กล่องใส่รองเท้า อุปกรณ์จัดเก็บที่กลายเป็นที่นิยมมากในปัจจุบันจนแซงหน้าตู้เก็บรองเท้าแบบเก่า ๆ ไปไกลลิบ ด้วยข้อดีมากมายที่นอกจากจะช่วยดูแลรักษารองเท้าแล้วยังให้ความยืดหยุ่นในเรื่องการใช้งานและการจัดวางได้แทบทุกรูปแบบโดยไม่มีข้อจำกัด จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีรองเท้าหลายคู่ หรือต้องการโชว์รองเท้าสวย ๆ แบบเป็นระเบียบเรียบร้อยไปด้วยในตัว แต่กล่องใส่รองเท้า แบบไหน ที่เหมาะกับการใช้งานของเรา
HomeGuru ได้รวบรวมเทคนิคในการเลือกซื้อมาฝากครับ
• รูปแบบของกล่องรองเท้า
รองเท้า นอกจากจะมีไว้เพื่อใช้งานแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกสไตล์หรือรสนิยมของเจ้าของรองเท้าอย่างชัดเจน จึงไม่แปลกที่จะมีการดีไซน์รองเท้าออกมาหลายแบบหลายสไตล์ เพื่อตอบโจทย์การแต่งกายของแต่ละคน เช่นเดียวกันกับกล่องใส่รองเท้าที่ต่างก็ได้รับการดีไซน์ออกมาหลายแบบหลายสไตล์เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละแบบที่แตกต่างกันออกไป
1. กล่องใส่รองเท้าแบบพลาสติก
มีความแข็งแรงทนทาน ขึ้นรูปง่าย สามารถดีไซน์ออกมาได้หลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา จึงทำให้เคลื่อนย้ายสะดวก ประกอบหรือวางซ้อนต่อกันได้หลายชั้น ช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บรองเท้า นอกจากนี้ยังนิยมทำเป็นกล่องแบบโปร่งใสที่ช่วยทำให้มองเห็นรองเท้าด้านในได้อย่างชัดเจน จึงเหมาะกับการจัดเก็บรองเท้าเพื่อตั้งโชว์และสะดวกต่อการหยิบใช้งานไปด้วยในตัว
2. กล่องใส่รองเท้าแบบลิ้นชัก
เป็นกล่องใส่รองเท้าที่มีทั้งที่ผลิตมาจากพลาสติกและอะคริลิคใสที่ช่วยให้มองเห็นรองเท้าด้านในได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังสามารถหยิบใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็วด้วยการเปิด-ปิดแบบลิ้นชัก ซึ่งนอกจากจะทำให้การใช้งานมีความคล่องตัวสูงแล้ว ลักษณะของตัวกล่องที่มีการซ้อนตัวลิ้นชักอีกชั้นจึงทำให้กล่องรองดท้าแบบนี้มีความแข็งแรงมากกว่ากล่องแบบอื่น ๆ
3. กล่องใส่รองเท้าในรถยนต์
ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกล่องรองเท้าที่ผลิตจากพลาสติก เนื่องจากต้องการให้มีน้ำหนักเบาเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย และหลาย ๆ คนมักจะเลือกใช้เป็นกล่องแบบฝาเปิด-ปิดได้มากกว่ากล่องแบบลิ้นชัก เพื่อป้องกันปัญหาลิ้นชักไหลจากกล่องตามแรงเบรครถ ที่สำคัญคือจะเป็นกล่องที่มีรูระบายความอับชื้นและเชื้อรา รวมถึงป้องกันฝุ่นละอองต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และช่วยป้องกันไม่ให้รองเท้าเสียทรงในระหว่างการเดินทาง
• เทคนิคเลือกซื้อกล่องรองเท้า
กล่องรองเท้าในปัจจุบันก็มีการผลิตออกมาให้เลือกใช้งานอยู่หลากหลายประเภท แม้ว่าดูเผิน ๆ แล้วกล่องใส่รองเท้าแต่ละแบบจะเหมือน ๆ กัน แต่แท้จริงแล้วก็มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ต้องพิจารณาก่อนการเลือกซื้อเช่นกันครับ
1. ขนาดของรองเท้า
