สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 38
ตา ยาย น้าชาย น้าสะใภ้ แม่ คุณ
สรุปนะคะ .... แม่เป็นลูกสาว ที่แต่งงานแยกออกไป
น้าชาย เป็นลูกชาย ที่ดูแลตายาย จนตาย
เอาตามตรงนะ .. ตายโดยไม่ทำมรดกใดๆ ตามกฎหมายคือลูกๆหารเท่ากัน
แต่ในทางปฎิบัติจริง .. ส่วนมากก็ให้ลูกชาย (หรือคนที่ดูแล) ได้มากที่สุด
ถ้าน้าๆและแม่คุณ แยกออกไปแล้ว ... ธรรมเนียม(ที่น่าโมโห) มักให้ลูกชายที่ดูแล
คือน้าคุณได้บ้านนี้ไป ส่วนลูกคนอื่น อาจได้ทรัพย์สินอื่นไปแบ่งกัน
หลานไม่อยู่ในระบบเลย
เอาตรงๆนะ .. คุณก็รู้ว่า พ่อแม่คุณทิ้งภาระให้ตายาย ส่งเงินแค่เล็กน้อย
คนที่เลี้ยงดูคุณ คือน้าชาย และเค้าดูแลตายายด้วย
การจะเทียบคุณ กับลูกเค้า มันคนละเรื่องกัน
น้าชาย คือผู้มีพระคุณท่วมหัว ยิ่งกว่าพ่อแม่คุณ (มั๊ง)
และแน่นอน น้าชายก็แค่ดูภาพรวม น้าสะใภ้ดูแลรายละเอียด
สำหรับ"น้าสะใภ้" อาจดูใจจืดไปนิด .. แต่คือคนปกติธรรมดา
คุณคือคนอื่น (กาฝาก) เค้าไม่พอใจพ่อแม่คุณที่มักง่าย เค้าแบกรับภาระทุกอย่าง
เค้ารับใช้ครอบครัวนี้มานานแล้ว วันนี้เค้าต้องการบ้านนี้เป็นของครอบครัวเค้า
ถ้าพูดถึงความยุติธรรม แม่คุณก็ไม่ควรได้อะไร
เพราะภาระที่เค้าเอามาฝากตายาย(และน้า) ก็เกินมูลค่า
มันไม่ใช่แค่เงิน แต่การดูแลจากอุแว้จนถึง18 คือการ Pay ที่มีมูลค่ามาก
... และคุณก็ 18 แล้ว คือหนักนานมากแล้ว ...
เห็นด้วยที่คุณเจรจาขออยู่จนจบ ม.6 .. ถึงเวลาที่พ่อแม่ต้องรับผิดชอบบ้าง
มิใช่รอตักตวง ตอนที่คุณทำงานได้ ให้หาเงินให้เค้า หรือรับใช้เค้าตอนแก่
สรุปนะคะ .... แม่เป็นลูกสาว ที่แต่งงานแยกออกไป
น้าชาย เป็นลูกชาย ที่ดูแลตายาย จนตาย
เอาตามตรงนะ .. ตายโดยไม่ทำมรดกใดๆ ตามกฎหมายคือลูกๆหารเท่ากัน
แต่ในทางปฎิบัติจริง .. ส่วนมากก็ให้ลูกชาย (หรือคนที่ดูแล) ได้มากที่สุด
