กู้ภัยเผยสลด วันเดียวรับผู้ติดเชื้อดับที่บ้าน-รพ. ฌาปนกิจ14 รายรวด
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6552696
เจ้าหน้าที่กู้ภัย เปิดเผยนำผู้ป่วยส่งรพ. ทั้งวันทั้งคืน เผยสลดคืนเดียวรับผู้ติดเชื้อเสียชีวิตทั้งในบ้านพัก ทั้งที่โรงพยาบาลทำพิธีฌาปนกิจ 14 ราย
เมื่อวันที่ 8 ส.ค.64 นาย
นาวิล คงดี นายกสมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา เปิดเผยว่า ช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 พนักงานวิทยุ และเจ้าหน้าที่ของสมาคมที่อยู่ประจำสมาคม รวมถึงตนเองด้วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ช่วงที่รักษาตัว ได้เห็นภาพผู้ติดเชื้อ หลายคนลำบาก เตียงเต็ม หลังจากรักษาตัวหายแล้ว มีภูมิคุ้มกันทุกคน จึงเริ่มเดินหน้าเพื่อช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ เป็นทีมค้นหา นำส่งผู้ติดเชื้อส่งโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย และชุดปฎิบัติการพิเศษ ในการดำเนินการรับส่งผู้เสียชีวิตจากติดเชื้อโควิด19 พร้อมโลงศพ ไปเผาวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฟรีไม่ค่าใช้จ่าย
เจ้าหน้าที่ทุกคนปฎิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ เสียสละ และอยู่ในความไม่ประมาท อุปกรณ์เครื่องมือในการดูแลป้องกัน ชุด PPE น้ำยาฆ่าเชื้อถุงมือ เจลแอลกอฮออล ทั้งที่ต้องจัดหาซื้อมาเองและพี่น้องประชาชนร่วมบริจาคสนับสนุนมา ประชาชนที่สนใจร่วมทำบุญ เพื่อเป็นการช่วยเหลือ ผู้ติดเชื้อ และการดำเนินการเผาศพผู้ติดเชื้อ ได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซีอยุธยา หมายเลขบัญชี 0183739263 ชื่อบัญชี สมาคมอยุธยารวมใจ
องค์กรแพทย์ฯ ขอนแก่น ขอรัฐจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้เพียงพอ ด้านชาวเน็ตดัน #ไฟเซอร์หายไปไหน
https://www.sanook.com/news/8423246/
"ขอ 1,400 ได้มาแค่ 700 โดส" องค์กรแพทย์ฯ ขอนแก่น เรียกร้องรัฐ จัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้เพียงพอ
ภายหลังประเทศไทย ได้รับบริจาควัคซีนโควิด ชนิด mRNA (ไฟเซอร์) จากสหรัฐอเมริกา 1,503,450 โดส และมีแผนการจัดสรรคให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ล่าสุดพบว่าเครือข่ายแพทย์ รพ.ขอนแก่น ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องจัดสรรวัคซีนดังกล่าว ให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยระบุเนื้อหาในแถลงการณ์ดังนี้
"แถลงการณ์องค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น ขอวัคซีนไฟเซอร์ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าโรงพยาบาลขอนแก่น
ตามที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยได้รับบริจาควัคซีนไฟเชอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา 1.5 ล้านโดส และจะมีการ จัดสรรให้กับบุคลากรสาธารณสุขด่านหน้าอย่างเร่งด่วน เพื่อรับมือกับจํานวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั่ว ประเทศ
โรงพยาบาลขอนแก่นนับเป็นโรงพยาบาลหลักในการดูแลผู้ป่วยโควิดทุกความรุนแรงของจังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่ผู้ป่วยคลัสเตอร์ฟันน้ํานม คลัสเตอร์แรงงาน คลัสเตอร์เรือนจําและทัณฑสถาน ไปจนถึงผู้ป่วยหนักอาการวิกฤต สําหรับโควต้าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ มีบุคลากรทางการแพทย์ลงชื่อรับวัคซีนไฟเชอร์ เป็นจํานวน 1,400 คน แต่โรงพยาบาลขอนแก่นกลับได้รับการจัดสรรวัคซีนเป็นจํานวนเพียง 700 โดสเท่านั้น
