ตามชื่อกระทู้เลยค่ะ คือเรากำลังจะตัดสินใจซื้อบ้าน แต่แฟนเราอยากให้กู้ร่วมกันเนื่องจากต้องการสร้างครอบครัว ก่อนหน้านี้เคยคุยกับแฟนแล้วว่าถ้าแต่งงานการจะต้องแยกออกมา เนื่องจากเราไม่อยากมีปัญหากับที่บ้านเขา ที่เราคิดแบบนี้เพราะคนรอบตัวเราส่วนใหญ่ที่แต่งงานไม่แยกบ้านมักจะมีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ ไม่ก็แม่ยายกับลูกเขย ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดปัญหาเลยคุยกันไว้ก่อน ส่วนนี้แฟนเราเห็นด้วยนะคะ
เรื่มเลยคือเราอยากมีบ้านของตัวเอง เรากับแฟนไปดูบ้านหลายที่มากๆ จนมาเจอหลังที่ถูกใจ ตอนแรกเราจะทำเรื่องกู้ซื้อคนเดียว เนื่องจากแฟนเรากำลังผ่อนรถอยู่ 1 คัน ถ้าแฟนเราต้องการมาอยู่ด้วยอันนี้เราไม่ซีค่ะ แต่แฟนเราอยากให้กู้ร่วมเนื่องจากต้องการสร้างครอบครัวและไม่อยากให้เรามีภาระคนเดียว (ขอบอกก่อนนะคะเรากับแฟนยังไม่แต่งงานกัน แต่ที่บ้านเราโอเคถ้าจะเอาเงินแต่งงานมาซื้อบ้านด้วยกัน เพราะที่บ้านเรามองว่าการจัดงานใหญ่โตสิ้นเปลือง หลังสถานการณ์โควิดดีขึ้นค่อยจัดงานเล็กๆที่มีแต่ญาติและคนสนิทพอ) เราเลยให้เขาไปคุยกับที่บ้านเรื่องที่ต้องการจะกู้ซื้อบ้านร่วมกัน
ประเด็นสำคัญเลยคือ หลังจากที่แฟนไปคุยกับทางบ้านแล้ว พ่อแม่เขาต้องการจะไปอยู่ด้วยค่ะ ซึ่งเราบอกตรงๆเลยว่าไม่โอเค แล้วก็บอกแฟนไปว่าถ้าพ่อแม่เขาจะไปอยู่ด้วย เราไม่สะดวกจะกู้ร่วม เพราะเราเคยบอกเหตุผลของการไม่อยู่กับพ่อแม่เขาไปแล้ว และคิดไปถึงว่าทางครอบครัวเราจะรู้สึกน้อยใจมั้ยถ้าเรามากู้บ้านให้พ่อแม่แฟน
พ่อแฟนเราไม่มีปัญหานะคะ แต่แม่เขาไม่เข้าใจค่ะ หาว่าลูกชายเขาจะทิ้ง อกตัญญู ไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ตอนแก่ ซึ่งเรามอว่าเรื่องนี้มันไร้สาระมากๆ มีหลายครอบครัวมากที่แยกบ้านจากพ่อแม่ไป และบ้านที่เราจะซื้ออยู่ไกลจากบ้านแม่เขาแค่ 20 นาที
มีประโยคนึงที่แม่เขาพูดมาและเรารู้สึกว่าทำไมเขาถึงมีความคิดเอาเปรียบเราแบบนี้ คือ จะให้เรากู้กับลูกชายเขาถ้ากู้ผ่านแล้วให้เราโอนบ้านเป็นชื่อลูกเขาคนเดียว (อย่างที่บอกไปตอนต้นค่ะ แฟนเรามีภาระรถ 1 คัน ไม่สามารถกู้คนเดียวได้แน่นอน) เราก็บอกเขาไปนะคะว่าบ้านมันโอนต่อไม่ได้จนกว่าจะผ่อนหมด แม่เขาก็บอกว่าจะขายบ้านเดิมเพื่อเอาเงินไปโปะบ้านนั้นให้ ยังไงพ่อกับแม่ก็ยกให้แฟนเราอยู่แล้ว คือเราก็ไม่เข้าใจความคิดแม่เขาอยู่ดี ทำไมเราจะต้องไปกู้บ้านให้เขาอยู่ แทนที่เราจะได้มีบ้านของตัวเอง เราก็ยังไม่ใจอ่อนที่จะกู้ร่วมด้วยอยู่ดี แม่เขาก็เอาเรื่อรถมาพูดว่าจริงๆจะดาวน์รถใหม่ให้แฟนเรานานแล้วแต่บ้านนี้จอดรถได้คันเดียว ไม่อยากให้มันเสื่อม ถ้าได้บ้านใหม่ก็จะซื้อเลย นิสัยส่วนตัวของเราแล้วไม่เคยขออะไรจากที่บ้านหรือใครเลย อยากได้อะไรเราหาเองหมด ซึ่งจากคำพูดแม่เขาทำให้เรามองกว่ามันเป็นการดูถูกเรามากเหมือนเรารถมาหลอกล่อให้เรายอมกู้บ้านด้วย คุยกันอยู่นานก็ยังยืนยันที่จะไปอยู่ด้วยค่ะ เราเลยบอกไปว่าเอาเงินที่จะดาวน์รถ ไปลองคุยกับโครงการของวางดวาน์บ้านและค่อยให้แฟนเราทำเรื่องกู้ธนาคารคนเดียวดู แม่เขาก็เงียบไปนะคะ
หลังจากคุยกับแม่เขาเสร็จ แฟนก็มาคุยกับเราค่ะ ว่ากู้ร่วมแต่ไม่บอกแม่ ซึ่งเราก็บอกไปว่าถ้าแม่เขามารู้ที่หลังต้องตามมาอยู่แน่ๆ เราจะตัดปัญหาโดยการกู้คนเดียวเหมือนที่เราตั้งใจไว้ ถ้าเขาจะมาอยู่กับเราบ้างบางวันก็ได้ เขาไม่ต้องมารับผิดชอบช่วยเราจ่ายค่าบ้านได้เราไม่คิดมาก เพราะเรามั่นใจเลยว่าถ้าแฟนเราช่วยจ่ายและแม่เขามารู้ต้องมีปัญหาตามหลังแน่นอน ตอนแรกแฟนเราไม่ยอมนะคะเขาบอกว่าจะไม่เอาเปรียบเราเด็ดขาดถ้ามาอยู่ด้วยก็จะช่วยจ่าย เราเลยเสนอไปว่าทำหนังสือสัญญาไว้มั้ยเพื่อความสบายใจของแม่เขา ว่าถ้าวันนึงเราไปกันไม่รอดเราพร้อมคืนเงินในส่วนของแฟนเราให้ แต่ลึกๆในใจเราไม่อยากให้แฟนช่วยเลยค่ะ กลัวแม่เขารู้ว่ารู้ผ่อนค่าบ้านแล้วจะตามมาอยู่
แม่แฟนเขาดีกับเรานะคะไม่เคยมีปัญหากัน แต่ติดตรงที่เขาจู้จี้ชอบถามชอบอยากรู้เรื่องส่วนตัว ซึ่งเราไม่ชินเพราะที่บ้านเราไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน เราไม่ชินกับการที่ต้องมาเล่าชีวิตประจำวันในแต่ละวันให้ฟัง และตอนนี้บอกเลยว่าเรามองแม่แฟนเราไม่เหมือนเดิมแล้วเราไม่รู้จะทำยังไง เราไม่ได้เกลียดเขานะคะ แต่จากเรื่องที่เล่ามาสิ่งที่เขาพูดคือ มันเหมือนเอาเปรียบเรา เพื่อประโยชน์ของลูกเค้า อย่างเดียวเลย ซึ่งตอนที่บ้านเรารู้ว่าจะกู้บ้านด้วยกันกับแฟนไม่มีใครห้ามหรือจะขอตามไปอยู่เลย มีแต่บอกแฟนเราว่าให้คิดดีๆ เพราะบ้านเรื่องใหญ่ถ้าในอนาคตเขาต้องการซื้อบ้านใหม่ให้พ่อแม่หรือของแฟนเราเองจะมีปัญหามั้ย
ตอนนี้เราตัดสินใจได้แล้วค่ะว่าจะกู้คนเดียว แต่เราจะทำยังไงดีคะให้รู้สึกกับแม่แฟนเหมือนเดิม ตอนนี้เวลาเจอหน้าเขาแต่ละทีเราอึดอัดใจมากเลยค่ะ
กำลังจะซื้อบ้าน แฟนอยากให้กู้ร่วม แต่ติดปัญหาแม่แฟนอยากไปอยู่ด้วยทำยังไงดี?