ถ้าน้าๆและแม่คุณ แยกออกไปแล้ว ... ธรรมเนียม(ที่น่าโมโห) มักให้ลูกชายที่ดูแล
คือน้าคุณได้บ้านนี้ไป ส่วนลูกคนอื่น อาจได้ทรัพย์สินอื่นไปแบ่งกัน
หลานไม่อยู่ในระบบเลย
เอาตรงๆนะ .. คุณก็รู้ว่า พ่อแม่คุณทิ้งภาระให้ตายาย ส่งเงินแค่เล็กน้อย
คนที่เลี้ยงดูคุณ คือน้าชาย และเค้าดูแลตายายด้วย
การจะเทียบคุณ กับลูกเค้า มันคนละเรื่องกัน
น้าชาย คือผู้มีพระคุณท่วมหัว ยิ่งกว่าพ่อแม่คุณ (มั๊ง)
และแน่นอน น้าชายก็แค่ดูภาพรวม น้าสะใภ้ดูแลรายละเอียด
สำหรับ"น้าสะใภ้" อาจดูใจจืดไปนิด .. แต่คือคนปกติธรรมดา
คุณคือคนอื่น (กาฝาก) เค้าไม่พอใจพ่อแม่คุณที่มักง่าย เค้าแบกรับภาระทุกอย่าง
เค้ารับใช้ครอบครัวนี้มานานแล้ว วันนี้เค้าต้องการบ้านนี้เป็นของครอบครัวเค้า
ถ้าพูดถึงความยุติธรรม แม่คุณก็ไม่ควรได้อะไร
เพราะภาระที่เค้าเอามาฝากตายาย(และน้า) ก็เกินมูลค่า
มันไม่ใช่แค่เงิน แต่การดูแลจากอุแว้จนถึง18 คือการ Pay ที่มีมูลค่ามาก
... และคุณก็ 18 แล้ว คือหนักนานมากแล้ว ...
เห็นด้วยที่คุณเจรจาขออยู่จนจบ ม.6 .. ถึงเวลาที่พ่อแม่ต้องรับผิดชอบบ้าง
มิใช่รอตักตวง ตอนที่คุณทำงานได้ ให้หาเงินให้เค้า หรือรับใช้เค้าตอนแก่
ความคิดเห็นที่ 54
พ่อแม่จขกท.ตามสไตล์คนที่มีลูกไม่พร้อม คืออยากมีลูกเฉยๆแต่ไม่มีเวลาเลี้ยงเลยโยนมาให้ปู่ยาตายายที่ตจว.เลี้ยงแทน ลูกจะได้โตขึ้นทันใช้ไม่เสียเวลา ตัวเองจ่ายแค่ช่วยเหลือเล็กน้อย
ส่วนมากญาติทุกคนลำบากใจค่ะ มีแต่ปู่ย่าตายายเท่านั้นที่บังคับให้ลูกคนอื่นๆมาช่วยหลานคนนี้เพราะทิ้งไม่ลง
สมัยนี้ค่าจ้างเลี้ยงเด็กเดือนละ15,000ขั้นต่ำ ไม่รวมค่ากินอยู่ของเด็ก
พ่อแม่คุณถ้าไม่ส่งมามากกว่า25,000ต่อเดือนคุณจึงถูกเรียกว่าภาระของญาติ (พ่อแม่ลอยตัวไม่เสียเวลาเลี้ยงลูกตัวเองแล้วมีทำไม เลี้ยงคนมันเหนื่อย มันคืองานอย่างหนึ่งซึ่งไม่ง่าย ถ้าง่ายพ่อแม่เราก็คงทำเองไม่มารบกวนใครขนาดนี้..)