ทั้งที่เป็นการขอตรงตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนดทุกประการ องค์กรแพทย์โรงพยาบาล ขอนแก่นจึงขอเรียกร้องให้มีการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้เพียงพอต่อจํานวนบุคลากรด่านหน้าของโรงพยาบาลขอนแก่น เพื่อเป็นการปกป้องชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ทุ่มเทรักษาผู้ป่วยอย่างเต็ม ความสามารถมาโดยตลอด"
แถลงการณ์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากเครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก ขณะที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ต่างเฝ้าติดตามกระบวนการจัดสรรควัคซีนชนิดนี้ให้กับบุคลากรการแพทย์ให้เกิดความโปร่งใสมากที่สุด พร้อมติดแฮชแท็ก
#ไฟเซอร์หายไปไหน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลต่อกรณีนี้
สัปเหร่อวัย 72 ฉีดวัคซีนเข็มแรก 2 วันดับ
https://www.nationtv.tv/news/378832270
นครศรีธรรมราช - สัปเหร่อวัย 72 ปีมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ ฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมาเช้าวันนี้พบเป็นศพนอนเสียชีวิตคาบ้านพัก ญาติติดใจขอให้เจ้าหน้าที่ส่งศพพิสูจน์สาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง
8 สิงหาคม 2564 เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.
วิรัตน์ แท่นทอง สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งพบมีคนเสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 1 ต.ท่าไร่ อ.เมืองนครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วยตำรวจสืบสวน,แพทย์เวรโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจ เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบญาติๆ รวมทั้งเพื่อนบ้านจำนวนมาก จับกลุ่มวิพากวิจารณ์ถึงสาเหตุการตายดังกล่าว เนื่องจากผู้ตาย เพิ่งเข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแว็ค โดสแรก เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบภายในห้องนอนพบผู้ตายทราบชื่อนายสมบัติ นิจเนตร อายุ 72 ปี สภาพนอนตายบนเบาะนอน จึงชันสูตรพลิกศพ เบื้องต้นไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้าย คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่เกิน 4 ชั่วโมง
สอบสวนญาติ เล่าว่า นาย
สมบัติ มีอาชีพเป็นสัปเหร่อตามวัดต่างๆ ใน ต.ท่าไร่ อ.เมือง มีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 ส.ค.64 ผู้ตาย เดินทางไปรับการฉีดวัคซีนซิโนแวค โดสแรก ที่โรงละคร อบจ.เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนของโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช หลังรับวัคซีนผู้ตายมีอาการปวดตรงแขนที่ฉีด ก่อนเสียชีวิตช่วงเช้าผู้ตายยังเดินออกจากบ้านทักทายญาติตามปกติ กระทั่งช่วงบ่ายพบผู้ตาย นอนเสียชีวิตภายในบ้าน อย่างไรก็ตามทางญาติติดใจการเสียชีวิต แม้ว่าผู้ตาย จะมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ ซึ่งกินยารักษาของแพทย์ต่อเนื่อง ที่สำคัญผู้ตาย มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ยังทำงานเป็นสัปเหร่อตามวัดต่างๆ ตามปกติ จึงขอให้ทางเจ้าหน้าที่ส่งศพผ่าชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดที่นิติเวชโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชต่อไป
