คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
#Phuket Sandbox ทำเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต รายงานยอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้า #ภูเก็ต ในโครงการ #PhuketSandbox ตั้งแต่วันที่ 1-20 ก.ค. 2564 รวม 8,981คน โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับแรกเดินทางเข้าภูเก็ตมากที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล เยอรมนี และฝรั่งเศส ทำเงินสะพัดแล้วไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท
https://www.facebook.com/Rachadaspoke/posts/563677151659120
20 วันแห่งความสำเร็จ “Phuket Sandbox”
“Phuket Sandbox” ความร่วมมือ ร่วมใจของภาคประชาชน - เอกชน - รัฐ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 1-20 ก.ค. 64 สร้างรายได้เข้าภูเก็ต มากกว่า 534 ล้านบาท
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6532991153393016
ในที่ประชุม #ศบศ มีการรายงานถึง #PhuketSandbox มีสายการบินที่จะบินตรงมายังภูเก็ตจำนวนมาก
จากวันที่ 1-20 ก.ค. มีนักท่องเที่ยวสะสม 8.9 พันคน จาก 85 เที่ยวบิน
ยอดการจองห้องพัก ก.ค.-ก.ย. 2.4 แสนคืน
https://www.facebook.com/Rachadaspoke/posts/563763171650518
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจาก Phuket Sandbox เดินทางท่องเที่ยวต่อสู่ Samui Plus Model
หลังจากรัฐบาลเปิดประเทศ หวังฟื้นเศรษฐกิจประเทศจากการท่องเที่ยว ภายใต้มาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขสูงสุด โดยนำร่องแนวทาง Phuket Sandbox ที่จังหวัดภูเก็ต ก่อนขยายพื้นที่ดำเนินการต่อที่ พื้นที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นั้น
ข้อมูลล่าสุด (20 ก.ค. 2564) จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ตามแนวทาง Phuket Sandbox เดินทางมาแล้ว 8,981 คน ตรวจคัดกรองพบติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 19 คน รอผลอีก 1 คน และ จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ตามแนวทาง Samui Plus Model มีเดินทางมาแล้ว 18 คน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ และรอผลตรวจคัดกรองอยู่ 1 คน มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจาก Phuket Sandbox เชื่อมโยงการเดินทางสู่ Samui Plus Model ถึง 70 คน
ถึงแม้ว่าสายการบินในประเทศประกาศยกเลิกการให้บริการบางเที่ยวบิน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ยังคงเดินทางตามปกติ เพราะมีการบินจากต่างประเทศสู่ท่าอากาศยานภูเก็ตโดยตรง ส่วนการเดินทางจากต่างประเทศตามแนวทาง Samui Plus Model นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะแวะเปลี่ยนเครื่องที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนใช้บริการของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เฉพาะเที่ยวบินที่รองรับผู้โดยสารที่ต่อเครื่องมาจากต่างประเทศ เส้นทางกรุงเทพฯ-สมุย (ไป-กลับ) ให้บริการวันละ 3 เที่ยวบิน และเส้นทาง สมุย-ภูเก็ต (ไป-กลับ) เฉพาะวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ วันละ 1 เที่ยวบิน
จากการ ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรอบ 20 วัน พบปัญหา กรมธรรม์ประกันสุขภาพการรักษาโรคโควิด-19 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด (ตามข้อกำหนดคือ กรมธรรม์ต้องได้รับความคุ้มครองในวงเงิน 100,000 US ดอลลาร์ อย่างครอบคลุม โดยไม่ต้องมีการจ่ายเงินสำรอง) และอีกปัญหา คือ พบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 1 ราย ไม่พำนักในจังหวัดภูเก็ตจนครบ 14 วัน ก่อนออกเดินทางไปจังหวัดอื่น ซึ่งจังหวัดได้ติดตามนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวแล้ว พร้อมดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6534467919912006
การบินไทยเปิดไฟล์ทบินตรง ยุโรป-ภูเก็ต เลี่ยงพื้นที่สีแดง
นายนนท์ กลินทะ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยฯ ได้ปรับเส้นทางบินเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารในโครงการภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ ที่ต้องการเดินทางจากภูเก็ตไปยังยุโรปได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเทพฯ จำนวน 2 เส้นทางบิน
สำหรับรายละเอียดเที่ยวบินใหม่ ได้แก่
- เที่ยวบินที่ ทีจี 922 เส้นทางบินเดิม กรุงเทพฯ-แฟรงก์เฟิร์ต เปลี่ยนเป็น กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-แฟรงก์เฟิร์ต ทำการบินทุกวันพฤหัสบดี เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 19.55 น. ถึงภูเก็ต เวลา 21.25 น. ออกเดินทางจากภูเก็ต เวลา 22.40 น. เดินทางถึงแฟรงก์เฟิร์ต เวลา 06.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ในวันถัดไป
