ความรักกับทัศนคติที่ต่างกัน

            สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาวพันทิป 
     กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกหากมีการใช้ภาษาที่ผิดพลาดผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ผมรู้สึกสับสนอย่างมากกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและดำเนินมาถึงปัจจุบันนี้เกี่ยวกับความรักของผมและแฟนโดยคำถามมันมีอยู่ในหัวมากมาย ทั้งเรื่องทัศนคติผมมันแย่หรือไม่ ความคิดแบบนี้มันแย่สำหรับคุณผู้หญิงหรือเปล่า ผมจะพยายามสรุปคำถามให้ในตอนท้าย แต่ก่อนอื่นขอเล่าและขอระบายด้วยนะครับ ฮ่าๆ 

                        ขออธิบายลักษณะพื้นฐานก่อนนะครับ    เริ่ม !!    ผมอายุ 26 ปี พื้นฐานที่บ้านไม่ได้รวยมาแต่กำเนิด พ่อแม่เป็นคนต่างจังหวัด ฐานะทางบ้านอดีตเคยลำบากมาก่อน จนวันนึงคุณแม่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจทำให้กินอยู่ไม่ลำบากครับ ขณะเรียนผมก็ทำธุรกิจไปด้วยจนมีเงินใช้ส่วนตัว+เลี้ยงตัวเองได้  ผมมีนิสัยชอบจัดสรรเงิน เช่น ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ผมจะแบ่งไว้ใช้ส่วนสำคัญก่อน ถ้าเหลือก็เอาไปซื้อของเล่นหรือเอาไปใช้ในงานอดิเรกของผมครับ กลุ่มเพื่อนที่มหาลัยของผมค่อนข้างที่จะมีฐานะกันทุกคนเลย แต่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะว่าสิ่งที่เรามีเหมือนกันคือเพื่อนๆทุกคนมักมี lifestyle ชีวิตเรียบง่ายมากๆ มากแบบมากจริงๆ
                          ผมเจอแฟนคนนี้ตอนเรียนมหาลัยปี 2 (ขอแทนว่าเจนนะครับ) เจนเป็นคนที่ลักษณะภายนอกเหมือนคุณหนู เรียบร้อย ใช้ชีวิตหรู พ่อมารอรับมาส่งตลอดเลย เป็นคนที่เฟรนลี่กับทุกคนมาก และกลุ่มเพื่อนของเขาค่อนข้างที่จะไฮโซ ใช้แบรนเนมกัน แต่ว่าเขาก็ไม่ได้อวดกันนะครับ แต่คนภายนอกที่ไม่รู้จักกลุ่มนี้ก็จะมองว่าไฮโซเกิ๊น 

                        ในช่วงปีแรกๆไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเพราะอาจจะยังเด็กๆอยู่ แต่พอเข้าช่วงตอนที่เรียน ปี4 เราได้ใช้ชีวิตด้วยกันมากขึ้นได้แลกเปลี่ยนความคิดจนทำให้เห็นว่ามีหลายประเด็นที่เรามีทัศนคติไม่ตรงกัน  ผมจะขอเล่าเป็นเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุที่เราทะเลาะกันใหญ่มากหนักมาก แล้วเขาบอกกับผมว่า ผมมันห่วย ทัศนคติเฮงซวย น่ารังเกียจมากสำหรับผู้หญิง ซึ่งผมปรึกษาคนรอบตัวแล้วทั้งชายและหญิงแต่ด้วยกลุ่มเพื่อนผมและเพื่อนเขาทุกคนมีฐานะแต่มีความง่ายในการใช้ชีวิต มันทำให้คำตอบมันออกมาด้านเดียวผมจึงอยากขอความคิดเห็นและคำชี้แนะจากเพื่อนพันทิปครับ ผมสับสนมาก และทุกเรื่องที่เล่าต่อไปนี้ ก็ยังคงเป็นประเด็นจนนึงทุกวันนี้ เขาก็ยัง blame ผมในเรื่องเดิมๆ