ลูกคาใจ แม่เสียชีวิต อาเจียนเป็นเลือด หลังฉีดวัคซีนได้ 2 วัน วอนหน่วยงานช่วยเหลือ
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6552993
ลูกคาใจ แม่เสียชีวิต อาเจียนเป็นเลือด หลังฉีดวัคซีนได้ 2 วัน วอนหน่วยงานช่วยเหลือและชี้แจง เบื้องต้นผลชันสูตรบอกว่า ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์รูปแม่ วัย 64 ปี พร้อมระบุว่า แม่มีโรคประจำตัวเบาหวานและความดัน ทานยาและพบแพทย์ทุกครั้ง ตามนัดเป็นเวลาร่วม 10 กว่าปี สุขภาพโดยทั่วไปแข็งแรงดี ใช้ชีวิตตามปกติ เมื่อวันที่ 29 ก.ค. แม่ได้รับวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า เข็มแรก กลับมาช่วงเย็นมีอาการปวดบริเวณที่ฉีด อ่อนเพลียมีไข้ จึงทานยาพารา ต่อมาวันที่ 31 ก.ค. อาเจียนและอุจจาระออกมาเป็นเลือดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ล่าสุดวันที่ 8 ส.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พบนาย
วุฒิพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี เป็นลูกชายผู้เสียชีวิต โดยยังติดใจในสาเหตุว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับในการรับการฉีดวัคซีนหรือไม่ เพราะก่อนหน้าที่จะฉีดก็ใช้ชีวิตปกติ และมีสุขภาพที่แข็งแรงดี
นาย
วุฒิพงษ์ กล่าวว่า หลังจากที่ทางเทศบาลตะเคียนเตี้ย ได้ให้แม่ไปรับบัตรคิว เพื่อไปรับการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ซึ่งแม่ได้รับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าใน วันที่ 29 ก.ค. ช่วงบ่าย กลับมาช่วงเย็น ก็มีอาการปวดแขนบริเวณที่ฉีดวัคซีน และมีอาการอ่อนเพลีย และอาการไข้ขึ้นเล็กน้อย จึงได้รับประทานยาพารา แล้วก็ได้พักผ่อน ในวันที่ 2 คุณแม่ก็มีอาการอ่อนเพลียและมีไข้เล็กน้อย จึงให้ทานยาพาราและดื่มน้ำแล้วพักผ่อน และในวันที่ 31 ก.ค. ช่วงเช้ามืด ก็ยังปกติดี และคุณแม่ก็ได้ออกมาเปิดประตูบ้านให้กับพ่อ
แล้วแม่ก็เดินกลับเข้าไปพักผ่อนในห้อง ส่วนพ่อนอนอยู่บริเวณห้องโถง ซึ่งปกติแม่จะตื่นมาทำอาหารในเวลา 07:00 น. แต่จนถึงเวลา 09:00 น. แม่ก็ยังไม่ออกมาจากห้อง พ่อไปเปิดประตูดูภายในห้อง เห็นภาพแม่นั่งจมกองเลือดอยู่ ตนจึงรีบขับรถกลับมาที่บ้านใน ตอนนั้น จากนั้นพ่อก็ได้ติดต่อรถพยาบาล เพื่อนำตัวแม่ไปรักษา ถึงโรงพยาบาลบางละมุงในเวลา 11.00 น.
ขณะนั้นทางหมอก็ได้สอบถามตนกับพ่อว่าให้ช่วยเหลือถึงที่สุดไหม ตนก็ตอบว่าให้ช่วยเหลือแม่ให้ถึงที่สุด ในขณะเดียวกันหมอได้แจ้งกับตนว่าแม่ได้เสียเลือดเป็นจำนวนมาก และทั้งในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมีเลือดกรุ๊ปโอให้แม่แค่ 2 ถุง ตนก็ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อขอรับบริจาคเลือดให้กับแม่ ซึ่งทางแพทย์ก็ได้บอกกับตนว่าเลือดที่ได้มาจากการบริจาคได้นำไปแยกในทางการแพทย์อีกครั้งและใช้เวลานาน เลยไม่มีเลือให้แม่
นาย
วุฒิพงษ์ กล่าวต่อว่า ทางแพทย์ก็บอกกับตนว่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลไม่พร้อม เลยต้องส่งตัวแม่ไปที่โรงพยาบาลจังหวัดชลบุรี หลังจากนั้น หัวใจคุณแม่หยุดเต้น เบื้องต้นทางทีมแพทย์ได้ทำการ CPR ถึง 4 ครั้ง คุณแม่มีชีพจรกลับมา ซึ่งทางแพทย์ก็ได้แจ้งกับตนว่า ก้านสมองของแม่ขาดออกซิเจนไปนานถึง 4 นาทีแล้ว ตนกับพ่อก็ตัดสินใจที่จะไม่ให้ปั๊มหัวใจเพื่อยื้อชีวิตแม่ต่อ โดยตอนนั้นซี่โครงหักหมดแล้ว ก็เลยปล่อยให้แม่ไปสบาย