- เที่ยวบินที่ ทีจี 916 เส้นทางบินเดิม กรุงเทพฯ-ลอนดอน เปลี่ยนเป็น กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-ลอนดอน ทำการบินทุกวันศุกร์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 21.10 น. ถึงภูเก็ต เวลา 22.40 น. ออกเดินทางจากภูเก็ต เวลา 23.55 น. เดินทางถึงลอนดอน เวลา 07.15 น. (เวลาท้องถิ่น) ในวันถัดไป
ขณะเดียวกันผู้โดยสารที่มีบัตรโดยสารในเส้นทางจากภูเก็ตไปยัง ปารีส ซูริก และโคเปนเฮเกน และต้องการเดินทางในเที่ยวบินดังกล่าว สามารถเปลี่ยนแปลงบัตรโดยสารได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6534165366608928
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
40 CEOs ภาคเอกชนจับมือรัฐบาล สร้าง “โอกาสประเทศไทย” ร่วมฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน
วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เวลา 14.20 น. ณ ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและ 40 ซีอีโอ เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐ-เอกชน ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ผ่านระบบ Video Conference
นายกรัฐมนตรีขอบคุณเอกชนที่มาร่วมหารือเพื่อช่วยกันบรรเทาสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ โดยที่ผ่านมารัฐบาลและเอกชนได้พูดคุยกันต่อเนื่องมาโดยตลอด รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจกับการแพร่ระบาดโควิดที่รุนแรงมากขึ้นนี้ ยังเดินหน้าแก้ไขอย่างรอบด้าน ทั้งการเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนจนถึง 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการฉีดวัคซีนแล้วกว่า 14 ล้านโดส กำหนดมาตรการช่วยเหลือ/เยียวยา ทั้งสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื้อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการ มาตรการกระตุ้นการบริโภคภาคประชาชน ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มียอดการใช้จ่ายแล้วกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท โครงการ Phuket Sandbox และโครงการ Samui Model Plus เพื่อช่วยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่การท่องเที่ยว ที่ผ่านมาสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนได้ให้ข้อเสนอแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของรัฐบาลมาตลอด ข้อเสนอแนะที่ทำได้ รัฐบาลดำเนินการทันที ในส่วนที่เป็นอุปสรรครัฐบาลก็พยายามเร่งแก้ไขให้ ทั้งนี้ ทุกมาตรการต้องเป็นตามกฎหมายและหลักการงบประมาณ เพราะเงินที่รัฐบาลที่นำมาใช้จ่ายมาจากภาษีของประชาชน
นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกด้วยว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายในระดับสูง ต้องลดความขัดแย้ง ช่วยกันสร้างการรับรู้ เน้นประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพราะทั้งรัฐบาลและภาคเอกชนมีเป้าหมายเดียวกันคือ การช่วยกันหาทางออกให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยกัน
ทั้งนี้ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวในนาม 40 ซีอีโอพลัส ขอบคุณนายกรัฐมนตรีและคณะที่ได้จัดสรรเวลาเชิญ 40 ซีอีโอพลัสหารือร่วมกันหาในวันนี้ ซึ่งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนได้เตรียมข้อเสนอต่อรัฐบาลไว้ 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. การควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลทั้ง 25 ศูนย์ของภาคเอกชนที่ร่วมกับกทม. สามารถแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล โดยมีศักยภาพสามารถให้บริการฉีดวัคซีนได้ถึงวันละ 80,000 คน/วัน ซึ่งเอกชนพร้อมสนับสนุนภาครัฐในการจัดอุปกรณ์การแพทย์ ทั้ง Rapid Tests ยารักษา เตียงผู้ป่วยหนักและ ICU รวมทั้งมาตรการ Isolation โดยเทคโนโลยีดิจิทัล และจัด Platform ต่างๆ ซึ่งTeleMed ช่วยสร้างความเชื่อมั่น ลดจำนวนผู้ป่วยได้ 2. การเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชน เสนอให้มีการขยายมาตรการช่วยเหลือทั้งกิจการที่ต้องหยุดประกอบตามคำสั่งของราชการ รวมทั้งธุรกิจในห่วงโซ่ต่างๆ รวมทั้งการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน 3.