นายแบบสัปดาห์นี้ ชื่อรุ่นแบบเต็มยศคือ Model 317-3 Kit Gun AirLite มิติภายนอกของตัวปืน, ขนาดกระสุน และความยาวลำกล้อง เท่ากับโมเดล 63 ต่างกันที่วัสดุ โดยโมเดล 317 ใช้โครงและโม่ทำจากอลูมินั่มอัลลอยด์
ปืนที่เรียกว่า “คิตกัน” (Kit Gun) หมายถึงปืนขนาดกะทัดรัด สามารถจัดรวมอยู่ในชุดยังชีพ (Survival kit) ติดเป้เข้าป่า หรือใส่ไว้ในกล่องเครื่องมือตกปลา ซึ่งในกรณีแรกอาจใช้ล่าสัตว์เล็กเป็นอาหารเมื่อจำเป็น เช่น หลงป่า ส่วนกรณีหลังมักใช้ยิงงูด้วยกระสุนลูกปรายขนาดเล็ก เพื่อไม่ให้เรือทะลุเสียหาย
สมิธแอนด์เวสสัน เป็นผู้ผลิตปืนรายแรกที่ใช้คำ Kit Gun มาจดทะเบียนการค้าเป็นชื่อรุ่นปืน เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1935 เป็นปืนลูกโม่ขนาด .22 LR จุหกนัด ลำกล้อง 3 นิ้ว เรียกชื่อเต็ม ๆ ว่า .22-32 Kit Gun เนื่องจากใช้โครงปืนขนาด .32 ที่ขายอยู่เดิม เป็นโครงเล็กที่ทางโรงงานเรียกว่า I-Frame ต่อมาช่วงหลังสงครามโลกครั้งสองโครงปืนเล็กนี้ได้รับการพัฒนาเป็น J-Frame เพื่อรับกระสุนขนาด .38 Special จุได้ห้านัด
ถึง ค.ศ. 1957 สมิธฯ ใช้เลขรหัสแทนชื่อรุ่นปืนที่สื่อความหมาย ปืน คิตกัน ได้รหัสเป็น โมเดล 34 ผลิตต่อเนื่องถึงปี 1991 จึงยกเลิก โดยมีตัวแทนเป็น โมเดล 63 วัสดุสเตนเลสทั้งกระบอก เริ่มผลิตในปี 1977 ใช้โครงเดียวกับโมเดล 60 ขนาด .38 สเปเชียล ที่ออกตลาดตั้งแต่ปี 1965 ปืนสเตน เลสทั้งสองรุ่นนี้ยังผลิตอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยรุ่น 63 มีการปรับแบบที่สำคัญคือ เจาะช่องโม่เพิ่มจำนวนกระสุน จาก 6 เป็น 8 นัด
นายแบบสัปดาห์นี้ ชื่อรุ่นแบบเต็มยศคือ Model 317-3 Kit Gun AirLite มิติภายนอกของตัวปืน, ขนาดกระสุน และความยาวลำกล้อง เท่ากับโมเดล 63 ต่างกันที่วัสดุ โดยโมเดล 317 ใช้โครงและโม่ทำจากอลูมินั่มอัลลอยด์ กลไกทำงานเป็นเหล็ก และลำกล้องชั้นในเป็นสเตนเลส ทำให้น้ำหนักตัวปืนเบาหวิว เพียง 330 กรัม ไม่ถึงครึ่งของโมเดล 63 ที่เน้นความบึกบึนด้วยน้ำหนักตัว 705 กรัม
รหัสรุ่น 317 อาจทำให้สับสนเล็กน้อย อันเนื่องมาจากความพยายามของโรงงานที่จะให้เลขแต่ละตัวมีความหมาย เช่น ปืน สมิธฯ โมเดล 27 โครงใหญ่ (N-Frame) ขนาด .357 แม็กนั่ม เป็นเหล็กรมดำ ต่อมาทำรุ่นสเตนเลส ตั้งรหัสโดยเพิ่มเลข 6 เป็นโมเดล 627 และเมื่อทำด้วยวัสดุอัลลอยด์น้ำหนักเบา ตั้งให้เป็น โมเดล 327 เป็นต้น ซึ่งใช้ต่อมากับปืนโครงเล็ก (J-Frame) เช่น โมเดล 42, 642, 342 ในความหมายเดียวกัน และมี โมเดล 17 กับ 617 เป็นปืนโครงกลาง (K-Frame) คู่แฝด ดำ-ขาว ขนาด .22 LR อยู่แล้ว มาถึงโมเดล 317 ใช้โครงอัลลอยด์ สอดคล้องกับเลข 3 ตัวนำ แต่เปลี่ยนเป็นโครงเล็ก ไม่ใช่โครงกลางเหมือนโมเดล 17 กับ 617
