านี้เราพยายามทำร้ายลูกทั้ง 2 คนโดยที่เค้าไม่ได้มีความผิดอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว จากนั้นเราจึงฝากครรภ์ทันที พอเรากลับถึงบ้าน เราก็ยังคงไม่กล้าบอกใครอยู่ดีและยังทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และแล้วก็เข้าสู่วีคที่ 9 ค่ะ เรามีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก จึงคิดว่าไม่สามารถจะปิดบังคนในบ้านได้อีกแล้ว เราจึงตัดสินใจที่จะบอกคนในบ้าน เย็นวันนั้นแฟนเราเข้ามาคุยกับน้าสาวของเรา เปิดประเด็นที่ไม่ทำให้เขาช็อคโดยการคุยว่า ผมอยากมาสู่ขอลีฟครับ ทางน้าและพ่อแม่ลีฟจะขัดข้องมั้ยครับ น้าสาวเราพูดขึ้นมาว่า ไม่ขัดข้องอะไรหรอก แต่ช่วงนี้มันโควิดนะ มันจัดงานไม่ได้ แฟนเราจึงพูดว่า ผมไม่อยากปล่อยไว้นาน ผมอยากสร้างครอบครัวกับลีฟจริงๆนะครับน้า น้าเรารู้ทันทีเลยเอ่ยปากถามเราว่า ลีฟท้องหรอ เราได้แต่พยักหน้า และตอบไปว่า 9วีคแล้ว ไปซาวด์มาเป็นแฝด ตอนนั้นกลั้นน้ำตาไม่อยู่ปล่อยโฮออกมา น้าเราลุกมากอดมาปลอบใจเรา ไม่เป็นไรนะลูก น้าก็เคยผ่านมาก่อน ตอนนั้นน้ายังเรียนอยู่ด้วยซ้ำ หนูทำงานแล้วอายุหนูมันก็สมควรที่จะมีครอบครัวแล้วลูก ไม่ต้องร้องนะ ตอนนั้นที่เราร้องไห้เพราะมันอึดอัดมากจริงๆค่ะ เราต้องทำตัวปกติทั้งๆที่อาการแพ้ท้องก็เริ่มออก เราต้องทำตัวปกติทั้งๆที่เราเหม็นกับข้าวที่แม่ทำมากๆ เราต้องทำตัวปกติกินทุกอย่างที่เคยกินถึงแม้เราจะอยากอ้วกก็ตาม มันอึดอัดจริงๆค่ะทุกคน หลังจากนั้นน้าเราบอกว่า เดี๋ยวจะเป็นคนพูดกับแม่ให้เอง ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย พอพูดจบน้าสาวเราก็โทรหาแม่ทันที น้าเล่าทุกอย่างให้แม่ฟัง ไม่ถึง 5 นาที แม่เราเดินมาที่บ้านน้า (บ้านเราเป็นครอบครัวใหญ่ มีบ้านคนละหลังแต่อยู่ติดๆกัน ห่างกันประมาณ 300 เมตร) พอแม่มาถึง แม่เราแสดงสีหน้าที่ดูเรียบเฉย ไม่พูดอะไรทั้งนั้น ตอนนั้นเราเริ่มกลัวแต่แฟนของเราจับมือไว้ตลอดเวลา จึงทำให้เราคลายกังวลได้บ้างเล็กน้อย น้าเราพูดมาว่า จัดเป็นงานเล็กๆดีมั้ย เพราะช่วงนี้สถานการณ์โควิดมันไม่ค่อยดี เราจัดการมีพิธีรีตองอะไรมากไม่ได้ แม่เราพูดขึ้นว่า ต้องจัดเป็นงานเล็กๆอยู่แล้วเพราะโควิดจัดใหญ่ไม่ได้ เอาเป็นงานผูกข้อมือละกัน ให้ผู้ใหญ่รับรู้ บอกคนในหมู่บ้านให้มาผูกข้อมือให้หลานแล้วก็กลับ เพราะเราไม่ได้มีพิธีการอะไร และกูก็ไม่แคร์ไม่สนใจใครทั้งนั้นด้วย มันอยากจะนินทาหรือว่าอะไรก็ปล่อยมัน ทุกวันนี้มันไม่เคยมาช่วยเลี้ยงลูกกูอยู่แล้ว อีกอย่างเราห้ามไม่ให้พวกมันนินทาไม่ได้ แม่หันมาพูดกับเราว่า "แม่ไม่เสียใจนะ แต่ดีใจมากกว่าที่แม่จะมีหลาย บ้านเราไม่เคยมีเด็กมานานแล้ว พอมีเด็กมาอยู่ในครอบครัว แม่เชื่อว่าบ้านมันจะมีความสุขมีเสียงหัวเราะ และบ้านก็จะเป็นบ้านมากกว่านี้" เราเข้าสวมกอดแม่ด้วยความดีใจและเสียใจ เราร้องไห้ขอโทษเขาที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เราบอกว่าเราเสียใจที่ทำให้เขาผิดหวัง แต่แม่บอกว่า แม่ไม่เคยผิดหวังอะไรในตัวหนูเลยนะ แม่เลี้ยงหนูมา แม่ไม่ได้หวังอะไรจากลูกอยู่แล้ว ขอแค่ลูกเติบโตมีชีวิตที่ดี มีความสุขก็พอแล้ว แม่ขอบคุณหนูนะที่หนูให้เกียรติเกิดมาเป็นลูกของแม่ หนูไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังหรือเสียใจสักครั้ง ถึงเรื่องนี้หนูคิดว่ามันจะทำให้แม่ผิดหวัง แต่จำไว้เลยว่า แม่ไม่เคยผิดหวังอะไรกับหนูเลยแม้แต่เรื่องนี้ก็ตาม วินาทีนั้นเรารู้สึกโชคดีมากๆที่เราได้เป็นลูกของแม่ และเราก็จะเป็นแม่ที่ทำให้ลูกรู้สึกเป็นคนพิเศษมากๆเช่นกัน หลังจากคุยกันเรื่องงานแล้ว แฟนเราก็ขอตัวกลับบ้านเพื่อที่จะเตรียมให้พ่อกับแม่ของเขาเข้ามาคุยเป็นทางการอีกครั้งนึง โดยก่อนหน้านี้แฟนเราได้บอกเรื่องที่เราท้องให้พ่อกับแม่เค้าฟังแล้ว พ่อกับแม่เค้าดีใจกันมากๆ เพราะอยากมีหลานเป็นของตัวเอง กลับมาที่บ้านเรา แม่ยังคงคุยกับเราปลอบใจเราไม่ให้เราเครียด พร้อมกับบอกว่า แม่จะปลูกบ้านให้หนูอยู่กันเป็นสัดเป็นส่วนนะ เรารีบค้านทันทีเพราะเรารู้ว่าตอนนี้เศรษฐกิจมันแย่มากๆ เราไม่อยากให้แม่จะต้องเสียเงินกับการปลูกบ้านให้เรา อีกอย่างเรากับแฟนก็ตกลงกันว่าจะอยู่บ้านหลังนี้กับแม่เรา แฟนเราก็จะย้ายมาอยู่กับเราด้วย แต่แม่พูดขึ้นว่า ถ้าต่อไปมีหลานอีกตั้ง 2 คน มันจะแคบเกินไป ถือสะว่าแม่ปลูกให้หลานของแม่ละกัน เราดีใจมากๆ แต่เรากับแม่ก็ยังคงกลุ้มใจว่าจะบอกพ่อของเรายังไง พ่อเรารักและหวงเราแบบสุดๆ ถ้ารู้ว่าเราท้องเขาจะว่ายังไง แม่เราเริ่มเครียดอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงแสดงออกว่าไม่เป็นไร และให้เราทำตัวปกติไปก่อน พอเช้าเราออกไปทำงาน แม่ก็ได้บอกเรื่องนี้กับพ่อ แต่มันผิดคาดค่ะทุกคน พ่อเราเข้าใจทุกอย่าง ไม่ได้ว่าอะไรเลย พร้อมรับฟังทุกอย่างๆใจเย็น พอเราเลิกงานแม่ก็เล่าให้ฟังคร่าวๆว่าเป็นยังไงบ้าง พอตอนเช้า เราจึงรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาพ่อเรา เรากอดและร้องไห้พูดขอโทษเขา เขาร้องไห้ไปกับเราด้วยและพูดขึ้นว่า ไม่เห็นเป็นไรเลยลูก คนเราผิดพลาดกันได้อยู่แล้ว และเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ตอนแม่มาคุยพ่อยังคิดว่ามันจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น