หลังจากที่แม่เสียชีวิตทางแพทย์ก็ได้สอบถามว่าติดใจในการเสียชีวิต ตนก็ตอบว่ายังติดใจในการเสียชีวิตของแม่ เนื่องจากแม่มีโรค ประจำตัวคือ เบาหวานและความดัน แต่ก็ไปพบแพทย์ตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง ซึ่งก่อนที่จะส่งตัวไปชันสูตรทางโรงพยาบาลก็ได้ตรวจสอบว่า แม่มีการติดเชื้อโควิด หรือไม่ ซึ่งผลการตรวจก็เป็นลบ แม่ได้ได้ติดเชื้อโควิด
ผลชันสูตรเบื้องต้นจากทางโรงพยาบาลบางละมุงถึงสาเหตุการเสียชีวิต ว่ามีเลือดออกในช่องท้อง ตนก็ยังติดใจถึงสาเหตุการตายของแม่จึงได้ส่งไปชันสูตรยังสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิต ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว สันนิษฐานจากพยาธิสภาพของตับ และต้องรอผลอย่างละเอียดอีก 64 วัน ว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับในการรับการฉีดวัคซีนหรือไม่
ตอนนี้ก็ได้นำศพของแม่มาทำพิธีตามศาสนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนที่เข้ามาช่วยเหลือ ตนก็ยังย้ำว่าแม่ของตนใช้ชีวิตก่อนหน้านี้อย่างปกติ หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนมา 2 วัน ก็เสียชีวิต ซึ่งตนก็ยังทำใจไม่ได้ในการจากไปของแม่ อยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามา ช่วยเหลือครอบครัวของตน
JJNY : 5in1 วันเดียวฌาปนกิจ14รายรวด│#ไฟเซอร์หายไปไหน│สัปเหร่อฉีดเข็มแรก2วันดับ│แม่เสีย หลังฉีด2วัน│โพลชี้ทท.พลาดรายได้
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6552696
เจ้าหน้าที่กู้ภัย เปิดเผยนำผู้ป่วยส่งรพ. ทั้งวันทั้งคืน เผยสลดคืนเดียวรับผู้ติดเชื้อเสียชีวิตทั้งในบ้านพัก ทั้งที่โรงพยาบาลทำพิธีฌาปนกิจ 14 ราย
เมื่อวันที่ 8 ส.ค.64 นายนาวิล คงดี นายกสมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา เปิดเผยว่า ช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 พนักงานวิทยุ และเจ้าหน้าที่ของสมาคมที่อยู่ประจำสมาคม รวมถึงตนเองด้วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ช่วงที่รักษาตัว ได้เห็นภาพผู้ติดเชื้อ หลายคนลำบาก เตียงเต็ม หลังจากรักษาตัวหายแล้ว มีภูมิคุ้มกันทุกคน จึงเริ่มเดินหน้าเพื่อช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ เป็นทีมค้นหา นำส่งผู้ติดเชื้อส่งโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย และชุดปฎิบัติการพิเศษ ในการดำเนินการรับส่งผู้เสียชีวิตจากติดเชื้อโควิด19 พร้อมโลงศพ ไปเผาวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฟรีไม่ค่าใช้จ่าย
เจ้าหน้าที่ทุกคนปฎิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ เสียสละ และอยู่ในความไม่ประมาท อุปกรณ์เครื่องมือในการดูแลป้องกัน ชุด PPE น้ำยาฆ่าเชื้อถุงมือ เจลแอลกอฮออล ทั้งที่ต้องจัดหาซื้อมาเองและพี่น้องประชาชนร่วมบริจาคสนับสนุนมา ประชาชนที่สนใจร่วมทำบุญ เพื่อเป็นการช่วยเหลือ ผู้ติดเชื้อ และการดำเนินการเผาศพผู้ติดเชื้อ ได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซีอยุธยา หมายเลขบัญชี 0183739263 ชื่อบัญชี สมาคมอยุธยารวมใจ
องค์กรแพทย์ฯ ขอนแก่น ขอรัฐจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้เพียงพอ ด้านชาวเน็ตดัน #ไฟเซอร์หายไปไหน
https://www.sanook.com/news/8423246/
"ขอ 1,400 ได้มาแค่ 700 โดส" องค์กรแพทย์ฯ ขอนแก่น เรียกร้องรัฐ จัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้เพียงพอ