การกระตุ้นเศรษฐกิจ แผนระยะสั้น-ระยะกลาง กระตุ้นการใช้จ่ายในกลุ่มผู้มีรายได้และกำลังซื้อสูง กระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน ให้เกิดการจ้างงาน รวมทั้งการเตรียมความพร้อมของประเทศในการเข้าสู่ New Economy 4. การฟื้นฟูประเทศไทย เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ตั้งคณะกรรมการร่วมรัฐเอกชน ขับเคลื่อนกิจกรรมที่มี Impact สูงและประชาชนไทยได้ประโยชน์ ได้แก่ เกษตรสมัยใหม่ ท่องเที่ยวคุณภาพ สร้างขีดความสามารถทางเศรษฐกิจด้วย Digital Transformation โดยข้อเสนอทั้ง 4 แนวทางดังกล่าวเป็นการฟื้นฟูประเทศ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ขณะเดียวกันประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยังกล่าวแสดงความเข้าใจดีว่า รัฐบาลมีความยากลำบากในการทำงาน ภายใต้สถานการณ์โรคระบาดและเศรษฐกิจที่ผันผวนและไม่มีความแน่นอนสูง ภาคเอกชนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและพร้อมให้การสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลด้วยความจริงจัง
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณและสิ่งที่ได้รับฟังข้อมูลในวันนี้ สอดคล้องกับนโยบายและแนวคิดของรัฐบาล ซึ่งทุกข้อเสนอแนะเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน ซึ่งทั้งการช่วยเหลือ การให้สิทธิประโยชน์ รวมทั้งมาตราเยียวยาต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย ยืนยันว่า นายกรัฐมนตี คณะรัฐมนตรี และศบค. ไม่เคยหยุดคิด หยุดทำงาน นายกรัฐมนตรีรับรายงานทุกวัน เพื่อสั่งการทั้งการรักษา การเยียวยา รวมทั้งการเตรียมมาตรการเรื่องงบประมาณ เพื่อดูแลคน 70 ล้านคน แต่ทุกมาตรการของรัฐต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย และได้ย้ำมาตลอดว่า ไทยต้องปรับรูปแบบการบริหารจัดการใหม่ รัฐบาลทำหน้าที่กำหนดนโยบายสร้างโอกาสให้เอกชนเป็นผู้ขับเคลื่อน ที่สำคัญทุกฝ่ายต้องร่วมมือการสื่อสารสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ลดความขัดแย้ง ขอยืนยันการเดินหน้าเปิดประเทศ 120 วัน ซึ่งเริ่มแล้วที่ภูเก็ตและสมุย และจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ต่อไป ซึ่งรัฐบาลและเอกชนต่างก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจเดินหน้าประเทศ เพื่อความสุขของคนไทยทุกคน พร้อมรับข้อเสนอ ข้อห่วงใยทุกประเด็น ซึ่งจะได้นำไปหารือกับคณะรัฐมนตรีและ ศบค. ต่อไป
ทั้งนี้ ก่อนจบการประชุม ภาคเอกชน ประธานหอการค้า ขอบคุณการหารือวันนี้ โดยท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้เวลา และรับฟังด้วยความตั้งใจ เพื่อร่วมกันทำงาน สร้างความเชื่อ สร้างสรรค์ ผลักดัน เป้าหมายฟื้นฟู เพื่อบรรลุเป้าหมาย และสุดท้าย ซีอีโอ 40 กว่าบริษัทยังได้กล่าวให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี และขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป
https://www.facebook.com/anucha.b.dp/posts/4144312058980913
#Phuket Sandbox ทำเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต รายงานยอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้า #ภูเก็ต ในโครงการ #PhuketSandbox ตั้งแต่วันที่ 1-20 ก.ค. 2564 รวม 8,981คน โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับแรกเดินทางเข้าภูเก็ตมากที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล เยอรมนี และฝรั่งเศส ทำเงินสะพัดแล้วไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท
https://www.facebook.com/Rachadaspoke/posts/563677151659120
20 วันแห่งความสำเร็จ “Phuket Sandbox”
“Phuket Sandbox” ความร่วมมือ ร่วมใจของภาคประชาชน - เอกชน - รัฐ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 1-20 ก.ค. 64 สร้างรายได้เข้าภูเก็ต มากกว่า 534 ล้านบาท
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6532991153393016
ในที่ประชุม #ศบศ มีการรายงานถึง #PhuketSandbox มีสายการบินที่จะบินตรงมายังภูเก็ตจำนวนมาก
จากวันที่ 1-20 ก.ค. มีนักท่องเที่ยวสะสม 8.9 พันคน จาก 85 เที่ยวบิน
ยอดการจองห้องพัก ก.ค.-ก.ย. 2.4 แสนคืน
https://www.facebook.com/Rachadaspoke/posts/563763171650518
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจาก Phuket Sandbox เดินทางท่องเที่ยวต่อสู่ Samui Plus Model
หลังจากรัฐบาลเปิดประเทศ หวังฟื้นเศรษฐกิจประเทศจากการท่องเที่ยว ภายใต้มาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขสูงสุด โดยนำร่องแนวทาง Phuket Sandbox ที่จังหวัดภูเก็ต ก่อนขยายพื้นที่ดำเนินการต่อที่ พื้นที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นั้น
