เคยมั้ย? กันแดดก็ทาแล้ว
ตากแดดแป๊บเดียว ไม่ได้นานเท่ากับคนอื่นๆ
แต่ทำไมมีแค่เราคนเดียวที่แสบผิว ผิวแดง ผิวไหม้
แถมดูหมอง บางคนก็ดูคล้ำจนเขียว
กันแดดก็เลือกถูกต้อง เป๊ะตามไกดไลน์
แต่ผิวก็ยังพัง!!!
ถ้ามีปัญหานี้ บางทีอาจจะไม่ใช่เพราะเลือกยี่ห้อผิด
แต่เป็นเพราะ #การทาแบบผิดๆ อยู่ก็ได้!!!!!!
เพื่อให้กันแดดที่ซื้อมาปกป้องผิวอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ลดผิวหมอง เติมผิวใส ไม่ไหม้ ไม่แก่จากแดด
และเทคนิคการทา 4 ข้อนี้ คือสิ่งที่ต้องรู้
1. ทากันแดดเสมอไม่ว่าจะอยู่ในร่มหรือกลางแจ้ง
เพราะถึงแม้กระจกออฟฟิศจะกรองแสง UVB ไม่ให้ผิวไหม้แดดได้
แต่ UVA ก็ยังทะลุเข้ามาทำให้ผิวแก่จากแดดได้เช่นกัน
ส่วนการออกไปข้างนอกไม่ว่าจะมีเมฆหรือไม่มี
ก็จะมีรังสี UV ทั้ง A และ B ทำร้ายผิวได้เสมอ
2. ทาให้ทั่วทุกส่วนที่พ้นเสื้อผ้า
ส่วนบน เช่น หน้า คอ เปลือกตา หลังหู ท้ายทอย (สำหรับคนผมสั้น)
ลำตัว เช่น แขน ขา มือ นิ้วเท้า (ถ้าใส่รองเท้าแตะ)
เพราะแดดโดนผิวตรงไหนก็ทำร้ายผิวตรงนั้น
ป้องกันให้ครบจะได้ไม่ต้องไหม้เฉพาะส่วน
3. ทาครั้งละ 2 มก./ ตร.ซม และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
2 มก./ ตร.ซม เป็นปริมาณที่ใช้ในการทดสอบ SPF และ PA
ตาม ISO24444 และ ISO24443
นี่ก็คือปริมาณที่ทำให้ครีมกันแดดป้องกันอันตรายจากแสงแดดได้ตรงปกที่สุด
ลองประเมินจากหน้ารักก็0.6 กรัมแหนะ
ซึ่งมันจะเยอะและวอกมาก
เมื่อบวกรวมกับทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเพื่อให้กันแดดยังคงประสิทธิภาพที่ดีที่สุดไว้เสมอ
รักขอบอกเลยว่าทำได้ยากมากจริงๆ
ถ้าทำได้บ้างไม่ได้บ้าง
อย่างน้อยก็ให้หยายามทำให้ดีท่สุดเท่าที่ได้
หรือง่ายกว่านั้น คือ เลือก SPF และ PA สูงๆตั้งแต่แรก
ถึงจะทาน้อยและทาได้แค่วันละครั้ง
อย่างน้อยก็ยังช่วยป้องกันได้มากกว่าค่า
4. ทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-30 นาที
เพื่อให้กันแดดทั้งหมดได้มีเวลาเซ็ทตัวโดยเฉพาะ Chemical sunscreen
แต่ถ้าเป็น physical sunscreen ให้เกลี่ยจนความวอกหายไป
เพื่อให้เคลือบผิวอย่างสม่ำเสมอ ค่อยออกไปตากแดด
ทั้ง 4 ข้อนี้เป็นเทคนิคการทากันแดดที่ถูกต้อง
ที่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไป
คิดว่าแค่ทาก็ดีเท่าไหร่แล้ว
แต่ขอบอกตามตรงว่า
สำหรับกันแดดแค่ทายังดีไม่พอ
#ต้องทาให้ถูกวิธีด้วย
เพราะกันแดด ถือเป็นสกินแคร์ที่ปกป้องผิว
การทาให้ถูกนอกจากจะผิวใสดูเด็ก ยังป้องกันมะเร็งจากผิวหนังด้วย
ทาให้ถูกตั้งแต่วันนี้ แล้วแดดจะไม่ใช่ปัญหาชีวิตอีกต่อไปนะคะ
#เพราะรักจึงบอก
☀️4 เทคนิคทากันแดดยังไง☀️ ให้ปลอดภัย ไม่หมอง ไม่แก่จากแดด😎
ตากแดดแป๊บเดียว ไม่ได้นานเท่ากับคนอื่นๆ
แต่ทำไมมีแค่เราคนเดียวที่แสบผิว ผิวแดง ผิวไหม้
แถมดูหมอง บางคนก็ดูคล้ำจนเขียว
กันแดดก็เลือกถูกต้อง เป๊ะตามไกดไลน์
แต่ผิวก็ยังพัง!!!