ภายหลังประเทศไทย ได้รับบริจาควัคซีนโควิด ชนิด mRNA (ไฟเซอร์) จากสหรัฐอเมริกา 1,503,450 โดส และมีแผนการจัดสรรคให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ล่าสุดพบว่าเครือข่ายแพทย์ รพ.ขอนแก่น ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องจัดสรรวัคซีนดังกล่าว ให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยระบุเนื้อหาในแถลงการณ์ดังนี้
"แถลงการณ์องค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น ขอวัคซีนไฟเซอร์ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าโรงพยาบาลขอนแก่น
ตามที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยได้รับบริจาควัคซีนไฟเชอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา 1.5 ล้านโดส และจะมีการ จัดสรรให้กับบุคลากรสาธารณสุขด่านหน้าอย่างเร่งด่วน เพื่อรับมือกับจํานวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั่ว ประเทศ
โรงพยาบาลขอนแก่นนับเป็นโรงพยาบาลหลักในการดูแลผู้ป่วยโควิดทุกความรุนแรงของจังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่ผู้ป่วยคลัสเตอร์ฟันน้ํานม คลัสเตอร์แรงงาน คลัสเตอร์เรือนจําและทัณฑสถาน ไปจนถึงผู้ป่วยหนักอาการวิกฤต สําหรับโควต้าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ มีบุคลากรทางการแพทย์ลงชื่อรับวัคซีนไฟเชอร์ เป็นจํานวน 1,400 คน แต่โรงพยาบาลขอนแก่นกลับได้รับการจัดสรรวัคซีนเป็นจํานวนเพียง 700 โดสเท่านั้น
ทั้งที่เป็นการขอตรงตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนดทุกประการ องค์กรแพทย์โรงพยาบาล ขอนแก่นจึงขอเรียกร้องให้มีการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้เพียงพอต่อจํานวนบุคลากรด่านหน้าของโรงพยาบาลขอนแก่น เพื่อเป็นการปกป้องชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ทุ่มเทรักษาผู้ป่วยอย่างเต็ม ความสามารถมาโดยตลอด"
แถลงการณ์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากเครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก ขณะที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ต่างเฝ้าติดตามกระบวนการจัดสรรควัคซีนชนิดนี้ให้กับบุคลากรการแพทย์ให้เกิดความโปร่งใสมากที่สุด พร้อมติดแฮชแท็ก #ไฟเซอร์หายไปไหน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลต่อกรณีนี้
สัปเหร่อวัย 72 ฉีดวัคซีนเข็มแรก 2 วันดับ
https://www.nationtv.tv/news/378832270
นครศรีธรรมราช - สัปเหร่อวัย 72 ปีมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ ฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมาเช้าวันนี้พบเป็นศพนอนเสียชีวิตคาบ้านพัก ญาติติดใจขอให้เจ้าหน้าที่ส่งศพพิสูจน์สาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง
8 สิงหาคม 2564 เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.วิรัตน์ แท่นทอง สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งพบมีคนเสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 1 ต.ท่าไร่ อ.เมืองนครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วยตำรวจสืบสวน,แพทย์เวรโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจ เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบญาติๆ รวมทั้งเพื่อนบ้านจำนวนมาก จับกลุ่มวิพากวิจารณ์ถึงสาเหตุการตายดังกล่าว เนื่องจากผู้ตาย เพิ่งเข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแว็ค โดสแรก เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบภายในห้องนอนพบผู้ตายทราบชื่อนายสมบัติ นิจเนตร อายุ 72 ปี สภาพนอนตายบนเบาะนอน จึงชันสูตรพลิกศพ เบื้องต้นไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้าย คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่เกิน 4 ชั่วโมง