ข้อมูลล่าสุด (20 ก.ค. 2564) จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ตามแนวทาง Phuket Sandbox เดินทางมาแล้ว 8,981 คน ตรวจคัดกรองพบติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 19 คน รอผลอีก 1 คน และ จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ตามแนวทาง Samui Plus Model มีเดินทางมาแล้ว 18 คน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ และรอผลตรวจคัดกรองอยู่ 1 คน มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจาก Phuket Sandbox เชื่อมโยงการเดินทางสู่ Samui Plus Model ถึง 70 คน
ถึงแม้ว่าสายการบินในประเทศประกาศยกเลิกการให้บริการบางเที่ยวบิน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ยังคงเดินทางตามปกติ เพราะมีการบินจากต่างประเทศสู่ท่าอากาศยานภูเก็ตโดยตรง ส่วนการเดินทางจากต่างประเทศตามแนวทาง Samui Plus Model นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะแวะเปลี่ยนเครื่องที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนใช้บริการของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เฉพาะเที่ยวบินที่รองรับผู้โดยสารที่ต่อเครื่องมาจากต่างประเทศ เส้นทางกรุงเทพฯ-สมุย (ไป-กลับ) ให้บริการวันละ 3 เที่ยวบิน และเส้นทาง สมุย-ภูเก็ต (ไป-กลับ) เฉพาะวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ วันละ 1 เที่ยวบิน
จากการ ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรอบ 20 วัน พบปัญหา กรมธรรม์ประกันสุขภาพการรักษาโรคโควิด-19 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด (ตามข้อกำหนดคือ กรมธรรม์ต้องได้รับความคุ้มครองในวงเงิน 100,000 US ดอลลาร์ อย่างครอบคลุม โดยไม่ต้องมีการจ่ายเงินสำรอง) และอีกปัญหา คือ พบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 1 ราย ไม่พำนักในจังหวัดภูเก็ตจนครบ 14 วัน ก่อนออกเดินทางไปจังหวัดอื่น ซึ่งจังหวัดได้ติดตามนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวแล้ว พร้อมดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6534467919912006
การบินไทยเปิดไฟล์ทบินตรง ยุโรป-ภูเก็ต เลี่ยงพื้นที่สีแดง
นายนนท์ กลินทะ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยฯ ได้ปรับเส้นทางบินเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารในโครงการภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ ที่ต้องการเดินทางจากภูเก็ตไปยังยุโรปได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเทพฯ จำนวน 2 เส้นทางบิน
สำหรับรายละเอียดเที่ยวบินใหม่ ได้แก่
- เที่ยวบินที่ ทีจี 922 เส้นทางบินเดิม กรุงเทพฯ-แฟรงก์เฟิร์ต เปลี่ยนเป็น กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-แฟรงก์เฟิร์ต ทำการบินทุกวันพฤหัสบดี เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 19.55 น. ถึงภูเก็ต เวลา 21.25 น. ออกเดินทางจากภูเก็ต เวลา 22.40 น. เดินทางถึงแฟรงก์เฟิร์ต เวลา 06.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ในวันถัดไป
- เที่ยวบินที่ ทีจี 916 เส้นทางบินเดิม กรุงเทพฯ-ลอนดอน เปลี่ยนเป็น กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-ลอนดอน ทำการบินทุกวันศุกร์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 21.10 น. ถึงภูเก็ต เวลา 22.40 น. ออกเดินทางจากภูเก็ต เวลา 23.55 น. เดินทางถึงลอนดอน เวลา 07.15 น. (เวลาท้องถิ่น) ในวันถัดไป
ขณะเดียวกันผู้โดยสารที่มีบัตรโดยสารในเส้นทางจากภูเก็ตไปยัง ปารีส ซูริก และโคเปนเฮเกน และต้องการเดินทางในเที่ยวบินดังกล่าว สามารถเปลี่ยนแปลงบัตรโดยสารได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6534165366608928
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
40 CEOs ภาคเอกชนจับมือรัฐบาล สร้าง “โอกาสประเทศไทย” ร่วมฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน
วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เวลา 14.20 น. ณ ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและ 40 ซีอีโอ เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐ-เอกชน ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ผ่านระบบ Video Conference