ถ้ามีปัญหานี้ บางทีอาจจะไม่ใช่เพราะเลือกยี่ห้อผิด
แต่เป็นเพราะ #การทาแบบผิดๆ อยู่ก็ได้!!!!!!
เพื่อให้กันแดดที่ซื้อมาปกป้องผิวอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ลดผิวหมอง เติมผิวใส ไม่ไหม้ ไม่แก่จากแดด
และเทคนิคการทา 4 ข้อนี้ คือสิ่งที่ต้องรู้
1. ทากันแดดเสมอไม่ว่าจะอยู่ในร่มหรือกลางแจ้ง
เพราะถึงแม้กระจกออฟฟิศจะกรองแสง UVB ไม่ให้ผิวไหม้แดดได้
แต่ UVA ก็ยังทะลุเข้ามาทำให้ผิวแก่จากแดดได้เช่นกัน
ส่วนการออกไปข้างนอกไม่ว่าจะมีเมฆหรือไม่มี
ก็จะมีรังสี UV ทั้ง A และ B ทำร้ายผิวได้เสมอ
2. ทาให้ทั่วทุกส่วนที่พ้นเสื้อผ้า
ส่วนบน เช่น หน้า คอ เปลือกตา หลังหู ท้ายทอย (สำหรับคนผมสั้น)
ลำตัว เช่น แขน ขา มือ นิ้วเท้า (ถ้าใส่รองเท้าแตะ)
เพราะแดดโดนผิวตรงไหนก็ทำร้ายผิวตรงนั้น
ป้องกันให้ครบจะได้ไม่ต้องไหม้เฉพาะส่วน
3. ทาครั้งละ 2 มก./ ตร.ซม และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
2 มก./ ตร.ซม เป็นปริมาณที่ใช้ในการทดสอบ SPF และ PA
ตาม ISO24444 และ ISO24443
นี่ก็คือปริมาณที่ทำให้ครีมกันแดดป้องกันอันตรายจากแสงแดดได้ตรงปกที่สุด
ลองประเมินจากหน้ารักก็0.6 กรัมแหนะ
ซึ่งมันจะเยอะและวอกมาก
เมื่อบวกรวมกับทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเพื่อให้กันแดดยังคงประสิทธิภาพที่ดีที่สุดไว้เสมอ
รักขอบอกเลยว่าทำได้ยากมากจริงๆ
ถ้าทำได้บ้างไม่ได้บ้าง
อย่างน้อยก็ให้หยายามทำให้ดีท่สุดเท่าที่ได้
หรือง่ายกว่านั้น คือ เลือก SPF และ PA สูงๆตั้งแต่แรก
ถึงจะทาน้อยและทาได้แค่วันละครั้ง
อย่างน้อยก็ยังช่วยป้องกันได้มากกว่าค่า
4. ทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-30 นาที
เพื่อให้กันแดดทั้งหมดได้มีเวลาเซ็ทตัวโดยเฉพาะ Chemical sunscreen
แต่ถ้าเป็น physical sunscreen ให้เกลี่ยจนความวอกหายไป
เพื่อให้เคลือบผิวอย่างสม่ำเสมอ ค่อยออกไปตากแดด
ทั้ง 4 ข้อนี้เป็นเทคนิคการทากันแดดที่ถูกต้อง
ที่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไป
คิดว่าแค่ทาก็ดีเท่าไหร่แล้ว
แต่ขอบอกตามตรงว่า
สำหรับกันแดดแค่ทายังดีไม่พอ
#ต้องทาให้ถูกวิธีด้วย
เพราะกันแดด ถือเป็นสกินแคร์ที่ปกป้องผิว
การทาให้ถูกนอกจากจะผิวใสดูเด็ก ยังป้องกันมะเร็งจากผิวหนังด้วย
ทาให้ถูกตั้งแต่วันนี้ แล้วแดดจะไม่ใช่ปัญหาชีวิตอีกต่อไปนะคะ
#เพราะรักจึงบอก