เรื่มเลยคือเราอยากมีบ้านของตัวเอง เรากับแฟนไปดูบ้านหลายที่มากๆ จนมาเจอหลังที่ถูกใจ ตอนแรกเราจะทำเรื่องกู้ซื้อคนเดียว เนื่องจากแฟนเรากำลังผ่อนรถอยู่ 1 คัน ถ้าแฟนเราต้องการมาอยู่ด้วยอันนี้เราไม่ซีค่ะ แต่แฟนเราอยากให้กู้ร่วมเนื่องจากต้องการสร้างครอบครัวและไม่อยากให้เรามีภาระคนเดียว (ขอบอกก่อนนะคะเรากับแฟนยังไม่แต่งงานกัน แต่ที่บ้านเราโอเคถ้าจะเอาเงินแต่งงานมาซื้อบ้านด้วยกัน เพราะที่บ้านเรามองว่าการจัดงานใหญ่โตสิ้นเปลือง หลังสถานการณ์โควิดดีขึ้นค่อยจัดงานเล็กๆที่มีแต่ญาติและคนสนิทพอ) เราเลยให้เขาไปคุยกับที่บ้านเรื่องที่ต้องการจะกู้ซื้อบ้านร่วมกัน
ประเด็นสำคัญเลยคือ หลังจากที่แฟนไปคุยกับทางบ้านแล้ว พ่อแม่เขาต้องการจะไปอยู่ด้วยค่ะ ซึ่งเราบอกตรงๆเลยว่าไม่โอเค แล้วก็บอกแฟนไปว่าถ้าพ่อแม่เขาจะไปอยู่ด้วย เราไม่สะดวกจะกู้ร่วม เพราะเราเคยบอกเหตุผลของการไม่อยู่กับพ่อแม่เขาไปแล้ว และคิดไปถึงว่าทางครอบครัวเราจะรู้สึกน้อยใจมั้ยถ้าเรามากู้บ้านให้พ่อแม่แฟน
พ่อแฟนเราไม่มีปัญหานะคะ แต่แม่เขาไม่เข้าใจค่ะ หาว่าลูกชายเขาจะทิ้ง อกตัญญู ไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ตอนแก่ ซึ่งเรามอว่าเรื่องนี้มันไร้สาระมากๆ มีหลายครอบครัวมากที่แยกบ้านจากพ่อแม่ไป และบ้านที่เราจะซื้ออยู่ไกลจากบ้านแม่เขาแค่ 20 นาที
มีประโยคนึงที่แม่เขาพูดมาและเรารู้สึกว่าทำไมเขาถึงมีความคิดเอาเปรียบเราแบบนี้ คือ จะให้เรากู้กับลูกชายเขาถ้ากู้ผ่านแล้วให้เราโอนบ้านเป็นชื่อลูกเขาคนเดียว (อย่างที่บอกไปตอนต้นค่ะ แฟนเรามีภาระรถ 1 คัน ไม่สามารถกู้คนเดียวได้แน่นอน) เราก็บอกเขาไปนะคะว่าบ้านมันโอนต่อไม่ได้จนกว่าจะผ่อนหมด แม่เขาก็บอกว่าจะขายบ้านเดิมเพื่อเอาเงินไปโปะบ้านนั้นให้ ยังไงพ่อกับแม่ก็ยกให้แฟนเราอยู่แล้ว คือเราก็ไม่เข้าใจความคิดแม่เขาอยู่ดี ทำไมเราจะต้องไปกู้บ้านให้เขาอยู่ แทนที่เราจะได้มีบ้านของตัวเอง เราก็ยังไม่ใจอ่อนที่จะกู้ร่วมด้วยอยู่ดี แม่เขาก็เอาเรื่อรถมาพูดว่าจริงๆจะดาวน์รถใหม่ให้แฟนเรานานแล้วแต่บ้านนี้จอดรถได้คันเดียว ไม่อยากให้มันเสื่อม