พ่อคิดไปถึงว่า โอม(พี่ชายเรา) เป็นโควิดหรือตายรึป่าว พ่อก็ยังใจคอไม่ดี แต่นี่ลูกของพ่อทั้ง 2 คนที่พ่อรักสุดหัวใจก็ยังคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้เป็นอะไร มันก็พอแล้วสำหรับพ่อ พ่อเองเคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน ตอนพ่อมาแต่งแม่ แม่ก็ท้องโอมอยู่ตั้ง 3 4 เดือนแล้ว พ่อก็เข้าใจลูกๆทุกคน ต่อไปไม่ต้องเครียด ไม่ต้องเสียใจอะไรทั้งนั้น พ่อดีใจจะได้เป็นตา พ่ออยากเลี้ยงหลาน อยากมีหลานเป็นของตัวเองสักที เรากับพ่อกอดกันอีกครั้ง ซึ่งเรารู้สึกโล่งใจมากๆ เราใช้ชีวิตแบบปกติและมีความสุขเหมือนเดิม พี่ชายเราหลังจากทราบข่าวจากแม่ ก็วีดีโอคอลมาหาเราทันที พร้อมกับพูดให้กำลังใจเราและตั้งชื่อหลานๆ จากนั้นพี่ชายก็บอกให้เราบำรุงเยอะๆ พร้อมกับโอนเงินมาให้เราเพื่อให้เราเอาไว้ซื้อนมซื้อวิตามินอาหารเสริมมากิน และมันก็เป็นอีกครั้งที่ทำให้เรารู้ว่าปัญหาของเราที่เราคิดว่ามันใหญ่มากๆ ใหญ่จนไม่มีทางที่จะแก้ไขได้ มันก็กลายเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตอีกหนึ่งเรื่องที่เราได้พบเจอครอบครัวที่เข้าใจและพร้อมจะซัพพอร์ตเราในวันที่เราล้ม ในวันที่เราทุกข์ใจ ต้องบอกก่อนว่าบ้านเราไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยอะไรค่ะ มีฐานะปานกลาง พ่อไม่ได้ทำงานแล้ว แม่ก็มีธุรกิจเงินกู้เล็กๆกับการปล่อยเช่าร้าน ส่วนพี่ชายเป็นวิศวะกรโยธา และตัวเองเป็นแค่สาวออฟฟิศธรรมดาๆ แต่พวกเราก็มีความสุขมากๆ ถึงแม่เราจะเลี้ยงดูพวกเรามาแบบขาดตกบกพร่องบ้างในบางเรื่อง แต่เขาก็ให้ความรักกับเราและพี่ชายอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง เราเคยคิดตลอดว่าแม่เรารักพี่ชายมากกว่า อยากได้อะไรก็ได้แต่ของใหม่ ส่วนเราต้องใช้ของต่อจากพี่ชายสะส่วนใหญ่ แต่มาถึงวันที่เราเจอปัญหามันก็พิสูจแล้วว่าแม่เราก็รักเราไม่น้อยไปกว่าพี่ชายของเราเลย และทุกๆคนในครอบครัวก็รักเราทุกคน ต้องขอพูดอีกครั้งว่าเราโชคดีมากๆที่มีครอบครัวที่ดีขนาดนี้ค่ะ สุดท้ายนี้อยากบอกคนที่กำลังตั้งครรภ์แล้วยังไม่กล้าบอกคนที่บ้านให้เอาเรื่องของเราไปเป็นแนวทางนะคะ ถึงพ่อแม่คุณอาจจะไม่เหมือนพ่อแม่เรา แต่เราเชื่อว่าพ่อแม่ของคุณก็รักคุณมากๆเช่นเดียวกับที่พ่อแม่เรารักเรานั่นเอง
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านเรื่องราวของเรานะคะ
...สุขสันต์วันแม่...
ท้อง! บอกพ่อแม่ยังไง ??
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านเรื่องราวของเรานะคะ
...สุขสันต์วันแม่...