สอบสวนญาติ เล่าว่า นายสมบัติ มีอาชีพเป็นสัปเหร่อตามวัดต่างๆ ใน ต.ท่าไร่ อ.เมือง มีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 ส.ค.64 ผู้ตาย เดินทางไปรับการฉีดวัคซีนซิโนแวค โดสแรก ที่โรงละคร อบจ.เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนของโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช หลังรับวัคซีนผู้ตายมีอาการปวดตรงแขนที่ฉีด ก่อนเสียชีวิตช่วงเช้าผู้ตายยังเดินออกจากบ้านทักทายญาติตามปกติ กระทั่งช่วงบ่ายพบผู้ตาย นอนเสียชีวิตภายในบ้าน อย่างไรก็ตามทางญาติติดใจการเสียชีวิต แม้ว่าผู้ตาย จะมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ ซึ่งกินยารักษาของแพทย์ต่อเนื่อง ที่สำคัญผู้ตาย มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ยังทำงานเป็นสัปเหร่อตามวัดต่างๆ ตามปกติ จึงขอให้ทางเจ้าหน้าที่ส่งศพผ่าชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดที่นิติเวชโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชต่อไป
ลูกคาใจ แม่เสียชีวิต อาเจียนเป็นเลือด หลังฉีดวัคซีนได้ 2 วัน วอนหน่วยงานช่วยเหลือ
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6552993
ลูกคาใจ แม่เสียชีวิต อาเจียนเป็นเลือด หลังฉีดวัคซีนได้ 2 วัน วอนหน่วยงานช่วยเหลือและชี้แจง เบื้องต้นผลชันสูตรบอกว่า ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์รูปแม่ วัย 64 ปี พร้อมระบุว่า แม่มีโรคประจำตัวเบาหวานและความดัน ทานยาและพบแพทย์ทุกครั้ง ตามนัดเป็นเวลาร่วม 10 กว่าปี สุขภาพโดยทั่วไปแข็งแรงดี ใช้ชีวิตตามปกติ เมื่อวันที่ 29 ก.ค. แม่ได้รับวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า เข็มแรก กลับมาช่วงเย็นมีอาการปวดบริเวณที่ฉีด อ่อนเพลียมีไข้ จึงทานยาพารา ต่อมาวันที่ 31 ก.ค. อาเจียนและอุจจาระออกมาเป็นเลือดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ล่าสุดวันที่ 8 ส.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พบนายวุฒิพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี เป็นลูกชายผู้เสียชีวิต โดยยังติดใจในสาเหตุว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับในการรับการฉีดวัคซีนหรือไม่ เพราะก่อนหน้าที่จะฉีดก็ใช้ชีวิตปกติ และมีสุขภาพที่แข็งแรงดี
นายวุฒิพงษ์ กล่าวว่า หลังจากที่ทางเทศบาลตะเคียนเตี้ย ได้ให้แม่ไปรับบัตรคิว เพื่อไปรับการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล ซึ่งแม่ได้รับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าใน วันที่ 29 ก.ค. ช่วงบ่าย กลับมาช่วงเย็น ก็มีอาการปวดแขนบริเวณที่ฉีดวัคซีน และมีอาการอ่อนเพลีย และอาการไข้ขึ้นเล็กน้อย จึงได้รับประทานยาพารา แล้วก็ได้พักผ่อน ในวันที่ 2 คุณแม่ก็มีอาการอ่อนเพลียและมีไข้เล็กน้อย จึงให้ทานยาพาราและดื่มน้ำแล้วพักผ่อน และในวันที่ 31 ก.ค. ช่วงเช้ามืด ก็ยังปกติดี และคุณแม่ก็ได้ออกมาเปิดประตูบ้านให้กับพ่อ
แล้วแม่ก็เดินกลับเข้าไปพักผ่อนในห้อง ส่วนพ่อนอนอยู่บริเวณห้องโถง ซึ่งปกติแม่จะตื่นมาทำอาหารในเวลา 07:00 น. แต่จนถึงเวลา 09:00 น. แม่ก็ยังไม่ออกมาจากห้อง พ่อไปเปิดประตูดูภายในห้อง เห็นภาพแม่นั่งจมกองเลือดอยู่ ตนจึงรีบขับรถกลับมาที่บ้านใน ตอนนั้น จากนั้นพ่อก็ได้ติดต่อรถพยาบาล เพื่อนำตัวแม่ไปรักษา ถึงโรงพยาบาลบางละมุงในเวลา 11.00 น.