นายกรัฐมนตรีขอบคุณเอกชนที่มาร่วมหารือเพื่อช่วยกันบรรเทาสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ โดยที่ผ่านมารัฐบาลและเอกชนได้พูดคุยกันต่อเนื่องมาโดยตลอด รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจกับการแพร่ระบาดโควิดที่รุนแรงมากขึ้นนี้ ยังเดินหน้าแก้ไขอย่างรอบด้าน ทั้งการเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนจนถึง 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการฉีดวัคซีนแล้วกว่า 14 ล้านโดส กำหนดมาตรการช่วยเหลือ/เยียวยา ทั้งสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื้อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการ มาตรการกระตุ้นการบริโภคภาคประชาชน ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มียอดการใช้จ่ายแล้วกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท โครงการ Phuket Sandbox และโครงการ Samui Model Plus เพื่อช่วยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่การท่องเที่ยว ที่ผ่านมาสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนได้ให้ข้อเสนอแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของรัฐบาลมาตลอด ข้อเสนอแนะที่ทำได้ รัฐบาลดำเนินการทันที ในส่วนที่เป็นอุปสรรครัฐบาลก็พยายามเร่งแก้ไขให้ ทั้งนี้ ทุกมาตรการต้องเป็นตามกฎหมายและหลักการงบประมาณ เพราะเงินที่รัฐบาลที่นำมาใช้จ่ายมาจากภาษีของประชาชน
นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกด้วยว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายในระดับสูง ต้องลดความขัดแย้ง ช่วยกันสร้างการรับรู้ เน้นประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพราะทั้งรัฐบาลและภาคเอกชนมีเป้าหมายเดียวกันคือ การช่วยกันหาทางออกให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยกัน
ทั้งนี้ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวในนาม 40 ซีอีโอพลัส ขอบคุณนายกรัฐมนตรีและคณะที่ได้จัดสรรเวลาเชิญ 40 ซีอีโอพลัสหารือร่วมกันหาในวันนี้ ซึ่งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนได้เตรียมข้อเสนอต่อรัฐบาลไว้ 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. การควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลทั้ง 25 ศูนย์ของภาคเอกชนที่ร่วมกับกทม. สามารถแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล โดยมีศักยภาพสามารถให้บริการฉีดวัคซีนได้ถึงวันละ 80,000 คน/วัน ซึ่งเอกชนพร้อมสนับสนุนภาครัฐในการจัดอุปกรณ์การแพทย์ ทั้ง Rapid Tests ยารักษา เตียงผู้ป่วยหนักและ ICU รวมทั้งมาตรการ Isolation โดยเทคโนโลยีดิจิทัล และจัด Platform ต่างๆ ซึ่งTeleMed ช่วยสร้างความเชื่อมั่น ลดจำนวนผู้ป่วยได้ 2. การเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชน เสนอให้มีการขยายมาตรการช่วยเหลือทั้งกิจการที่ต้องหยุดประกอบตามคำสั่งของราชการ รวมทั้งธุรกิจในห่วงโซ่ต่างๆ รวมทั้งการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน 3.การกระตุ้นเศรษฐกิจ แผนระยะสั้น-ระยะกลาง กระตุ้นการใช้จ่ายในกลุ่มผู้มีรายได้และกำลังซื้อสูง กระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน ให้เกิดการจ้างงาน รวมทั้งการเตรียมความพร้อมของประเทศในการเข้าสู่ New Economy 4. การฟื้นฟูประเทศไทย เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ตั้งคณะกรรมการร่วมรัฐเอกชน ขับเคลื่อนกิจกรรมที่มี Impact สูงและประชาชนไทยได้ประโยชน์ ได้แก่ เกษตรสมัยใหม่ ท่องเที่ยวคุณภาพ สร้างขีดความสามารถทางเศรษฐกิจด้วย Digital Transformation โดยข้อเสนอทั้ง 4 แนวทางดังกล่าวเป็นการฟื้นฟูประเทศ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ขณะเดียวกันประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยังกล่าวแสดงความเข้าใจดีว่า รัฐบาลมีความยากลำบากในการทำงาน ภายใต้สถานการณ์โรคระบาดและเศรษฐกิจที่ผันผวนและไม่มีความแน่นอนสูง ภาคเอกชนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและพร้อมให้การสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลด้วยความจริงจัง
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณและสิ่งที่ได้รับฟังข้อมูลในวันนี้ สอดคล้องกับนโยบายและแนวคิดของรัฐบาล ซึ่งทุกข้อเสนอแนะเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน ซึ่งทั้งการช่วยเหลือ การให้สิทธิประโยชน์ รวมทั้งมาตราเยียวยาต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย ยืนยันว่า นายกรัฐมนตี คณะรัฐมนตรี และศบค. ไม่เคยหยุดคิด หยุดทำงาน นายกรัฐมนตรีรับรายงานทุกวัน เพื่อสั่งการทั้งการรักษา การเยียวยา รวมทั้งการเตรียมมาตรการเรื่องงบประมาณ เพื่อดูแลคน 70 ล้านคน แต่ทุกมาตรการของรัฐต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย และได้ย้ำมาตลอดว่า ไทยต้องปรับรูปแบบการบริหารจัดการใหม่ รัฐบาลทำหน้าที่กำหนดนโยบายสร้างโอกาสให้เอกชนเป็นผู้ขับเคลื่อน ที่สำคัญทุกฝ่ายต้องร่วมมือการสื่อสารสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ลดความขัดแย้ง ขอยืนยันการเดินหน้าเปิดประเทศ 120 วัน ซึ่งเริ่มแล้วที่ภูเก็ตและสมุย และจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ต่อไป ซึ่งรัฐบาลและเอกชนต่างก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจเดินหน้าประเทศ เพื่อความสุขของคนไทยทุกคน พร้อมรับข้อเสนอ ข้อห่วงใยทุกประเด็น ซึ่งจะได้นำไปหารือกับคณะรัฐมนตรีและ ศบค. ต่อไป