รายละเอียดของ โมเดล 317 เป็นลูกโม่โครงเล็ก เปิดโม่ออกด้านซ้ายโดยผลักปุ่มล็อกไปด้านหน้า โม่หมุนทวนเข็มนาฬิกาคือช่องทางขวาจะหมุนมาตรงลำกล้องสำหรับยิงนัดต่อไป ไกดับเบิล/ซิงเกิล เหนี่ยวไกยิงได้โดยไม่ต้องง้างนก หรือจะง้างนกเพื่อเล็งยิงประณีตได้ ผิวปืนสีเทาอ่อนไม่ปัดเงา, นกและไกเป็นเหล็กดำ, ศูนย์หลังปรับได้ ร่องศูนย์รูปตัว V แบบ Express, ศูนย์หน้า Hi-Viz ฝังเส้นรวมแสงสีเขียว เล็งยิงในที่แสงน้อยได้ดีมาก, มีกุญแจล็อกเพิ่มความปลอดภัย เมื่อล็อกแล้วมีกระเดื่องยกขึ้นข้างนกสับให้สังเกตได้ โดยนกและไกไม่ทำงาน แต่ยังเปิดโม่ปลดกระสุนได้
โดยรวม คิตกัน แอร์ไลท์ กระบอกนี้ เป็นปืนลูกโม่ที่เบาที่สุดตัวหนึ่งในตลาด ใช้กระสุน .22 ที่ราคาไม่แพง แรงรีคอยล์ต่ำ ความแม่นยำสูง นอกจากใช้งานติดเป้ตามวัตถุประสงค์ของการออกแบบได้อย่างดีแล้ว ยังเหมาะเป็นปืนฝึกซ้อมและเฝ้าบ้านป้องกันตัวได้ด้วย.
https://www.dailynews.co.th/article/576150/
....................................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 694 ลูกกรดติดเป้แปดนัด สมิธฯ 317 คิตกัน แอร์ไลท์
ปืนที่เรียกว่า “คิตกัน” (Kit Gun) หมายถึงปืนขนาดกะทัดรัด สามารถจัดรวมอยู่ในชุดยังชีพ (Survival kit) ติดเป้เข้าป่า หรือใส่ไว้ในกล่องเครื่องมือตกปลา ซึ่งในกรณีแรกอาจใช้ล่าสัตว์เล็กเป็นอาหารเมื่อจำเป็น เช่น หลงป่า ส่วนกรณีหลังมักใช้ยิงงูด้วยกระสุนลูกปรายขนาดเล็ก เพื่อไม่ให้เรือทะลุเสียหาย
สมิธแอนด์เวสสัน เป็นผู้ผลิตปืนรายแรกที่ใช้คำ Kit Gun มาจดทะเบียนการค้าเป็นชื่อรุ่นปืน เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1935 เป็นปืนลูกโม่ขนาด .22 LR จุหกนัด ลำกล้อง 3 นิ้ว เรียกชื่อเต็ม ๆ ว่า .22-32 Kit Gun เนื่องจากใช้โครงปืนขนาด .32 ที่ขายอยู่เดิม เป็นโครงเล็กที่ทางโรงงานเรียกว่า I-Frame ต่อมาช่วงหลังสงครามโลกครั้งสองโครงปืนเล็กนี้ได้รับการพัฒนาเป็น J-Frame เพื่อรับกระสุนขนาด .38 Special จุได้ห้านัด