                        เหตุการณ์ที่หนึ่ง  ช่วงตอนมหาลัยปี3 ผมกับเจนตัดสินใจไปเที่ยวต่างประเทศกันโดยค่าใช้จ่ายทุกอย่างผมออกให้หมดค่ากิน+เที่ยว 
หลังจากที่เที่ยวมาทั้งวันมื้อเย็นจึงจัดหนักเนื้อย่างกันอย่างแฮปปี้ หลังจากเช็คบิลผมปวดฉี่มาก เลยบอกเจนว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เจนบอกว่าอยากกินไอศครีมซึ่งอยู่ร้านข้างๆกัน ผมบอกให้เขาไปซื้อ แล้วเดี๋ยวผมจะออกไปหา ผมก็ไปทำธุระส่วนตัวเสร็จจึงออกมา เจนกลับงอนผมแบบจริงจังเลยครับ ผมถามเหตุผลเขา เขาจึงบอกว่า ที่เขางอนเพราะ ผมไม่จ่ายค่าไอศครีมให้ ผมก็เลยให้ที่หลัง เขากลับบอกว่าสายไปละ ผมก็งงไปเลย มันเล็กน้อยมากสำหรับผม แต่มันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเขา เขาบอกว่าผมดูแลเขาไม่ดีเลย ไม่ได้เรื่อง (พูดแบบจริงจังด้วยนะครับ) ผมก็เลยพูดด้วยความใจเย็นบอกไปว่า เราจ่ายค่าอาหารให้แล้ว ค่าไอติมเล็กๆน้อยๆเอง อย่าให้มันมาทำลายบรรยากาศเลย หลังจากเหตุการณ์นี้ก็เที่ยวกันแบบเซ็งๆ เพราะเขาเอาแต่พูดว่าผมดูแลเขาไม่ดีเหมือนพ่อเลย ผมก็เลยตอบไปด้วยความเซ็งว่า ค่าใช้จ่ายอื่นๆก็ออกให้ไปละ กับไอติมแค่นี้ทำไมเป็นปัญหาใหญ่จัง เจนตอบว่า "มันแสดงถึงความไม่ใส่ใจ เพราะพ่อเขามักจะพูดเสมอว่าผู้ชายต้องทำให้ทุกอย่าง (เจนเป็นลูกคนเดียว เพราะเหตุนี้หรือเปล่าครับที่พ่อเขาคิดว่าผู้ชายต้องทำให้ทุกอย่าง)" สำหรับผมมันเล็กน้อยมากๆจริงๆครับ นิดหน่อยก็ออกหน่อยก็ได้ อีกอย่างผมไปเข้าห้องน้ำแค่ไม่กี่นาที  คำถาม  ผู้หญิงท่านอื่นมองว่า เรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ หากไม่ดีผมจะได้ปรับปรุงตัว แต่สำหรับผม ผมขอเรียนตามตรงว่า ผมมองว่ามันเล็กน้อยจริงๆกับไอติมแค่ 80 กว่าบาท