ทั้งนี้ ก่อนจบการประชุม ภาคเอกชน ประธานหอการค้า ขอบคุณการหารือวันนี้ โดยท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้เวลา และรับฟังด้วยความตั้งใจ เพื่อร่วมกันทำงาน สร้างความเชื่อ สร้างสรรค์ ผลักดัน เป้าหมายฟื้นฟู เพื่อบรรลุเป้าหมาย และสุดท้าย ซีอีโอ 40 กว่าบริษัทยังได้กล่าวให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี และขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป
https://www.facebook.com/anucha.b.dp/posts/4144312058980913
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
การเมือง
รัฐบาล
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19)
🧡มาลาริน/ประเทศต้องเดินต่อไปค่ะ...นายกฯพอใจเปิดประเทศ'ภูเก็ต-สมุย' รุกต่อพังงา กระบี่ เริ่ม1ส.ค.นี้/เปิดตัวเลขนทท.ภูเก็
22 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เวลา 15:14 น.
22 ก.ค.64 - นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เปิดเผยว่า วันนี้นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ครั้งที่ 3/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยนายกฯได้เน้นย้ำถึงความสำเร็จของโครงการ Phuket Sandbox พร้อมชื่มชมการทำงานร่วมกันของภาครัฐและเอกชน โดยพบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1– 21 กรกฎาคม 2564 รวม 9,358 คน ขณะที่ยอดการจองห้องพักตามมาตรฐาน SHA+ สะสมระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายนอยู่ที่ 244,703 คืน คิดเป็นอัตราการเข้าพักร้อยละ 10.12 สร้างรายรับการท่องเที่ยว 534.31 ล้านบาท โดยที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดในการร่วมมือกันเพื่อควบคุมการระบาดให้ดี
นายธนกร กล่าวว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบมาตรการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าร่วม Phuket Sandbox เดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องอื่น (7+7) โดยนักท่องเที่ยวพำนักภายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นเวลา 7 วัน และสามารถเดินทางท่องเที่ยวและต้องพำนักในพื้นที่อื่น ๆ อีกเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า) จังหวัดกระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล) และจังหวัดพังงา (เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่) มีกำหนดเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 สิงหาคม 2564
โดยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานภาคเอกชนและภาคประชาชนเพื่อสร้างความเข้าใจของคนในพื้นที่ร่วมกัน และพิจารณาจัดเตรียมแผนการดำเนินการบนระเบียบหลักเกณฑ์และมาตรฐานเดียวกับการดำเนินการของ Phuket Sandbox เพื่อมุ่งเน้นความปลอดภัยและการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ และ (2) มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดทำรายละเอียดแผนการเชื่อมโยงให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางระหว่างจังหวัดภูเก็ตและพื้นที่นำร่องอื่น เพื่อนำเสนอให้ที่ประชุม ศบค. พิจารณาต่อไป และให้พิจารณาจัดทำแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อนำเสนอให้ที่ประชุม ศบศ. และ ศบค. พิจารณาต่อไป
นายธนกร กล่าวอีกว่า ในส่วนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย ตามข้อเสนอของทีมปฏิบัติการเชิงรุกทาบทามทั้งบริษัทเอกชนไทยและต่างประเทศ โดยการปรับข้อจำกัดต่าง ๆ และอำนวยความสะดวก เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว ประกอบด้วย (1) กลุ่มประชากรโลกที่มีความมั่งคั่งสูง (Wealthy global citizen) (2) ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (Wealthy pensioner) (3) กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย (Work-from-Thailand professional) และ (4) กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ (High-skilled professional) โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาข้อเสนอในรายละเอียดต่อไป
https://www.thaipost.net/main/detail/110728
เปิดตัวเลขผู้โดยสารบินเข้า 'ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์' 20 วัน 9,138 คน
22 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เวลา 15:15 น.