ถึง ค.ศ. 1957 สมิธฯ ใช้เลขรหัสแทนชื่อรุ่นปืนที่สื่อความหมาย ปืน คิตกัน ได้รหัสเป็น โมเดล 34 ผลิตต่อเนื่องถึงปี 1991 จึงยกเลิก โดยมีตัวแทนเป็น โมเดล 63 วัสดุสเตนเลสทั้งกระบอก เริ่มผลิตในปี 1977 ใช้โครงเดียวกับโมเดล 60 ขนาด .38 สเปเชียล ที่ออกตลาดตั้งแต่ปี 1965 ปืนสเตน เลสทั้งสองรุ่นนี้ยังผลิตอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยรุ่น 63 มีการปรับแบบที่สำคัญคือ เจาะช่องโม่เพิ่มจำนวนกระสุน จาก 6 เป็น 8 นัด
นายแบบสัปดาห์นี้ ชื่อรุ่นแบบเต็มยศคือ Model 317-3 Kit Gun AirLite มิติภายนอกของตัวปืน, ขนาดกระสุน และความยาวลำกล้อง เท่ากับโมเดล 63 ต่างกันที่วัสดุ โดยโมเดล 317 ใช้โครงและโม่ทำจากอลูมินั่มอัลลอยด์ กลไกทำงานเป็นเหล็ก และลำกล้องชั้นในเป็นสเตนเลส ทำให้น้ำหนักตัวปืนเบาหวิว เพียง 330 กรัม ไม่ถึงครึ่งของโมเดล 63 ที่เน้นความบึกบึนด้วยน้ำหนักตัว 705 กรัม
รหัสรุ่น 317 อาจทำให้สับสนเล็กน้อย อันเนื่องมาจากความพยายามของโรงงานที่จะให้เลขแต่ละตัวมีความหมาย เช่น ปืน สมิธฯ โมเดล 27 โครงใหญ่ (N-Frame) ขนาด .357 แม็กนั่ม เป็นเหล็กรมดำ ต่อมาทำรุ่นสเตนเลส ตั้งรหัสโดยเพิ่มเลข 6 เป็นโมเดล 627 และเมื่อทำด้วยวัสดุอัลลอยด์น้ำหนักเบา ตั้งให้เป็น โมเดล 327 เป็นต้น ซึ่งใช้ต่อมากับปืนโครงเล็ก (J-Frame) เช่น โมเดล 42, 642, 342 ในความหมายเดียวกัน และมี โมเดล 17 กับ 617 เป็นปืนโครงกลาง (K-Frame) คู่แฝด ดำ-ขาว ขนาด .22 LR อยู่แล้ว มาถึงโมเดล 317 ใช้โครงอัลลอยด์ สอดคล้องกับเลข 3 ตัวนำ แต่เปลี่ยนเป็นโครงเล็ก ไม่ใช่โครงกลางเหมือนโมเดล 17 กับ 617
รายละเอียดของ โมเดล 317 เป็นลูกโม่โครงเล็ก เปิดโม่ออกด้านซ้ายโดยผลักปุ่มล็อกไปด้านหน้า โม่หมุนทวนเข็มนาฬิกาคือช่องทางขวาจะหมุนมาตรงลำกล้องสำหรับยิงนัดต่อไป ไกดับเบิล/ซิงเกิล เหนี่ยวไกยิงได้โดยไม่ต้องง้างนก หรือจะง้างนกเพื่อเล็งยิงประณีตได้ ผิวปืนสีเทาอ่อนไม่ปัดเงา, นกและไกเป็นเหล็กดำ, ศูนย์หลังปรับได้ ร่องศูนย์รูปตัว V แบบ Express, ศูนย์หน้า Hi-Viz ฝังเส้นรวมแสงสีเขียว เล็งยิงในที่แสงน้อยได้ดีมาก, มีกุญแจล็อกเพิ่มความปลอดภัย เมื่อล็อกแล้วมีกระเดื่องยกขึ้นข้างนกสับให้สังเกตได้ โดยนกและไกไม่ทำงาน แต่ยังเปิดโม่ปลดกระสุนได้
โดยรวม คิตกัน แอร์ไลท์ กระบอกนี้ เป็นปืนลูกโม่ที่เบาที่สุดตัวหนึ่งในตลาด ใช้กระสุน .22 ที่ราคาไม่แพง แรงรีคอยล์ต่ำ ความแม่นยำสูง นอกจากใช้งานติดเป้ตามวัตถุประสงค์ของการออกแบบได้อย่างดีแล้ว ยังเหมาะเป็นปืนฝึกซ้อมและเฝ้าบ้านป้องกันตัวได้ด้วย.
https://www.dailynews.co.th/article/576150/
....................................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช