อยากแชร์เพื่อเตือนทุกๆคน “อย่าชะล่าใจกับ โควิด 19”
เราติดโควิดและทำให้แฟนติดด้วย เรามีอาการปวดเอวและตัวรุมๆเหมือนจะเป็นไข้คิดว่าตัวเองจะมีประจำเดือนเหมือนทุกๆเดือนที่มีอาการ พอตกเย็นก็เริ่มมีอาการไข้ เลยทานยาลดไข้ นอนพักผ่อน และเริ่มมีไข้อีกตอนตีสอง ตื่นมากินยาลดไข้อีกครั้ง นอนหลับจนถึงเช้า อาการไข้ก็ดีขึ้น เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร...ผ่านไปถึงช่วงสายๆก็มีเสียงเรียกเข้าจากคนที่บ้านบอกว่าเพื่อนที่ทำงานติดโควิดทำให้คนที่บ้านเราที่สำผัสกับเพื่อนร่วมงานเสี่ยงสูง และให้เราพร้อมคนที่บ้านคนอื่นๆแยกตัวเองก่อนระหว่างรอผล แต่คนที่บ้านทุกคนรวมถึงเราก็มีอาการเหมือนๆกัน เลยทำให้เรามั่นใจว่าเราก็คงติดด้วย...และเมื่อเราทราบข่าวนั้นก็แยกตัวกับแฟน......แต่แฟนเราไม่มีอาการอะไร มีก็แต่จิตที่วิตกกังวล...หลังจากที่คนที่บ้านเราผลออกเป็นบวกเราเลยเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่ต้องไปตรวจ และผลเราก็ออกมาเป็นบวกเหมือนกัน อันดับแรกที่รู้ผลเราก็แจ้งแฟนเราเพราะเขาคือคนที่สัมผัสกับเราและรีบให้เขาไปตรวจด้วย แต่เขาไม่มีอาการอะไรเลยบอกเราว่าจะไปตรวจยังไงในเมื่อไม่มีอาการ หลังจากที่ทราบผลว่าเราติดกว่าแฟนเราจะไปตรวจก็กินเวลาไปสิบกว่าวันโดยที่เขาบอกกับเราตลอดว่าไม่มีอาการอะไร แต่ด้วยความที่เราพยายามให้เขาไปตรวจ เขาเลยยอมไปตรวจแต่โดยดี ซึ่งผลครั้งแรกของเขานั้นเป็นลบ แต่หมอให้ไปตรวจอีกครั้งเพื่อยืนยันและปรากฎว่าเขามีเชื้อ ซึ่งเป็นเราเองที่ตกใจเมื่อได้ฟังข่าวเพราะว่าเขาไม่มีอาการอะไร แต่สำหรับเขาไม่ตกใจอะไรเพราะรู้ก่อนหน้าแล้วว่ามีเชื้อเพราะเขาเริ่มมีอาการแต่ไม่ได้บอกความจริงกับเรา เขาเริ่มทานยาฟ้าทะลายโจร กระชายแคปซูลมาก่อนหน้าที่จะไปตรวจอีก เพราะเขาคืดเองเสมอว่าเขาเป็นคนที่แข็งแรงดูแลสุขภาพมาอย่างดีตลอด ถึงเขามีเชื้อเขาก็สามารถหายได้โดยไม่จำเป็นต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่สิ่งที่เขาชะล่าใจก็คือเขายังไม่ได้ฉีดวัคซีน และเป็นคนไข้ในกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการหนัก....หลังจากที่พบเชื้อหมอเลยสั่งยาฟ้าทะลายโจรให้เขากินเป็นเวลาห้าวัน และช่วงนั้นเขามีอาการเหนื่อย เพลีย หายใจลำบาก แต่ก็ไม่ได้แจ้งหมอเวลาที่หมอโทรถามอาการในทุกวัน เพราะผลจากการวัดค่าต่างๆในวินาทีที่หมอโทรมาเขาก็บอกค่า ณ ตอนนั้นซึ่งมันเป็นค่าที่น่าพอใจมาก แต่เขาไม่ได้บอกอาการก่อนหน้าที่เลวร้ายเลย เพราะเขาคิดเสมอว่าเขาสู้ได้อยุ่แล้ว หลังจากห้าวันที่ทานยาครบ อาการเขาก็เริ่มแย่ลง จนต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล และอาการทรุดลงเรื่อยๆ เพราะเชื้อลงปอดเยอะแล้ว และเขาก็ได้จากเราไปไม่มีวันกลับมา
อยากฝากทุกคนว่าถ้ามีอาการอะไรที่เกิดขึ้นกับตัวเราเราต้องรายงานหมอตามความจริง อย่าได้คิดเองว่าเราสามารถต่อสู้ได้เพราะร่างกายที่เราคิดว่าเราแข็งแรงมาตลอด ความเสียใจก็ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรกับการสูญเสียครั้งนี้ 😥😥
