หลากหลายในใจคน 5

ดิฉันกับสามีเป็นเพื่อนเรียนมัธยมกันมา เขากำพร้าพ่อตั้งแต่ 10 ขวบ แม่รับจ้างทำทุกอย่างให้ได้เงินมาเลี้ยงลูกๆ ปิดเทอมลูกก็พากันไปรับจ้างทำก่อสร้าง สามีดิฉันทำได้ทุกอย่างเลย ต่อน้ำต่อไฟ งานปูน มุงหลังคา...เป็นที่เลื่องลือค่ะเวลาคุณสามีไปตรวจงานเอง ไม่เซ็นรับเอาง่ายๆ อยากอวดว่าตอนเป็นฝ่ายฯพัฒนาไปรษณีย์กลางจนงดงามถึงปัจจุบัน ภูมิใจค่ะ เขาเรียนม.4 แล้วออกไปเรียน รร.ไปรษณีย์ เพราะจบแล้วได้ทำงานมีเงินเดือนเลย เงินเดือนเดือนแรก1,080 บาท เงินเดือนเดือนสุดท้ายตอนเกษียณ หกหลักกว่าๆ ดิฉันสอบบรรจุเป็นครูรร.มัธยม ทำงานด้วยความรักในอาชีพ มีความสุขในงานที่ทำ พอมาใช้ชีวิตร่วมกันก็ไม่ได้รักกันปานจะกลืนกิน มีทะเลาะเบาะแว้งเรื่องไร้สาระกันเป็นประจำ ผ่านไป5 ปี ไม่มีลูก ดิฉันเริ่มไม่พอใจที่เขาดื่มมากกลับบ้านไม่เป็นเวล่ำเวลา เลิกกันดีกว่าจะได้ต่างคนต่างไปมีชีวิต 

              ดิฉันไปเยี่ยมพ่อครั้งหนึ่งและพบว่า อีนิดหน่อย ท้องโตเบ้อเริ่มเลย ดิฉันยิ้ม...มันหน้าคว่ำแล้วตวาดใส่ว่า “ ก็พร้อมแล้ว พร้อมมีลูกแล้ว”
 ฉันก็ยิ้มอีกหวานกว่าเดิม...จำได้  แม่เลี้ยงเคยว่าดิฉันหน้าตาแบบนี้เดี๋ยวก็ท้องไม่มีพ่อ...ลูกสาวนางรับไปเต็มๆ อีนิดหน่อยท้องโดยประมาท แต่งงานแล้วไปอยู่กับผู้ชาย เขาไม่อยากได้ทั้งแม่ทั้งลูก เลยกลับมาอยู่กับแม่มีลูกติดท้องมาด้วย จำไว้เลยว่าอย่าไปแช่งด่าใครมันจะเข้าตัวเองเสมอ พ่อแสดงความรังเกียจอีนิดหน่อยชัดเจน แต่พ่อหลงหลานมากเข้าทำนอง  เกลียดตัว กินไข่ ....หลานชายของพ่อหน้าตาขี้ริ้วเหมือนแม่มัน ศึกในบ้านพ่อคงไม่ธรรมดาหรอก..
           เพราะฉันได้ยินลูกชายอีนิดหน่อย เรียกพ่อว่า "ไอ้แก่" เรียกตามแม่มัน !

          ดิฉันทะเลาะกันกับสามีเกือบทุกครั้งที่เขากลับบ้านดึก ท้าหย่าทุกวัน คุณสามีถามว่าหย่าแล้วจะไปอยู่ที่ไหน ดิฉันตอบเขาไม่ได้ เขาเลยขำไม่รู้เยาะเรารึเปล่า ดิฉันมีลูกปีที่ 5 ของการแต่งงานนางเลี้ยงง่าย แข็งแรง พ่อแม่เลี้ยงเองจ้างข้างบ้านมาเลี้ยงขอแค่สะอาดและลูกปลอดภัย สองขวบกว่าเอาไปเข้าเนิสเซอรี่ และเข้าเรียนไปตามลำดับ จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ภาษาฝรั่งเศส จบปริญญาโทรัฐศาสตร์จุฬาฯ 
บุญของดิฉันที่เลี้ยงลูกได้อย่างใจ..
.
            พ่อป่วยดิฉันแวะไปเยี่ยม ความทุกข์อย่างหนึ่งของดิฉันคือต้องไปบ้านพ่อ เพราะเราจะต้องได้เจอกริยาต่ำทรามจากสองแม่ลูกทั้งเหยียดหยามทั้งพูดจาถากถางไม่ก็ด่าลอยลม บางทีเดินมากระแทกไหล่เอาดื้อๆ พ่อก็ทำได้แค่มองตาขวาง
             แต่คราวนี้มาแปลก...อีนิดหน่อยเดินเข้ามาประชิดตัวจนดิฉันสะดุ้ง
               นางบอกว่าฝากหลานเข้า รร.หน่อยสิ..
.นี่เรามีหลานอยู่บ้านนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?   ดิฉันรีบคว้าแขนลูกและสามีกลับบ้านแทบไม่ทัน หันกลับไปมองสองแม่ลูก ทั้งคู่ยืนเท้าสะเอวมองดิฉันเหมือนวันที่เขารุมตีด้วยไม้หน้าสาม (กลับไปอ่านตอนที่ 2) เพียงแต่สายตาที่มองมาไม่มีความสะใจเหมือนวันนั้น...

             ดิฉันรับราชการครูในรร.ที่มีชื่อเสียง เป็นรร.ขนาดใหญ่พิเศษ จำนวน นร. 4,000 คน ครู210 คน ไม่นับบุคลากรทางการศึกษาอื่นๆ นร.ที่นี่สอบเข้าแพทย์ได้10อันดับต้นๆ และสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐได้มากถึง 80% "คุณหลาน" จึงปรารถนาที่จะเข้ามาเรียน โชคดีที่ผอ.ส่งดิฉันและทีมครูจีนไปเซียะเหมินไปดูโครงการที่จะเปิดสอนภาษาจีน และทำMOUกับเราเพื่อเปิดโครงการแลกเปลี่ยนนร.ไทย-จีน ตอนนั้นดิฉันเป็นหัวหน้าฯภาษาต่างประเทศ ไปนอกไปนาบ่อยหน่อย แต่ก็ทันให้ได้รู้ว่าตอนไม่อยู่มีน้องสาวมาขอพบและฝากเลขที่ใบสมัครสอบไว้ด้วย
              คุณหลานสอบเข้าไม่ได้......
              หลังวันประกาศผลสอบมีโทรศัพท์สายตรงเข้ามาที่โต๊ะทำงาน พอรับสายก็ตกใจนิดหน่อย
              " เลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย อีเนรคุณ..."

                           ทายถูกไหมคะ ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงมฤตยูนี้...ฮ่า ฮ่า...

                                                                                                                                           " รัชนีกร "

สามารถติดตามตอนก่อนหน้าและตอนต่อไปตามลิ้งก์ด้านล่างนี้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่