ตอนนี้ยาย ซึ่งน่าจะเป็นคนบังคับน้าชายให้เงียบ(น้าต้องตามใจแม่ ให้ความดูแลลูกแทนพี่สาว18ปีเต็ม น้าชายคือลูกกตัญญูมากค่ะ)
ลองคิดว่ามีคนเอาเด็กมาฝากที่บ้านคุณนะ 2-3วัน ให้แค่ค่าอาหารนิดหน่อย ไม่พอคุณต้องจ่ายเอง แค่นี้ก็คงรอเวลาพ่อแม่เขามารับสักที
แต่นี่18ปี แล้วที่เขาไม่มารับคืนพร้อมจ่ายค่าเสียเวลา เค้าไม่ขอรับทำงานนี้ต่อไปว่าเขาได้หรือ
จะชอบไม่ชอบก็ต้องออกมา
กรรมสิทธิ์บ้าน คนที่เลี้ยงดูพ่อแม่ในขณะที่พี่น้องคนอื่นๆไปใช้ชีวิตของตัวเองไม่เคยมารับภาระ ธรรมเนียมจะตกเป็นของคนที่ดูแล พี่น้องคนไหนที่ไม่เคยดูแล เอาลูกมาให้เลี้ยงแต่สุดท้ายยังจะมาขอแบ่งสมบัติมึนๆด้านๆจะน่าเกลียดเห็นแก่ตัวมากๆๆๆ
ส่วนมากญาติทุกคนลำบากใจค่ะ มีแต่ปู่ย่าตายายเท่านั้นที่บังคับให้ลูกคนอื่นๆมาช่วยหลานคนนี้เพราะทิ้งไม่ลง
สมัยนี้ค่าจ้างเลี้ยงเด็กเดือนละ15,000ขั้นต่ำ ไม่รวมค่ากินอยู่ของเด็ก
พ่อแม่คุณถ้าไม่ส่งมามากกว่า25,000ต่อเดือนคุณจึงถูกเรียกว่าภาระของญาติ (พ่อแม่ลอยตัวไม่เสียเวลาเลี้ยงลูกตัวเองแล้วมีทำไม เลี้ยงคนมันเหนื่อย มันคืองานอย่างหนึ่งซึ่งไม่ง่าย ถ้าง่ายพ่อแม่เราก็คงทำเองไม่มารบกวนใครขนาดนี้..)
ตอนนี้ยาย ซึ่งน่าจะเป็นคนบังคับน้าชายให้เงียบ(น้าต้องตามใจแม่ ให้ความดูแลลูกแทนพี่สาว18ปีเต็ม น้าชายคือลูกกตัญญูมากค่ะ)
ลองคิดว่ามีคนเอาเด็กมาฝากที่บ้านคุณนะ 2-3วัน ให้แค่ค่าอาหารนิดหน่อย ไม่พอคุณต้องจ่ายเอง แค่นี้ก็คงรอเวลาพ่อแม่เขามารับสักที
แต่นี่18ปี แล้วที่เขาไม่มารับคืนพร้อมจ่ายค่าเสียเวลา เค้าไม่ขอรับทำงานนี้ต่อไปว่าเขาได้หรือ
จะชอบไม่ชอบก็ต้องออกมา
กรรมสิทธิ์บ้าน คนที่เลี้ยงดูพ่อแม่ในขณะที่พี่น้องคนอื่นๆไปใช้ชีวิตของตัวเองไม่เคยมารับภาระ ธรรมเนียมจะตกเป็นของคนที่ดูแล พี่น้องคนไหนที่ไม่เคยดูแล เอาลูกมาให้เลี้ยงแต่สุดท้ายยังจะมาขอแบ่งสมบัติมึนๆด้านๆจะน่าเกลียดเห็นแก่ตัวมากๆๆๆ
ความคิดเห็นที่ 78
ขอแสดงความเห็นเพิ่ม
แปลกใจที่บางคนบอกให้จขกท.ผูกใจเจ็บกับครอบครัวน้าและต่อไปถ้าเค้ามาขอความช่วยเหลือก็ไม่ต้องสนใจ
คือสงสัยว่าที่เลี้ยงดูจขกท.มา 18 ปีนี่ไม่ได้นับเป็นบุญคุณอะไรเลยเหรอคะ
เทียบกับพ่อแม่จขกท.ที่ไม่เคยเลี้ยงดูลูกเลย แค่ส่งตังค์มาให้ซึ่งพอรึเปล่าก็ไม่รู้
ถามว่าจขกท.ควรซาบซึ้งบุญคุณใครมากกว่ากัน
ถ้าจขกท.คิดเห็นตามนี้จริง เราว่าครอบครัวน้าก็คิดถูกแล้วล่ะที่เชิญจขกท.ออกจากบ้านซะตั้งแต่ตอนนี้
