เรามีโอกาสได้คุยกับพี่ผู้ชายคนนึง เนื่องจากเค้าเป็นรุ่นพี่ในคณะซึ่งตอนเรียนเราก็ไม่ได้รู้จักหรอกนะคะ จนมีโอกาสได้เจอกันตอนจะทำงาน พี่เค้าก็เป็นรุ่นพี่ที่สนิทกับเพื่อนเรามาก่อนอยู่แล้ว และพอได้มาทำงานที่เดียวกันเรากับเค้าก็เลยรู้จักกันแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง จนทำงานได้ 2-3 เดือน เค้าก็เริ่มมาหยอดๆค่ะ จนเริ่มชวนไปกินข้าวบ้าง แต่เค้าก็เนียนจนเราไม่แน่ใจว่านี่คือการจีบรึป่าว จนผ่านไป 3 เดือน ก็เริ่มรู้สึกไม่ไหวแล้ว เลยตัดสินใจถามเองเลยว่าที่ทำแบบนี้คิดอะไรอยู่ คุยไปคุยมา ก็เข้าใจและคิดตรงกันเลยตกลงกันว่าจะคุยกันค่ะ
ตอนนี้ถ้านับจากที่ตกลงคุยกันก็ 11 เดือนแล้วค่ะ แต่ถ้านับแบบหลวมๆก็ปีกว่าแล้วล่ะ แต่เค้าก็ยังไม่ขอเราเป็นแฟนเลย ไม่มีทีท่าเลยด้วย เราเคยถามเค้าตอนที่คุยกันได้ราวๆ 5 เดือนว่าทำไมเค้าถึงไม่ชัดเจนล่ะ แต่เหตุผลตอนนั้นเพราะหลายๆ อย่างที่เค้านอยด์เรา เค้าเลยยังไม่ขอ ซึ่งอันนี้เข้าใจได้ค่ะ และไม่ได้เป็นประเด็นอะไรแล้ว แต่ตลอดเวลาที่คุยกันใจเรามันถามตัวเองอยู่ตลอดว่ามันจะมีวันนั้นไหมนะ หรือเค้าไม่ได้อยากจะเป็นแฟนกับเราแล้ว จนผ่านไปเข้าสู่เดือนที่ 9 เรารู้สึกว่าเราไม่ไหวแล้วล่ะ เราอึดอัดมากๆ จากที่พยายามเลียบๆเคียงๆ หยอนเชิงแบบส่งโพสพวกสถานะไม่ชัดเจนไปให้เค้าดู เค้าก็เฉยอยู่ตลอด เราเลยถามเค้าแบบจริงจังอีกครั้ง พร้อมทั้งบอกว่าเรามีเวลาแค่ 1 ปีนะ ถ้ายังไม่ชัดเจนสิงหานี้เราคงไม่รอแล้วล่ะ เค้าก็ถามนะว่าที่ผ่านมาเค้าไม่ชัดเจนตรงไหน เค้าคุยกับเราคนเดียว เค้าจริงจังนะ และเค้าก็ให้เหตุผลเราว่าไม่ใช่ว่าเค้าไม่อยากขอ อยากชวนไปเที่ยว ซื้อของขวัญให้แล้วจะขอเป็นแฟนนี่แหละ แต่โควิดมันเลยทำไม่ได้ จะให้ขอที่ห้องไหมล่ะ นั่งที่โต๊ะกินข้าวแบบนี้หรอ แล้วก็เสริมว่าเพราะวาเลนไทน์หรือวันเกิดเราที่ผ่านมา เค้าก็ไม่ได้มีความโรแมนติกอะไรให้เลย ครั้งนี้เลยอยากทำให้ เราก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปหรอกค่ะ แต่ตอนนั้นก็แค่คิดในใจว่าจริงๆ อยากได้ยินแค่คำว่าแฟน แค่อยากให้เค้าเอ่ยขอออกมา เราก็ดีใจแล้ว เราไม่อยากได้อย่างอื่นเลย แต่ก็ปล่อยไปโดยคิดว่าอยากจะทำก็ทำไป
แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมา เรามีปัญหากันบ่อยมากค่ะ ทะเลาะกันบ่อย เริ่มทัศนคติไม่ตรงกัน เค้าก็ดุเราบ่อยมากจนเราท้อเลยล่ะ มองว่าเราเป็นเด็ก อยากให้เราโตขึ้นกว่านี้ เพราะเค้าก็อยากเป็นเด็กที่มีคนที่เป็นผู้ใหญ่มาบงการบ้าง แต่ทำไม่ได้หรอกค่ะ เค้าไปผู้ใหญ่เกินไป ชอบสั่งสอน ไม่มีใครจะโตไปกว่าเค้าแล้วล่ะ ซึ่งจริงๆเราก็เคยได้ยินมาจากเพื่อนเราที่สนิทกับเค้านะ แต่ก็พึ่งเคยเจอถี่ๆก็ช่วงหลังนี่ล่ะ ซึ่งมันก็สวนทางกับเรานะที่เราชอบเค้าเพราะมีภาวะผู้นำ ชอบที่สามารถเป็นเด็กโดยมีเค้าอยู่ข้างๆได้ เรารู้สึกปลอดภัยค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็คุยกันว่าเออเราจะปรับตัวกันนะ แต่เป็นเราเองนี้ล่ะที่ในหัวมันไม่เคยปล่อยความนอยด์นี้ไปได้เลย ทั้งเรื่องทัศนคติแบบนี้ เรื่องการขอเป็นแฟน เรากลายเป็นคนแพนิค คนคิดมากกว่าที่เคยเป็นมากๆ ไม่มั่นใจ หึงง่าย ขี้ระแวงว่าเค้าจะคุยกับคนอื่นรึป่าว ถึงไม่ได้อยากขอเราเป็นแฟน ซึ่งก็เป็นแบบนี้มาหลายเดือนแล้วค่ะ รู้ตัวเลย และเค้าไม่ได้หวานเหมือนตอนแรกๆ มานานมากแล้วล่ะ มันเลยดูไม่มีจุดหมายเลย คิดเล็กคิดน้อยไปหมด มันกระทบกับความสัมพันธ์มากๆ
แต่ point หลักที่เรายังไม่ไปไหนสักทีเพราะถ้ามองที่การกระทำเพียงอย่างเดียว เค้าก็ชัดเจนมากจริงๆนั้นแหละค่ะ ที่ทำงานทุกคนรับรู้และเข้าใจว่าเรา 2 คนเป็นแฟนกัน และเค้าก็ปฏิบัติทุกอย่างกับเราแบบแฟนทั้งต่อหน้าคนอื่น และเวลาที่อยู่ด้วยกัน ดูแลเอาใจใส่ดีมากๆ แบบที่บางทีก็รู้สึกว่าทำไมใส่ใจขนาดนี้นะ กับเพื่อนๆ เค้าก็คงจะรู้บ้างที่เฉพาะสนิทๆ แต่เราก็ไม่เคยเจอหรอกนะคะ แล้วช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาบ้านเรามีปัญหา เราต้องหาเงินเกือบแสนไปใช้หนี้ให้แม่ เค้าก็ให้เรายืมแบบไม่คิดอะไรเลย จะผ่อนเมื่อไหร่ก็ได้ ผ่อนยังไงก็ได้ มีแล้วค่อยคืน ช่วยเหลือเราแทบทุกอย่าง ทั้งที่เค้าก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เราเป็นลมเค้าก็รีบอุ้มเราไปโรงพยาบาล จัดการทุกอย่างให้หมด มันก็แสดงถึงความจริงใจของเค้ามากเลยล่ะ