ขณะนั้นทางหมอก็ได้สอบถามตนกับพ่อว่าให้ช่วยเหลือถึงที่สุดไหม ตนก็ตอบว่าให้ช่วยเหลือแม่ให้ถึงที่สุด ในขณะเดียวกันหมอได้แจ้งกับตนว่าแม่ได้เสียเลือดเป็นจำนวนมาก และทั้งในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมีเลือดกรุ๊ปโอให้แม่แค่ 2 ถุง ตนก็ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อขอรับบริจาคเลือดให้กับแม่ ซึ่งทางแพทย์ก็ได้บอกกับตนว่าเลือดที่ได้มาจากการบริจาคได้นำไปแยกในทางการแพทย์อีกครั้งและใช้เวลานาน เลยไม่มีเลือให้แม่
นายวุฒิพงษ์ กล่าวต่อว่า ทางแพทย์ก็บอกกับตนว่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลไม่พร้อม เลยต้องส่งตัวแม่ไปที่โรงพยาบาลจังหวัดชลบุรี หลังจากนั้น หัวใจคุณแม่หยุดเต้น เบื้องต้นทางทีมแพทย์ได้ทำการ CPR ถึง 4 ครั้ง คุณแม่มีชีพจรกลับมา ซึ่งทางแพทย์ก็ได้แจ้งกับตนว่า ก้านสมองของแม่ขาดออกซิเจนไปนานถึง 4 นาทีแล้ว ตนกับพ่อก็ตัดสินใจที่จะไม่ให้ปั๊มหัวใจเพื่อยื้อชีวิตแม่ต่อ โดยตอนนั้นซี่โครงหักหมดแล้ว ก็เลยปล่อยให้แม่ไปสบาย
หลังจากที่แม่เสียชีวิตทางแพทย์ก็ได้สอบถามว่าติดใจในการเสียชีวิต ตนก็ตอบว่ายังติดใจในการเสียชีวิตของแม่ เนื่องจากแม่มีโรค ประจำตัวคือ เบาหวานและความดัน แต่ก็ไปพบแพทย์ตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง ซึ่งก่อนที่จะส่งตัวไปชันสูตรทางโรงพยาบาลก็ได้ตรวจสอบว่า แม่มีการติดเชื้อโควิด หรือไม่ ซึ่งผลการตรวจก็เป็นลบ แม่ได้ได้ติดเชื้อโควิด
ผลชันสูตรเบื้องต้นจากทางโรงพยาบาลบางละมุงถึงสาเหตุการเสียชีวิต ว่ามีเลือดออกในช่องท้อง ตนก็ยังติดใจถึงสาเหตุการตายของแม่จึงได้ส่งไปชันสูตรยังสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิต ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว สันนิษฐานจากพยาธิสภาพของตับ และต้องรอผลอย่างละเอียดอีก 64 วัน ว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับในการรับการฉีดวัคซีนหรือไม่
ตอนนี้ก็ได้นำศพของแม่มาทำพิธีตามศาสนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนที่เข้ามาช่วยเหลือ ตนก็ยังย้ำว่าแม่ของตนใช้ชีวิตก่อนหน้านี้อย่างปกติ หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนมา 2 วัน ก็เสียชีวิต ซึ่งตนก็ยังทำใจไม่ได้ในการจากไปของแม่ อยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามา ช่วยเหลือครอบครัวของตน