อ่านแล้วเป็นไวบ้าง /นิยาย หมัดเส้าหลิน สยบรักมัดใจเธอ บทที่๑

กระทู้คำถาม
บทที่๑
           ปี พ.ศ.๒๓๐๐  ณ  ดินแดนจีนตอนใต้
        
   แผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาล มองออกไปสุดลูกหูลูกตา ลักษณะภูมิศาสตร์ อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยาการธรรมชาติ มีสายน้ำหลากหลาย แม่น้ำ ทะเล ป่าไม้ และขุนเขาสูงตระหง่าน มีอาณาบริเวณกว้างขวาง และมีประชาการมากที่สุด ติดอันดับต้นของโลก มีอารยธรรมเก่าแก่มากกว่าห้าพันปี ราชวงศ์ปกครองสลับหมุนเวียนกันไป นี้คือแผ่นดินที่เรียกว่า จีน

            กลุ่มชาติพันธ์หลากหลายมาอยู่อาศัย ปกครอง และสถาปนาเป็นกษัตริย์ราชวงศ์ หลากหลายเผ่าชน ทั้งเผ่าพันธุ์ที่อาศัยในดินแดนนี้อยู่ก่อนแล้ว และกลุ่มเผ่าพันธุ์เร่รอนหาที่อยู่เพื่อตั้งหลักแหล่ง

           หลังกองทัพเจงกิสข่าน ซึ่งเกิดขึ้นจากการรวบรวมชนเผ่าเร่รอน ผนึกเป็นกลุ่มอันหนึ่งอันเดียวกันเป็นกองทัพใหญ่อลังการ เข้ามาสู่ดินแดนมังกร สถาปนาเป็นอาณาจักร เรียกว่าชาวมองโกล เป็นราชวงศ์หยวน ปกครองแผ่นดินจีนที่กว้างใหญ่

            ประชากรส่วนมากที่อาศัยอยู่ก่อนในแผ่นดินจีนคือชาวฮั่น ซึ่งอยู่อาศัยมาช้านาน มีวัฒนธรรมอันเก่าแก่ตามแว่นแคว้นต่างๆ มีโอกาสขึ้นบัลลังก์อีกครั้ง เป็นผู้ปกครองสูงสุดของแผ่นดินจีน สถาปนาเป็นราชวงศ์หมิง อยู่หลายร้อยปี

           ต่อมาชนชาวแมนจู เผ่าชนกลุ่มน้อยเร่ร่อน ได้รวมตัวกันขึ้นชิงบัลลังก์จากราชวงศ์หมิง และสถาปนาตนเป็นกษัตริย์ปกครองจีนเป็นราชวงศ์ซิง

          การต่อสู้รบกันระหว่างกองทัพใหญ่ เกิดจลาจลระส่ำระสายทั่วแว่นแคว้น เกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ เพื่อช่วงชิงราชบัลลังก์ 
         ช่วงนี้เกิดจลาจล ไม่ลงรอยกันระหว่างชาวฮั่นและชาวแมนจู

         เมื่อแมนจูขึ้นปกครองก็คิดหาทางกำจัดคู่อริกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะทายาทและขุนนางในราชวงศ์หมิง 

        บรรดาขุนนางและเหล่าทหารที่ยังจงรักภักดีต่อราชวงศ์หมิงแห่งชาวฮั่น ได้รวมพรรคพวกเป็นกลุ่มใหญ่ ย้ายหนีไปก่อตั้งอาณาจักรเป็นแคว้นของตน กองทัพแมนจูรู้ข่าวก็ยกพลไปปราบโจมตีให้ย่อยยับ
@@@@@

          “ฆ่ามันให้หมด ปราบล้างราชวงศ์หมิงให้สิ้นซาก เจ็ดชั่วโคตร อย่าให้เหลือ แม้แต่คนเดียว!”