ประสบการณ์โควิด 19
เราติดโควิดและทำให้แฟนติดด้วย เรามีอาการปวดเอวและตัวรุมๆเหมือนจะเป็นไข้คิดว่าตัวเองจะมีประจำเดือนเหมือนทุกๆเดือนที่มีอาการ พอตกเย็นก็เริ่มมีอาการไข้ เลยทานยาลดไข้ นอนพักผ่อน และเริ่มมีไข้อีกตอนตีสอง ตื่นมากินยาลดไข้อีกครั้ง นอนหลับจนถึงเช้า อาการไข้ก็ดีขึ้น เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร...ผ่านไปถึงช่วงสายๆก็มีเสียงเรียกเข้าจากคนที่บ้านบอกว่าเพื่อนที่ทำงานติดโควิดทำให้คนที่บ้านเราที่สำผัสกับเพื่อนร่วมงานเสี่ยงสูง และให้เราพร้อมคนที่บ้านคนอื่นๆแยกตัวเองก่อนระหว่างรอผล แต่คนที่บ้านทุกคนรวมถึงเราก็มีอาการเหมือนๆกัน เลยทำให้เรามั่นใจว่าเราก็คงติดด้วย...และเมื่อเราทราบข่าวนั้นก็แยกตัวกับแฟน......แต่แฟนเราไม่มีอาการอะไร มีก็แต่จิตที่วิตกกังวล...หลังจากที่คนที่บ้านเราผลออกเป็นบวกเราเลยเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่ต้องไปตรวจ และผลเราก็ออกมาเป็นบวกเหมือนกัน อันดับแรกที่รู้ผลเราก็แจ้งแฟนเราเพราะเขาคือคนที่สัมผัสกับเราและรีบให้เขาไปตรวจด้วย แต่เขาไม่มีอาการอะไรเลยบอกเราว่าจะไปตรวจยังไงในเมื่อไม่มีอาการ หลังจากที่ทราบผลว่าเราติดกว่าแฟนเราจะไปตรวจก็กินเวลาไปสิบกว่าวันโดยที่เขาบอกกับเราตลอดว่าไม่มีอาการอะไร แต่ด้วยความที่เราพยายามให้เขาไปตรวจ เขาเลยยอมไปตรวจแต่โดยดี ซึ่งผลครั้งแรกของเขานั้นเป็นลบ แต่หมอให้ไปตรวจอีกครั้งเพื่อยืนยันและปรากฎว่าเขามีเชื้อ ซึ่งเป็นเราเองที่ตกใจเมื่อได้ฟังข่าวเพราะว่าเขาไม่มีอาการอะไร แต่สำหรับเขาไม่ตกใจอะไรเพราะรู้ก่อนหน้าแล้วว่ามีเชื้อเพราะเขาเริ่มมีอาการแต่ไม่ได้บอกความจริงกับเรา เขาเริ่มทานยาฟ้าทะลายโจร กระชายแคปซูลมาก่อนหน้าที่จะไปตรวจอีก เพราะเขาคืดเองเสมอว่าเขาเป็นคนที่แข็งแรงดูแลสุขภาพมาอย่างดีตลอด ถึงเขามีเชื้อเขาก็สามารถหายได้โดยไม่จำเป็นต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่สิ่งที่เขาชะล่าใจก็คือเขายังไม่ได้ฉีดวัคซีน และเป็นคนไข้ในกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการหนัก....หลังจากที่พบเชื้อหมอเลยสั่งยาฟ้าทะลายโจรให้เขากินเป็นเวลาห้าวัน และช่วงนั้นเขามีอาการเหนื่อย เพลีย หายใจลำบาก แต่ก็ไม่ได้แจ้งหมอเวลาที่หมอโทรถามอาการในทุกวัน เพราะผลจากการวัดค่าต่างๆในวินาทีที่หมอโทรมาเขาก็บอกค่า ณ ตอนนั้นซึ่งมันเป็นค่าที่น่าพอใจมาก แต่เขาไม่ได้บอกอาการก่อนหน้าที่เลวร้ายเลย เพราะเขาคิดเสมอว่าเขาสู้ได้อยุ่แล้ว หลังจากห้าวันที่ทานยาครบ อาการเขาก็เริ่มแย่ลง จนต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล และอาการทรุดลงเรื่อยๆ เพราะเชื้อลงปอดเยอะแล้ว และเขาก็ได้จากเราไปไม่มีวันกลับมา
อยากฝากทุกคนว่าถ้ามีอาการอะไรที่เกิดขึ้นกับตัวเราเราต้องรายงานหมอตามความจริง อย่าได้คิดเองว่าเราสามารถต่อสู้ได้เพราะร่างกายที่เราคิดว่าเราแข็งแรงมาตลอด ความเสียใจก็ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรกับการสูญเสียครั้งนี้ 😥😥