โดยปกติแล้ว กล่องใส่รองเท้าขนาดมาตรฐานจะสามารถรองรับรองเท้าได้แทบทุกขนาดอยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่ใส่รองเท้าเบอร์ใหญ่พิเศษ หรือเป็นรองเท้าดีไซน์พิเศษก็ควรจะเช็คขนาดของกล่องรองเท้าให้แน่ใจก่อนว่าสามารถเก็บลงกล่องได้แบบไม่ต้องยัดรองเท้าลงไปให้เสียทรงครับ
2. ฟังก์ชั่นของกล่องรองเท้า
กล่องรองเท้าแต่ละแบบนั้นได้รับการออกแบบมาไม่เหมือนกัน บางแบบเป็นกล่องแบบลิ้นชัก บางแบบเป็นกล่องแบบมีฝาเปิด-ปิดด้านบน บางแบบเป็นกล่องที่เปิด-ปิดจากทางด้านหน้ากล่องได้เลย รวมถึงตัวล็อคของแต่ละกล่องที่อาจมีความแตกต่างกัน เช่น ตัวล็อคแบบแม่เหล็ก หรือตัวล็อคแบบพลาสติกเลื่อนขึ้น-ลง เป็นต้น การเลือกใช้จึงควรพิจารณาเลือกฟังก์ชั่นการใช้งานให้ตอบโจทย์ตามความถนัดให้มากที่สุดด้วยครับ
3. ความแข็งแรงของวัสดุ
กล่องเก็บรองเท้าควรมีความแข็งแรง ไม่แตกหักง่าย โดยเฉพาะหากต้องการใช้งานบริเวณนอกตัวบ้านที่ต้องโดนแดดโดนฝน โดนลมพายุ หรือหากมีสัตว์เลี้ยงในบ้านที่อาจกระโดดชนกล่องใส่รองเท้าได้ก็ยิ่งต้องพิจารณาเรื่องความแข็งแรงของวัสดุเป็นพิเศษเลยครับ เพราะกล่องรองเท้าที่ไม่แข็งแรงหรือแน่นหนาพอก็จะมีโอกาสแตกหักเสียหายได้ง่ายครับ
4. รูระบายอากาศของกล่องรองเท้า
หนึ่งในคุณสมบัติสำคัญขั้นพื้นฐานที่กล่องรองเท้าควรจะมี คือ ความสามารถในการระบายอากาศที่ดีนั่นเองครับ เพราะฉะนั้นควรเลือกซื้อกล่องรองเท้าที่มีรูระบายอากาศอยู่ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยไม่ให้เกิดปัญหารองเท้ามีกลิ่นเหม็นอับ หรือปัญหาความชื้นและเชื้อราที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ
5. สีสันและรูปแบบที่ถูกใจ
กล่องใส่รองเท้านั้นต่างก็มีการออกแบบมาแตกต่างกัน นอกจากจะเพื่อรองรับการใช้งานที่แตกต่างกันแล้วยังเป็นการออกแบบมาเพื่อให้สามารถเลือกใช้งานได้ตามสไตล์การตกแต่งบ้าน เพื่อให้กลายเป็นเหมือนเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งชิ้นหนึ่งที่ดูกลมกลืนกับบ้านแต่ละรูปแบบ การเลือกโทนสีที่เข้ากับบ้านเพื่อไม่ให้กล่องรองเท้าดูโดดเด่นสะดุดตาเกินไปจึงเป็นอีกหนึ่งไอเดียการตกแต่งบ้านที่น่าสนใจครับ
6. ราคากล่องรองเท้า
แม้ว่ากล่องรองเท้าจะเป็นอุปกรณ์จัดเก็บขนาดเล็กที่ราคาไม่สูงนักเมื่อเทียบกับการซื้อตู้รองเท้าทั้งตู้ แต่เนื่องจากข้อจำกัดในการจัดเก็บที่เก็บได้เพียงแค่กล่องละหนึ่งคู่ จึงต้องพิจารณาเรื่องของจำนวนกล่องรองเท้าที่จะใช้งานให้ดีเสียก่อนครับ เพราะยิ่งมีรองเท้ามากเท่าไหร่ ก็ต้องใช้กล่องรองเท้าและงบประมาณในการซื้อกล่องรองเท้ามากขึ้นเท่านั้น
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ กล่องใส่รองเท้า ที่มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลายคนอาจไม่เคยสังเกตมาก่อน
HomeGuru หวังว่าทุกคนจะได้เทคนิคดี ๆ ในการเลือกซื้อ กล่องรองเท้า ให้ตรงกับความต้องการใช้งานกันนะครับ
HomeGuru by HomePro
อุ่นใจทุกเรื่องบ้านไปกับโฮมโปร และติดตามเคล็ดลับดีๆ เพื่อบ้านได้ทาง
http://bit.ly/HomeGuru_Homepro
และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นปัญหาเรื่องบ้านกับ HomeGuru เพิ่มเติมได้ทาง
https://bit.ly/3dQm4XE
เลือกกล่องใส่รองเท้าแบบไหนดีที่สุด!