เพราะต่อให้ทำดีต่อไปแค่ไหน สุดท้ายพอไม่ถูกใจขึ้นมาก็กลายเป็นหมาไปซะงั้น
และยิ่งถ้าจขกท.ไปยุให้แม่และพี่น้องแม่มาทะเลาะกันเรื่องกรรมสิทธิ์บ้านทั้งๆที่ตอนแรกไม่ได้มีใครติดใจอะไร นี่ยิ่งกินบนเรือนขึ้บนหลังคาชัดๆ
หวังว่าจขกท.คงจะคิดได้และไม่บ้าจี้ไปทำตามหรอกนะคะ
แปลกใจที่บางคนบอกให้จขกท.ผูกใจเจ็บกับครอบครัวน้าและต่อไปถ้าเค้ามาขอความช่วยเหลือก็ไม่ต้องสนใจ
คือสงสัยว่าที่เลี้ยงดูจขกท.มา 18 ปีนี่ไม่ได้นับเป็นบุญคุณอะไรเลยเหรอคะ
เทียบกับพ่อแม่จขกท.ที่ไม่เคยเลี้ยงดูลูกเลย แค่ส่งตังค์มาให้ซึ่งพอรึเปล่าก็ไม่รู้
ถามว่าจขกท.ควรซาบซึ้งบุญคุณใครมากกว่ากัน
ถ้าจขกท.คิดเห็นตามนี้จริง เราว่าครอบครัวน้าก็คิดถูกแล้วล่ะที่เชิญจขกท.ออกจากบ้านซะตั้งแต่ตอนนี้
เพราะต่อให้ทำดีต่อไปแค่ไหน สุดท้ายพอไม่ถูกใจขึ้นมาก็กลายเป็นหมาไปซะงั้น
และยิ่งถ้าจขกท.ไปยุให้แม่และพี่น้องแม่มาทะเลาะกันเรื่องกรรมสิทธิ์บ้านทั้งๆที่ตอนแรกไม่ได้มีใครติดใจอะไร นี่ยิ่งกินบนเรือนขึ้บนหลังคาชัดๆ
หวังว่าจขกท.คงจะคิดได้และไม่บ้าจี้ไปทำตามหรอกนะคะ
ความคิดเห็นที่ 11
นั่นไม่ใช่บ้านของคุณครับ ไม่ใช่ตั้งแต่แรกแล้วด้วย เพราะไม่ใช่บ้านที่คุณอยู่กับครอบครัว แล้วยายยกบ้านนี้ให้ใครล่ะครับ เห็นคุณบอกว่าน้าสะใภ้อ้างว่ามีสิทธิ์ในบ้านเต็มตัว ก็น่าจะชัดเจนแล้วนะครับ คือบ้านนั้นเป็นของคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติสายตรงแล้ว เมื่อมันเป็นบ้านของเขา เขาต้องการอยู่เฉพาะกับครอบครัวเขาก็ย่อมเป็นเรื่องปกติ แล้วมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาด้วย เมื่อเขาตัดสินใจแบบนั้น คุณก็ไม่มีความชอบธรรมใดๆ ทั้งสิ้นที่จะอยู่ต่อ
ทางที่ดีนะครับ ถ้าไม่อยากย้าย รร. ก็ลองหาห้องพักใกล้ รร. ดู ลองคุยกับพ่อแม่ว่าสามารถซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ทางเลือกต่อไปคือไปอยู่กับพ่อแม่ที่ กทม. แล้วครับ ถึงแม้ต้องลำบากหาที่เรียนใหม่ ยังไงก็ยังดีกว่าเลือกเดินทางที่รู้อยู่ว่ามันเป็นทางตันครับ
และเห็นด้วยกับเม้นบน พ่อแม่คุณควรมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ ตามหลักควรให้คุณไปอยู่ด้วยตั้งแต่เกิด หรือรับคุณไปอยู่ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นภาระกับทางญาติ อีกทั้งทำให้ลูกมีความรู้สึกผูกพันแปลกๆ แบบนี้