22 ก.ค. 2564 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมกำกับ ติดตาม แก้ไขปัญหาอุปสรรค ให้มีความพร้อมในการเปิดประเทศ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามนโยบายรัฐบาล ว่า ได้รับรายงานว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามแนวทาง “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ตั้งแต่วันที่ 1-20 ก.ค.64 มีเที่ยวบินขาเข้าสะสมรวม 111 เที่ยวบิน ผู้โดยสารสะสมรวม 9,138 คน ประกอบด้วย นักท่องเที่ยวต่างชาติ 7,968 คน และนักท่องเที่ยวชาวไทย 1,170 คน นอกจากนี้ยังได้รายงานการเตรียมความพร้อมด้านคมนาคม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามแนวทาง “สมุยพลัสโมเดล” ซึ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า รวมทั้งรายงานแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นๆ อาทิ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และกระบี่
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง บก-น้ำ-ราง-อากาศ ได้รายงานผลการดำเนินงาน ตลอดจนมาตรการการแก้ไขปัญหา เช่น การปฏิบัติงานของท่าอากาศยานภูเก็ตในการรองรับผู้โดยสารต่างประเทศ การปฏิบัติงานของขนส่งจังหวัดภูเก็ตที่ต้องใช้มาตรการในการกำกับอัตราค่าโดยสารรถยนต์สาธารณะ และการเข้มงวดการเดินทางเข้าออกจังหวัดภูเก็ตผ่านระบบคัดกรอง โดยผู้เดินทางต้องได้รับวัคซีนตามข้อกำหนดที่จังหวัดภูเก็ตได้ออกประกาศไว้ การบริหารจัดการท่าเทียบเรือ เพื่อรองรับเรือส่วนบุคคลจากต่างประเทศ ได้กำหนดท่าเทียบเรือไว้ 6 ท่า (จากท่าเรือที่มีอยู่ 20 ท่า) ในจังหวัดภูเก็ต เป็นท่าเรือในการคัดกรองรองรับการเดินทางตามมาตรการตรวจคนเข้าเมืองและสาธารณสุข ส่วนทางราง ได้เน้นคัดกรองและดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุข เพื่อรองรับการเดินทางไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี
“ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานทำประชาสัมพันธ์เชิงรุกในทุกมิติ เพื่อให้ประชาชนรับทราบการดำเนินงานที่แท้จริง ซึ่งจะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการใช้บริการ และสามารถลดการบิดเบือนของข้อมูลที่ไม่เป็นจริงตามสื่อสังคมออนไลน์ได้อีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้ให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ของทุกหน่วยงานดำเนินการตามมาตรการด้านความปลอดภัยและสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้หน่วยงานในพื้นที่ทุกหน่วยงานกำกับดูแลผู้ประกอบการในความรับผิดชอบอย่างใกล้ชิด โดยรับฟังปัญหาของผู้ประกอบการ และประชาชนด้วยเหตุและผล เพื่อนำมาแก้ไขอย่างตรงประเด็นและรวดเร็ว ทั้งนี้หากมีปัญหาใดที่ต้องการให้ส่วนกลางช่วยแก้ไข สามารถประสานงานเข้ามาที่กระทรวงคมนาคม หรือหน่วยงานส่วนกลางได้”นายศักดิ์สยาม กล่าว
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ให้ทุกหน่วยงานพิจารณานำแนวทางการดำเนินงานในโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” มากำหนดใช้ใน “สมุยพลัสโมเดล” เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงานต่อไป ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมได้ตระหนักถึงสภาพการณ์ในปัจจุบัน แต่เพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติมีความพร้อมต่อการรองรับสถานการณ์ และเตรียมพร้อมหากเมื่อมีการเปิดประเทศในระยะต่อไป จึงได้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินผล เพื่อให้เกิดแนวทางที่มีประสิทธิภาพต่อการปฏิบัติงานในอนาคต และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนต่อไป
https://www.thaipost.net/main/detail/110727
สมุยคึกคัก! นายกท่องเที่ยวฯเตรียมเสนอรัฐปรับแผนนำ นทท.เข้าเกาะ
วันพฤหัสบดี ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2564, 15.35 น.