กล่องใส่รองเท้า อุปกรณ์จัดเก็บที่กลายเป็นที่นิยมมากในปัจจุบันจนแซงหน้าตู้เก็บรองเท้าแบบเก่า ๆ ไปไกลลิบ ด้วยข้อดีมากมายที่นอกจากจะช่วยดูแลรักษารองเท้าแล้วยังให้ความยืดหยุ่นในเรื่องการใช้งานและการจัดวางได้แทบทุกรูปแบบโดยไม่มีข้อจำกัด จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีรองเท้าหลายคู่ หรือต้องการโชว์รองเท้าสวย ๆ แบบเป็นระเบียบเรียบร้อยไปด้วยในตัว แต่กล่องใส่รองเท้า แบบไหน ที่เหมาะกับการใช้งานของเรา HomeGuru ได้รวบรวมเทคนิคในการเลือกซื้อมาฝากครับ
• รูปแบบของกล่องรองเท้า
รองเท้า นอกจากจะมีไว้เพื่อใช้งานแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกสไตล์หรือรสนิยมของเจ้าของรองเท้าอย่างชัดเจน จึงไม่แปลกที่จะมีการดีไซน์รองเท้าออกมาหลายแบบหลายสไตล์ เพื่อตอบโจทย์การแต่งกายของแต่ละคน เช่นเดียวกันกับกล่องใส่รองเท้าที่ต่างก็ได้รับการดีไซน์ออกมาหลายแบบหลายสไตล์เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละแบบที่แตกต่างกันออกไป
1. กล่องใส่รองเท้าแบบพลาสติก
มีความแข็งแรงทนทาน ขึ้นรูปง่าย สามารถดีไซน์ออกมาได้หลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา จึงทำให้เคลื่อนย้ายสะดวก ประกอบหรือวางซ้อนต่อกันได้หลายชั้น ช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บรองเท้า นอกจากนี้ยังนิยมทำเป็นกล่องแบบโปร่งใสที่ช่วยทำให้มองเห็นรองเท้าด้านในได้อย่างชัดเจน จึงเหมาะกับการจัดเก็บรองเท้าเพื่อตั้งโชว์และสะดวกต่อการหยิบใช้งานไปด้วยในตัว
2. กล่องใส่รองเท้าแบบลิ้นชัก
เป็นกล่องใส่รองเท้าที่มีทั้งที่ผลิตมาจากพลาสติกและอะคริลิคใสที่ช่วยให้มองเห็นรองเท้าด้านในได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังสามารถหยิบใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็วด้วยการเปิด-ปิดแบบลิ้นชัก ซึ่งนอกจากจะทำให้การใช้งานมีความคล่องตัวสูงแล้ว ลักษณะของตัวกล่องที่มีการซ้อนตัวลิ้นชักอีกชั้นจึงทำให้กล่องรองดท้าแบบนี้มีความแข็งแรงมากกว่ากล่องแบบอื่น ๆ
3. กล่องใส่รองเท้าในรถยนต์
ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกล่องรองเท้าที่ผลิตจากพลาสติก เนื่องจากต้องการให้มีน้ำหนักเบาเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย และหลาย ๆ คนมักจะเลือกใช้เป็นกล่องแบบฝาเปิด-ปิดได้มากกว่ากล่องแบบลิ้นชัก เพื่อป้องกันปัญหาลิ้นชักไหลจากกล่องตามแรงเบรครถ ที่สำคัญคือจะเป็นกล่องที่มีรูระบายความอับชื้นและเชื้อรา รวมถึงป้องกันฝุ่นละอองต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และช่วยป้องกันไม่ให้รองเท้าเสียทรงในระหว่างการเดินทาง
• เทคนิคเลือกซื้อกล่องรองเท้า
กล่องรองเท้าในปัจจุบันก็มีการผลิตออกมาให้เลือกใช้งานอยู่หลากหลายประเภท แม้ว่าดูเผิน ๆ แล้วกล่องใส่รองเท้าแต่ละแบบจะเหมือน ๆ กัน แต่แท้จริงแล้วก็มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ต้องพิจารณาก่อนการเลือกซื้อเช่นกันครับ
1. ขนาดของรองเท้า