                      เหตุการณ์ที่สอง 
เหตุการณ์นี้อาจจะดูเป็นการเหยียดกัน แต่ผมไม่มีเจตนาเช่นนั้น เพียงแค่ต้องการจะถ่ายถอดเหตุการณ์และบรรยากาศเท่านั้น โปรดใช้จักรยานในการอ่าน
  เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ในงานเลี้ยงฉลองเรียนจบของเจน แต่เขาเชิญผมและญาติๆของเจน ขณะกำลังเลี้ยงฉลองกันกันอย่างอร่อย เพื่อนของพ่อเจนได้ถามผมว่า สภาพผมไม่น่าดูแลเจนได้ไม่ดีแน่ๆเลย อย่าพาเจนไปลำบากนะ ผมก็ยิ้มและตอบว่าผมจะพยายามให้ดีที่สุดครับ แต่คำตอบนั้นไม่เพียงพอหรือไม่ตรงกับใจผู้ฟังสักเท่าไร เพื่อนพ่อเจนจึงถามผมอีกครั้งว่า "คิดว่าผมมีตังเลี้ยงดูเจนไหม" ผมเลยตอบว่า "ก็พอมีอยู่บ้างครับแต่ไม่ทำให้ลำบากกัดก้อนเกลือแน่นอนครับ ไม่มีใครอยากให้ตัวเองและคนรักลำบากครับ"  หลังจากผมพูดจบ เพื่อนของพ่อก็เริ่ม mention ถึงการแต่งตัวผม ผมใส่กางเกงขายาวรองเท้าสุภาพ ชนิดที่ว่ากึ่งทางการเลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับเพื่อนพ่อท่านนั้น หลังจากนั้นพ่อของเจนได้พูดกับเจนว่า "ถ้าผู้ชายคนไหนที่เขามาจีบไม่ใส่ นาฬิกาโรเล็กซ์ ก็อย่าไปคุยเลย ซึ่งประโยคนี้มันแทงใจผมมากเลยครับ เขาก็หัวเราะกันสนุกสนานแต่ผมเป็นผู้ฟังที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่สุกเลยครับ ผมจึงมองไปที่ข้อมือแต่ละคนก็ไม่เห็นมีใครใส่นาฬิการะดับ luxury สักคน ผมเลยพูดว่า ผมเห็นว่ามาทานข้าวกันชิวๆ ก็เลยแต่งตัวดีแต่ไม่หรู คำพูดของผมทำให้เขาหัวเราะแล้วพูดว่า ไม่มีก็บอกไม่มี ไม่ใช่ไม่ใส่ ผมก็เลยบอกว่า ผมไม่มีครับ rolex  เหมือนผมเป็นตัวตลกในวงนั้นเลยครับ แต่ว่าผมก็ไม่อยากคิดเยอะเพราะผมรู้สึกว่าเวลาผมอยู่กับเจนสองคนมันแฮปปี้ อีกอย่างผมก็ไม่ได้เจอคนพวกนี้บ่อยๆ ก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมา จนวันงานแต่งงานของญาติของเจน เจนก็ชวนผมไปเช่นเคยผมปฏิเสธในตอนแรกเพราะว่ากลัวเจอเหตุการณ์เหมือนเดิมอีก แต่เขาอยากให้ผมไปมากๆสุดท้ายแล้วผมก็ตกลงที่จะไปด้วย ผมจึงตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้าให้คุณแม่ฟัง แม่ผมก็หัวเราะและให้เหตุผลว่า เขาอาจจะเป็นคนที่ตัดสินจากภายนอก แต่เรื่องนี้ก็ไม่ผิดเพราะเขามีสิทธิที่คิดแบบไหนก็ได้ ผมเลยแก้ปัญหานี้ด้วยการแต่งตัวให้หรูๆ เปลี่ยนเป็นนาฬิกาหรูๆ ขับรถหรูๆ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องพูดกับเราในทำนองนั้นอีก พอไปถึงงานป้าคนนึงก็แซวผมว่าวันนี้คงจะไม่ใส่นาฬิกาออกำลังกายมาใช่มั้ย ผมก็ตอบว่าใช่ครับ แล้วก็ยิ้ม หลังจากนั้นก็เจอเพื่อนพ่อคนเดิม เขาชื่อว่าอาเล็ก หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ก็ดื่มฉลองคุณอาเล็กเขาก็พูดกับเจนว่า เขามีลูกเพื่อนที่รู้จักกันที่ดูดีกว่านี้จะแนะนำให้เอามั้ย (มาถึงตรงนี้ผมก็รู้สึกว่าผมก็ไม่ได้ขี้เหล่เท่าไรนะครับ สูง185 ก็มีสาวๆมาจีบบ้าง) ผมได้ยินดังนั้นเกิดอารมณ์ในใจ แต่เลือกที่จะเดินหนีไป พอก่อนจะกลับก็มีการรวมตัวกันส่งแขก บอกลาแยกย้ายกลับบ้านผมก็ต้องมาเจออาเล็กอีกครั้ง เขาก็พูดคำเดิมว่า "เดี๋ยวหาคนดีๆกว่านี้ให้นะ อาว่าหนูหาได้ดีกว่านี้นะ" ผมที่ถูกความมืดเข้าครอบงำ จึงตอบกลับแบบไม่คิดว่า คุณอาตัดสินคนจากภายนอกหรอครับ ถึงมองคนแค่เครื่องประดับ อาจึงตอบผมกลับมาว่า "เป็นเด็กอย่ามาเถียงผู้ใหญ่ และผมก็ยังเด็กไม่เห็นจะมีอะไรเลย การใส่เครื่องประดับหรูทำให้คนเข้าหา และมีชีวิตที่ดีกว่านี้แน่ๆ" ผมตอบกลับด้วยความโกรธบวกกับไม่เข้าใจในทัศนคตินี้ ตอบกลับไปว่า "คุณอาก็ไม่เห็นใส่ของในแบบที่พูดเลย ก็ใส่ของธรรมดาๆทำไมต้องตัดสินผมแบบนั้น" ผมจึงตอบไปอีกว่า "ผมใส่ AP แค่นี้ไม่พอใช่มั้ย" หลังจากพูดจบ ทุกคนนิ่ง แล้วก็หัวเราะ แต่พวกเขาเหลานั้นหัวเราะเพราะไม่รู้จักและบอกว่าของถูกๆ สู้แบรน RL ไม่ได้หรอก ผมสตั้นไปชั่วขณะ งง โกรธ สับสน ปนกันไปหมด ผมดูเหมือนเป็นตัวตลก หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นผมได้คุยกันแฟนว่า ผมไม่โอเคกับเรื่องนี้มาก ผมโดนดูถูกทั้งๆที่พวกเขาเหลานั้นไม่ได้มีในสิ่งที่ตัวเองพูด  ผมเลยพูดว่าแบบนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ไม่ควรทำหรือเปล่า แต่เจนกลับโกรธผมเพราะว่าผมไปว่าครอบครัวเขา กลายเป็นว่าผมผิดอีก ดังนั้น เราสองคนจึงตัดปัญหาโดยการไม่ไปทานข้าวกับพวกญาติเขาอีกเลย จากนั้น 2-3 วันพ่อแม่เขาก็โทรมาขอโทษผิดด้วยตัวเองและขอเลี้ยงข้าวเป็นการปลอบใจ แล้วผมก็ดันไปและให้อภัยเขา เหตุเพราะผมก็ยังไม่สามารถตัดแฟนออกไปจากชีวิตได้ บวกกับแม่ผมก็ให้เหตุผลว่าเขาอาจจะอยากได้ผมพยายามกว่านี้อีกก็ได้ ซึ่งผมก็บอกว่ามันก็เป็นผลดีกับผมด้วย  แต่แล้วปัญหานี้ก็มักจะวนกลับมาทุกครั้งที่มีปัญหากันทะเลาะกัน เขาก็จะเอาเรื่องนี้มา blame ผมว่าวันนั้นผมพูดไม่ดีผมพูดแย่ สุดท้ายแล้วก็ทำให้ผมเกิดคำถามในใจว่า ผมพูดไม่ดีผมใช้อารมณ์ผมยอมรับ  แต่ดูเหมือนเขาก็ไม่ค่อยแคร์เลยว่า ผมจะรู้สึกแย่กับการโดนกระทำแบบนั้นแค่ไหน ทำไมต้องตัดสินคนจากภายนอก หรือไม่ก็ว่าคนอื่นแบบนั้น เจนเลยบอกผมว่า ผมมีทัศนคติที่แย่กับครอบครัวเขา มองครอบครัวเขาเป็นตัวร้าย แล้วก็บอกว่าผมทัศนคติเด็กมาก ไม่ใช่แค่เขา พ่อและแม่เขาก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน  ผมจึงอยากถามเพื่อนสุภาพสตรีว่า ทัศนคติของผมมันแย่สำหรับท่านสุภาพสตรีหรือเปล่าครับ   มีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง ถ้าในอนาคตผมเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ควรปรับปรุงหรือแก้ไขยังไงไม่ให้มันผิดพลาดอีกครับ 

                                 เดี๋ยวมาต่อครับ    คำถามมากมายในใจเดี๋ยวมาถามต่อยังไม่จบนะครับ
       
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่