วันที่ 21 ก.ค.64 สภาพบรรยากาศหลังจากที่เกาะสมุยเปิดเกาะรับนักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวที่เข้ากักตัวในภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ ครบกำหนดแล้วเลือกเดินทางมาท่องเที่ยวต่อยังเกาะสมุย ทำให้ขณะนี้บริเวณชายหาดเฉวง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นชายหาดที่นักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกชื่นชอบได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ใช้เวลาทำกิจกรรมกลางแจ้งบริเวณชายหาด และการนอนอาบแดดบริเวณสระน้ำของดรงแรม
สำหรับท่าอากาศยานนานาชาติสมุย เครื่องบินสายการบินบางกอกแอร์เวย์สได้นำนักท่องเที่ยวจากจังหวัดภูเก็ต ที่ครบกำหนดกักตัวจากภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ เดินทางมายังเกาะสมุย ทำให้ขณะนี้เที่ยวบินจากจังหวัดภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวต่างชาติได้จองตั๋วเดินทางเข้าเกาะสมุยอย่างต่อเนื่อง พ.ต.ท.สมเกียรติ น้อยแนม สว.ส.ทท.5 กก.2บก.ทท.3 ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเข้าดูแลนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าเกาะสมุย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและอุ่นใจให้กับนักท่องเที่ยว
โดยนักท่องเที่ยวสาวที่เดินทางมาจากรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์จากนั้นได้เดินทางต่อมาที่จังหวัดภูเก็ต และได้เข้ากักตัวในภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ เมื่อครบกำหนดตนได้เลือกเกาะสมุยเป็นสถานที่เพื่อพักผ่อน เพราะชื่นชอบธรรมชาติและอีกหลายอย่างของเกาะสมุย เพราะตนเดยมาเกาะสมุยก่อนที่เชื้อไวรัสโควิด -19 จะระบาดใหญ่ การได้กลับมาที่เกาะสมุยอีกครั้งตนดีใจมาก และขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจเที่ยวเที่ยวที่มาดูแล
นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย เปิดเผยว่า เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากจังหวัดภุเก็ตทุกคนได้ผ่านการทตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด -19 หมดทุกคนแล้วก็สามารถเดินทางได้ อย่างเสรีในประเทศไทย ที่สำคัญนักท่องเที่ยวเลือกที่จะมาเกาะสมุยเป็นอันดับหนึ่ง เรื่องนี้สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุยได้ยื่นเรื่องเสนอต่อรนายกรัฐมนตรีแล้ว และ ศบค. ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการกักตัว โดยเปลี่ยนจากที่นักท่องเที่ยวต้องผ่านกระบวนการภูเก็ต แซนบ๊อกซ์ ที่ต้องอยู่ที่ภูเก็ต 14 วัน เปลี่ยนเป็นนักท่องเที่ยอยู่ที่ภูเก็ต 7 วันและเดินทางมาเกาะสมุยอีก 7 วัน ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าเกาสะมุยเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างประเมินที่อาจประกาศใช้ประมาณวันที่ 15 สิงหาคมที่อาจจะประกาศใช้ได้เลย
จึงฝากถึงทุกคนว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าเกาะสมุยทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพคนละสองเข็มก่อนเดินทางเข้าเกาะสมุย ซึ่งนักท่องเที่ยวทุกคนต้องผ่านการทำ สวอปภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมา และเมื่อมาถึงประเทศไทยก็ต้องถูกทำการ สวอป อีกหนึ่งครั้ง และจะถูกทำ สวอป อีกสองครั้งคือวันที่ 7 วัน และ 14 วันที่นักท่องเที่ยวอยู่ที่เกาะสมุย จากตัวเลขสถิติของภูเก็ต 0.005 เปอร์เว็นเท่านั้นที่นักท่องเที่ยวติดเชื้อ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยมากๆ ต่ำกว่านักท่องเที่ยยภายในประเทศ ทั้งนี้หากเราต้องการนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรา ต้องผ่อนปรนลดลง หรือร่วมกันมากขึ้นในการต้อนรับนักท่อวเที่ยวต่างชาติ ที่สำคัญนักท่องเที่ยวคนไทยเราก็ต้องยกระดับมากขึ้นเช่นกัน นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวกล่าว
https://www.naewna.com/likesara/589583
ประเทศไทยต้องเดินหน้าต่อไปค่ะ
นายกฯทำงานเพื่อประชาชนในทุกเรื่องเพื่อสุขภาพและการทำมาหากินในยุคโควิด
ยินดีกับชาวภูเก็ต สมุย ฉลุยแล้ว และกระบี่ พังงาจะเดินตามในเร็วๆนี้ค่ะ