ทางที่ดีนะครับ ถ้าไม่อยากย้าย รร. ก็ลองหาห้องพักใกล้ รร. ดู ลองคุยกับพ่อแม่ว่าสามารถซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ทางเลือกต่อไปคือไปอยู่กับพ่อแม่ที่ กทม. แล้วครับ ถึงแม้ต้องลำบากหาที่เรียนใหม่ ยังไงก็ยังดีกว่าเลือกเดินทางที่รู้อยู่ว่ามันเป็นทางตันครับ
และเห็นด้วยกับเม้นบน พ่อแม่คุณควรมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ ตามหลักควรให้คุณไปอยู่ด้วยตั้งแต่เกิด หรือรับคุณไปอยู่ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นภาระกับทางญาติ อีกทั้งทำให้ลูกมีความรู้สึกผูกพันแปลกๆ แบบนี้
แสดงความคิดเห็น
คุณยายเสีย กำลังถูกน้าชายกับน้าสะใภ้ไล่ให้ไปอยู่กับพ่อแม่ที่กรุงเทพ
และจุดที่กำลังเปลี่ยนชีวิตเราก็มาถึงเมื่อคุณยายเสียเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา น้าชาย และโดยเฉพาะน้าสะใภ้ เริ่มพูดกดดันให้เราย้ายออกจากบ้าน ไปอยู่กับพ่อแม่ที่กรุงเทพ ซึ่งครั้งแรกได้ยินแล้วมันเว่อร์มาก เพราะเราคิดว่าบ้านยายก็คือบ้านเรา ความรู้สึกเหมือนโดนไล่ออกจากบ้านที่เราอยู่มาตั้งแต่เด็กๆ แต่เราก็ทำใจยอมได้เพราะว่าเขาไม่ใช่พ่อแม่เรา และเขาก็มีลูกอยู่สองคน ลูกๆ ของน้าอยู่สบายมากค่ะ ไม่ต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองเหมือนเรา
แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้ น้าสะใภ้เริ่มพูดกดดันเรามากขึ้น และล่าสุดบอกว่าจะยกห้องนอนเรา ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวเราให้ลูกสาวคนโตเพราะเริ่มต้องการมีพื้นที่ส่วนตัว แยกห้องกับพ่อแม่ เราก็ถามทั้งน้ำตาว่าแล้วพื้นที่ส่วนตัวของหนูล่ะ น้าสะใภ้พูดประโยคเดิม ว่าที่ของเราคือไปอยู่กับพ่อแม่ที่กรุงเทพโน่น
ตอนนี้มืดไปหมดเลยค่ะ ไม่รู้จะทำยังไงดี จะทำยังไงให้เขาเห็นใจ เราโทรคุยกับพ่อแม่แล้ว พ่อแม่ก็บอกว่าพร้อมรับไปอยู่นะ แต่เราจะอยู่ได้ไหม พ่อแม่ไม่ได้อยู่บ้านชนบทอากาศดีๆ เหมือนเรา แต่อยู่ห้องแฟลตที่แคบและติดกับคนอื่นเป็นจำนวนมาก คือได้ยินแล้วอยากอยู่บ้านเดิมดีกว่า และตอนนี้ยังมีอีกเรื่องคือเรื่องของโรคระบาด ที่กรุงเทพกำลังเป็นศูนย์กลางการระบาดเพราะคนเยอะและหนาแน่น ทำให้เราไม่คิดจะไปอยู่เลย
เราควรจะทำยังไงให้น้าชายและน้าสะใภ้เห็นใจเรา หรือว่าควรย้ายไปอยู่กรุงเทพดีคะ