โดยปกติแล้ว กล่องใส่รองเท้าขนาดมาตรฐานจะสามารถรองรับรองเท้าได้แทบทุกขนาดอยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่ใส่รองเท้าเบอร์ใหญ่พิเศษ หรือเป็นรองเท้าดีไซน์พิเศษก็ควรจะเช็คขนาดของกล่องรองเท้าให้แน่ใจก่อนว่าสามารถเก็บลงกล่องได้แบบไม่ต้องยัดรองเท้าลงไปให้เสียทรงครับ
2. ฟังก์ชั่นของกล่องรองเท้า
กล่องรองเท้าแต่ละแบบนั้นได้รับการออกแบบมาไม่เหมือนกัน บางแบบเป็นกล่องแบบลิ้นชัก บางแบบเป็นกล่องแบบมีฝาเปิด-ปิดด้านบน บางแบบเป็นกล่องที่เปิด-ปิดจากทางด้านหน้ากล่องได้เลย รวมถึงตัวล็อคของแต่ละกล่องที่อาจมีความแตกต่างกัน เช่น ตัวล็อคแบบแม่เหล็ก หรือตัวล็อคแบบพลาสติกเลื่อนขึ้น-ลง เป็นต้น การเลือกใช้จึงควรพิจารณาเลือกฟังก์ชั่นการใช้งานให้ตอบโจทย์ตามความถนัดให้มากที่สุดด้วยครับ
3. ความแข็งแรงของวัสดุ
กล่องเก็บรองเท้าควรมีความแข็งแรง ไม่แตกหักง่าย โดยเฉพาะหากต้องการใช้งานบริเวณนอกตัวบ้านที่ต้องโดนแดดโดนฝน โดนลมพายุ หรือหากมีสัตว์เลี้ยงในบ้านที่อาจกระโดดชนกล่องใส่รองเท้าได้ก็ยิ่งต้องพิจารณาเรื่องความแข็งแรงของวัสดุเป็นพิเศษเลยครับ เพราะกล่องรองเท้าที่ไม่แข็งแรงหรือแน่นหนาพอก็จะมีโอกาสแตกหักเสียหายได้ง่ายครับ
4. รูระบายอากาศของกล่องรองเท้า
หนึ่งในคุณสมบัติสำคัญขั้นพื้นฐานที่กล่องรองเท้าควรจะมี คือ ความสามารถในการระบายอากาศที่ดีนั่นเองครับ เพราะฉะนั้นควรเลือกซื้อกล่องรองเท้าที่มีรูระบายอากาศอยู่ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยไม่ให้เกิดปัญหารองเท้ามีกลิ่นเหม็นอับ หรือปัญหาความชื้นและเชื้อราที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ
5. สีสันและรูปแบบที่ถูกใจ
กล่องใส่รองเท้านั้นต่างก็มีการออกแบบมาแตกต่างกัน นอกจากจะเพื่อรองรับการใช้งานที่แตกต่างกันแล้วยังเป็นการออกแบบมาเพื่อให้สามารถเลือกใช้งานได้ตามสไตล์การตกแต่งบ้าน เพื่อให้กลายเป็นเหมือนเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งชิ้นหนึ่งที่ดูกลมกลืนกับบ้านแต่ละรูปแบบ การเลือกโทนสีที่เข้ากับบ้านเพื่อไม่ให้กล่องรองเท้าดูโดดเด่นสะดุดตาเกินไปจึงเป็นอีกหนึ่งไอเดียการตกแต่งบ้านที่น่าสนใจครับ
6. ราคากล่องรองเท้า
แม้ว่ากล่องรองเท้าจะเป็นอุปกรณ์จัดเก็บขนาดเล็กที่ราคาไม่สูงนักเมื่อเทียบกับการซื้อตู้รองเท้าทั้งตู้ แต่เนื่องจากข้อจำกัดในการจัดเก็บที่เก็บได้เพียงแค่กล่องละหนึ่งคู่ จึงต้องพิจารณาเรื่องของจำนวนกล่องรองเท้าที่จะใช้งานให้ดีเสียก่อนครับ เพราะยิ่งมีรองเท้ามากเท่าไหร่ ก็ต้องใช้กล่องรองเท้าและงบประมาณในการซื้อกล่องรองเท้ามากขึ้นเท่านั้น
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ กล่องใส่รองเท้า ที่มีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลายคนอาจไม่เคยสังเกตมาก่อน HomeGuru หวังว่าทุกคนจะได้เทคนิคดี ๆ ในการเลือกซื้อ กล่องรองเท้า ให้ตรงกับความต้องการใช้งานกันนะครับ
HomeGuru by HomePro
อุ่นใจทุกเรื่องบ้านไปกับโฮมโปร และติดตามเคล็ดลับดีๆ เพื่อบ้านได้ทาง http://bit.ly/HomeGuru_Homepro
และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นปัญหาเรื่องบ้านกับ HomeGuru เพิ่มเติมได้ทาง https://bit.ly/3dQm4XE