         ชายวัยกลางคน ร่างสูงใหญ่หุ่นกำยำแข็งแรง อยู่ในชุดเกราะทหารแมนจู สวมชุดเกราะและปิดคลุมร่างด้วยเสื้อผ้าหนาเตอะชุดใหญ่ยาวปิดไปถึงศีรษะ สวมหมวกมียอดทรงแหลม มีอาวุธธนูครบชุด คาดไว้ด้านหลัง  ส่วนซองฝักดาบดาบคาดไว้ที่เอว

         ขวับ! เสียงดาบอันคมกริบถูกดึงออกจากฝักดังขึ้น  พร้อมกับชี้ขึ้นฟ้า ปากก็ประกาศกร้าว ท่ามกลางเหล่ากองทัพทหารนับหมื่นคน ขี่ม้าเรียงรายแถวเป็นกลุ่มก้อน ประจันหน้ากันกับเหล่ากองทัพทหารของราชวงศ์หมิงแห่งชาวฮั่น 

       ชาวฮั่นจะถือว่าพวกแมนจูเป็นคนป่าเถื่อนโหดร้าย เพราะมาจากเผ่าเร่ร่อน เมื่อทราบข่าวการบุกรุกของกองทัพทหารแมนจูก็เตรียมกองทัพไว้เพื่อปกป้องการรุกราน

     การต่อสู้เพื่อล้างราชวงศ์ การทำสงครามกันเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ และเพื่อป้องกันตนเองจากฝ่ายอื่นที่มารุกราน จึงมีอยู่บ่อยหน ภายในอาณาเขตแผ่นดินจีนที่อยู่กันหลายเผ่า หลายแคว้นก็ย่อมมีบาดหมางทำร้ายกันธรรมดา

      ชาวฮั่นจะไม่ชอบพวกแมนจู จึงสู้รบกัน แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ดับชีพไปก็ยอม

     “แมนจูจึงเจริญ...แมนจูจงเจริญ..แมนจูจงเจริญ..”

     เสียงเหล่าทหารหาญของกองทัพแมนจูนับหมื่นคนดังขึ้นพร้อมกัน เสียงดังก้องราวกับจะดังทะลุไปทั่วฟากฟ้า  

      “ฆ่ามัน!”

       สิ้นเสียงการประกาศกร้าวคำรามของแม่ทัพใหญ่ เหล่าทหารกองพันที่นั่งคร่อมหลังม้าของทั้งสองฝ่ายก็เคลื่อนเป้าเข้าจู่โจมคู่ต่อสู้โดยพลัน  
       ขณะเดียวกันนั้นทหารของกองทัพราชวงศ์หมิงก็โฮ่ร้องคำรามพร้อมรบเช่นกัน

       เสียงดาบปะทะสู้รบกันดังก้องไปทั่ว เสียงร้องเจ็บปวดโอดครวญดังโหยตามมา และเสียงร้องอ๊าขาดใจตาย
       ระคนพร้อมไปกับเสียงคำราม เพื่อระดมปลุกใจให้พวกพ้องเดียวกันฮึกหาญสู้กับคู่สู้ ด้วยความอาจหาญทระนง โดยไม่เสียดายชีวิต
@@@@@

        “คนของเราล้มตายไปมาก เห็นทีเราจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ขอรับ...ท่านอ๋อง”

        เสียงนายทหารคนหนึ่งรายงานขึ้น ขณะนั่งคุกเข่า แขนซ้ายพลางประคองแขนขวา ซึ่งอาบไปด้วยเลือดที่ทะลึกหลั่งไม่ขาดสาย ร่างของเขาบาดเจ็บ ถูกฟันด้วยดาบคมที่แขนขวา ร่างเปียกโชกไปด้วยน้ำเลือด 

        เขารู้สถานการณ์การสู้รบในครั้งนี้ดีว่าจะลงเอยอย่างไร จึงหอบสังขารที่บาดเจ็บวิ่งฝ่าวงล้อมมาด้านในเพื่อพบผู้บังคับบัญชา ในการที่จะปรึกษาหารือกันในแผนการต่อไป

        “พวกเราที่อยู่นี้ก็คงต้องล้มตายกันหมด  แต่เราไม่มีทางเลือก...”