ถ้าได้บ้านใหม่ก็จะซื้อเลย นิสัยส่วนตัวของเราแล้วไม่เคยขออะไรจากที่บ้านหรือใครเลย อยากได้อะไรเราหาเองหมด ซึ่งจากคำพูดแม่เขาทำให้เรามองกว่ามันเป็นการดูถูกเรามากเหมือนเรารถมาหลอกล่อให้เรายอมกู้บ้านด้วย คุยกันอยู่นานก็ยังยืนยันที่จะไปอยู่ด้วยค่ะ เราเลยบอกไปว่าเอาเงินที่จะดาวน์รถ ไปลองคุยกับโครงการของวางดวาน์บ้านและค่อยให้แฟนเราทำเรื่องกู้ธนาคารคนเดียวดู แม่เขาก็เงียบไปนะคะ
หลังจากคุยกับแม่เขาเสร็จ แฟนก็มาคุยกับเราค่ะ ว่ากู้ร่วมแต่ไม่บอกแม่ ซึ่งเราก็บอกไปว่าถ้าแม่เขามารู้ที่หลังต้องตามมาอยู่แน่ๆ เราจะตัดปัญหาโดยการกู้คนเดียวเหมือนที่เราตั้งใจไว้ ถ้าเขาจะมาอยู่กับเราบ้างบางวันก็ได้ เขาไม่ต้องมารับผิดชอบช่วยเราจ่ายค่าบ้านได้เราไม่คิดมาก เพราะเรามั่นใจเลยว่าถ้าแฟนเราช่วยจ่ายและแม่เขามารู้ต้องมีปัญหาตามหลังแน่นอน ตอนแรกแฟนเราไม่ยอมนะคะเขาบอกว่าจะไม่เอาเปรียบเราเด็ดขาดถ้ามาอยู่ด้วยก็จะช่วยจ่าย เราเลยเสนอไปว่าทำหนังสือสัญญาไว้มั้ยเพื่อความสบายใจของแม่เขา ว่าถ้าวันนึงเราไปกันไม่รอดเราพร้อมคืนเงินในส่วนของแฟนเราให้ แต่ลึกๆในใจเราไม่อยากให้แฟนช่วยเลยค่ะ กลัวแม่เขารู้ว่ารู้ผ่อนค่าบ้านแล้วจะตามมาอยู่
แม่แฟนเขาดีกับเรานะคะไม่เคยมีปัญหากัน แต่ติดตรงที่เขาจู้จี้ชอบถามชอบอยากรู้เรื่องส่วนตัว ซึ่งเราไม่ชินเพราะที่บ้านเราไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน เราไม่ชินกับการที่ต้องมาเล่าชีวิตประจำวันในแต่ละวันให้ฟัง และตอนนี้บอกเลยว่าเรามองแม่แฟนเราไม่เหมือนเดิมแล้วเราไม่รู้จะทำยังไง เราไม่ได้เกลียดเขานะคะ แต่จากเรื่องที่เล่ามาสิ่งที่เขาพูดคือ มันเหมือนเอาเปรียบเรา เพื่อประโยชน์ของลูกเค้า อย่างเดียวเลย ซึ่งตอนที่บ้านเรารู้ว่าจะกู้บ้านด้วยกันกับแฟนไม่มีใครห้ามหรือจะขอตามไปอยู่เลย มีแต่บอกแฟนเราว่าให้คิดดีๆ เพราะบ้านเรื่องใหญ่ถ้าในอนาคตเขาต้องการซื้อบ้านใหม่ให้พ่อแม่หรือของแฟนเราเองจะมีปัญหามั้ย
ตอนนี้เราตัดสินใจได้แล้วค่ะว่าจะกู้คนเดียว แต่เราจะทำยังไงดีคะให้รู้สึกกับแม่แฟนเหมือนเดิม ตอนนี้เวลาเจอหน้าเขาแต่ละทีเราอึดอัดใจมากเลยค่ะ