        แม่ทัพใหญ่แห่งชาวฮั่นกล่าวอย่างถอดใจ ทำให้อีกฝ่ายก็ทำหน้าเศร้าตามอย่างหมดหวัง

       “สิ่งเดียวที่เราจะทำได้ตอนนี้คือ... “ เขาหยุดพูดนิดหนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจแรงสิ้นหวัง  และกลั้นใจพูดต่อว่า

      “สู้จนขาดใจดิ้น ตายดีกว่าที่จะตกเป็นเชลยของแมนจู!”

     “ครับท่าน!” ผู้ใต้บังคับบัญชา ก้มศีรษะรับเสียงหนักแน่น

     “เจ้าจงปกป้ององค์หญิงให้ดีที่สุด อย่าให้มีอันตรายเกิดขึ้นแก่องค์หญิง” นายทัพกล่าวสั่ง น้ำเสียงเข้มงวด

      “องค์หญิงต้องปลอดภัย เจ้าจงนำองหญิงฝ่าวงล้อมออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!”

     “ขอรับ ท่านอ๋อง...”

     “อย่าลืมว่าองค์หญิงเหมยหลิง คือทายาทองค์สุดท้ายของราชวงศ์หมิง แม่นางจะเป็นความหวังของเรา...ที่จะรวบรวมชาวฮั่นทวงคืนบังลังก์จากแมนจู และสืบทายาทราชวงศ์ต่อไป” แม่ทัพใหญ่ ส่วนงานอารักขาราชวงศ์กล่าวอย่างมีหวัง 

      ฉับพลันทันใด ทั้งคู่ตกใจ เมื่อเสียงตะโกนดังเข้ามา

    “องค์หญิงเหมยหลิง โดนรุกรานแล้ว!”

    ทั้งคู่หยุดการสนทนา พลางหันไปทางที่มาของเสียง

     เห็นนายทหารสี่ห้าคนกำลังเอาตัวบังล้อมตัวเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบ หน้าตาสวยจิ้มลิ้ม ผมยาวสลวย ถักเปีย  อยู่ในชุดเสื้อผ้าลายสีสวยฉุยฉาย ยาวเฟื้อยรุ่มร่ามถึงพื้น แบบเด็กสาวชาววังสมัยจีนโบราณ

     เด็กหญิงวัยไร้เดียงสากำลังอยู่ในอาการตกใจสุดขีด หมอบลงพื้นร้องไห้ระงม เหมือนไม่อยากเห็นภาพต่อสู้อันโหดร้ายอันน่าสะพรึงกลัวที่กำลังปรากฏอยู่เบื้องหน้า หมู่ทหารฝ่ายแมนจูก็บุกโหมเข้ามา

     “ไปช่วยองค์หญิง และรีบพาหนีไปจากที่นี่โดยเร็ว!”

     “ครับ ท่านอ๋อง”

     สิ้นคำสั่งอันกร้าวแกร่งของแม่ทัพอ๋อง นายทหารคนนั้นก็รีบลุกหันตัวกลับผละไป ด้วยความกระฉับกระเฉง ราวกับว่าแขนที่บาดเจ็บอยู่ไม่ได้สะทกสะท้านต่อจิตใจ การช่วยองค์หญิงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิต

     คำว่า “อ๋อง” คืออิสรยศ รองจากฮ่องเต้ที่กษัตริย์ประทานให้แก่บรรดาทายาทราชวงศ์ผู้เป็นแม่ทัพคุมกำลังพลของกองทัพทหาร โดยเฉพาะกองทัพทหารองครักษ์ปกป้องราชวงศ์  

     “มันผู้ใดทำร้ายองค์หญิง  มันผู้นั้นต้องตา..ย...ตาย!”

     เขาทิ้งความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บออกไปสิ้น กัดฟันตะโกนลั่น พร้อมกับง้างดาบขึ้นฟ้า วิ่งกระโจนไปข้างหน้า พร้อมฟาดฟันศัตรู
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่