มันเลยทำให้เราสับสนมากเลยค่ะว่าเราควรจะเดินต่อทางไหนดี เพราะเดือนหน้าเราคงไม่มีกำลังใจจะถามเค้าอีกครั้งแล้วล่ะ ฮึบถามมาตั้ง 2 รอบแล้ว บวกกับการทะเลาะเพราะเรื่องทัศนคติบ่อยๆ ถ้าจะเป็นแฟนกัน มันจะต้องเลิกกันในอนาคตไหมนะ
เรายึดติดเกินไปรึป่าวคะ ที่เราอยากได้ความชัดเจนจากปากเค้ามากขนาดนี้ มันคือเรื่องใหญ่สำหรับเรามาก เราอยากมองอนาคตให้ชัดเจนกว่านี้ แต่เค้าก็ดูไม่ได้มองว่ามันสำคัญ เราเลยอยากได้คำแนะนำมากเลยค่ะ เพราะเราก็คิดมากจนเหนื่อยแล้วล่ะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
เรายึดติดกับการอยากได้คำว่า “แฟน” มากไปรึป่าวคะ
ตอนนี้ถ้านับจากที่ตกลงคุยกันก็ 11 เดือนแล้วค่ะ แต่ถ้านับแบบหลวมๆก็ปีกว่าแล้วล่ะ แต่เค้าก็ยังไม่ขอเราเป็นแฟนเลย ไม่มีทีท่าเลยด้วย เราเคยถามเค้าตอนที่คุยกันได้ราวๆ 5 เดือนว่าทำไมเค้าถึงไม่ชัดเจนล่ะ แต่เหตุผลตอนนั้นเพราะหลายๆ อย่างที่เค้านอยด์เรา เค้าเลยยังไม่ขอ ซึ่งอันนี้เข้าใจได้ค่ะ และไม่ได้เป็นประเด็นอะไรแล้ว แต่ตลอดเวลาที่คุยกันใจเรามันถามตัวเองอยู่ตลอดว่ามันจะมีวันนั้นไหมนะ หรือเค้าไม่ได้อยากจะเป็นแฟนกับเราแล้ว จนผ่านไปเข้าสู่เดือนที่ 9 เรารู้สึกว่าเราไม่ไหวแล้วล่ะ เราอึดอัดมากๆ จากที่พยายามเลียบๆเคียงๆ หยอนเชิงแบบส่งโพสพวกสถานะไม่ชัดเจนไปให้เค้าดู เค้าก็เฉยอยู่ตลอด เราเลยถามเค้าแบบจริงจังอีกครั้ง พร้อมทั้งบอกว่าเรามีเวลาแค่ 1 ปีนะ ถ้ายังไม่ชัดเจนสิงหานี้เราคงไม่รอแล้วล่ะ เค้าก็ถามนะว่าที่ผ่านมาเค้าไม่ชัดเจนตรงไหน เค้าคุยกับเราคนเดียว เค้าจริงจังนะ และเค้าก็ให้เหตุผลเราว่าไม่ใช่ว่าเค้าไม่อยากขอ อยากชวนไปเที่ยว ซื้อของขวัญให้แล้วจะขอเป็นแฟนนี่แหละ แต่โควิดมันเลยทำไม่ได้ จะให้ขอที่ห้องไหมล่ะ นั่งที่โต๊ะกินข้าวแบบนี้หรอ แล้วก็เสริมว่าเพราะวาเลนไทน์หรือวันเกิดเราที่ผ่านมา เค้าก็ไม่ได้มีความโรแมนติกอะไรให้เลย ครั้งนี้เลยอยากทำให้ เราก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปหรอกค่ะ แต่ตอนนั้นก็แค่คิดในใจว่าจริงๆ อยากได้ยินแค่คำว่าแฟน แค่อยากให้เค้าเอ่ยขอออกมา เราก็ดีใจแล้ว เราไม่อยากได้อย่างอื่นเลย แต่ก็ปล่อยไปโดยคิดว่าอยากจะทำก็ทำไป
แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมา เรามีปัญหากันบ่อยมากค่ะ ทะเลาะกันบ่อย เริ่มทัศนคติไม่ตรงกัน เค้าก็ดุเราบ่อยมากจนเราท้อเลยล่ะ มองว่าเราเป็นเด็ก อยากให้เราโตขึ้นกว่านี้ เพราะเค้าก็อยากเป็นเด็กที่มีคนที่เป็นผู้ใหญ่มาบงการบ้าง แต่ทำไม่ได้หรอกค่ะ เค้าไปผู้ใหญ่เกินไป ชอบสั่งสอน ไม่มีใครจะโตไปกว่าเค้าแล้วล่ะ ซึ่งจริงๆเราก็เคยได้ยินมาจากเพื่อนเราที่สนิทกับเค้านะ แต่ก็พึ่งเคยเจอถี่ๆก็ช่วงหลังนี่ล่ะ ซึ่งมันก็สวนทางกับเรานะที่เราชอบเค้าเพราะมีภาวะผู้นำ ชอบที่สามารถเป็นเด็กโดยมีเค้าอยู่ข้างๆได้ เรารู้สึกปลอดภัยค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็คุยกันว่าเออเราจะปรับตัวกันนะ แต่เป็นเราเองนี้ล่ะที่ในหัวมันไม่เคยปล่อยความนอยด์นี้ไปได้เลย ทั้งเรื่องทัศนคติแบบนี้ เรื่องการขอเป็นแฟน เรากลายเป็นคนแพนิค คนคิดมากกว่าที่เคยเป็นมากๆ ไม่มั่นใจ หึงง่าย ขี้ระแวงว่าเค้าจะคุยกับคนอื่นรึป่าว ถึงไม่ได้อยากขอเราเป็นแฟน ซึ่งก็เป็นแบบนี้มาหลายเดือนแล้วค่ะ รู้ตัวเลย และเค้าไม่ได้หวานเหมือนตอนแรกๆ มานานมากแล้วล่ะ มันเลยดูไม่มีจุดหมายเลย คิดเล็กคิดน้อยไปหมด มันกระทบกับความสัมพันธ์มากๆ
แต่ point หลักที่เรายังไม่ไปไหนสักทีเพราะถ้ามองที่การกระทำเพียงอย่างเดียว เค้าก็ชัดเจนมากจริงๆนั้นแหละค่ะ ที่ทำงานทุกคนรับรู้และเข้าใจว่าเรา 2 คนเป็นแฟนกัน และเค้าก็ปฏิบัติทุกอย่างกับเราแบบแฟนทั้งต่อหน้าคนอื่น และเวลาที่อยู่ด้วยกัน ดูแลเอาใจใส่ดีมากๆ แบบที่บางทีก็รู้สึกว่าทำไมใส่ใจขนาดนี้นะ กับเพื่อนๆ เค้าก็คงจะรู้บ้างที่เฉพาะสนิทๆ แต่เราก็ไม่เคยเจอหรอกนะคะ แล้วช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาบ้านเรามีปัญหา เราต้องหาเงินเกือบแสนไปใช้หนี้ให้แม่ เค้าก็ให้เรายืมแบบไม่คิดอะไรเลย จะผ่อนเมื่อไหร่ก็ได้ ผ่อนยังไงก็ได้ มีแล้วค่อยคืน ช่วยเหลือเราแทบทุกอย่าง ทั้งที่เค้าก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เราเป็นลมเค้าก็รีบอุ้มเราไปโรงพยาบาล จัดการทุกอย่างให้หมด มันก็แสดงถึงความจริงใจของเค้ามากเลยล่ะ
มันเลยทำให้เราสับสนมากเลยค่ะว่าเราควรจะเดินต่อทางไหนดี เพราะเดือนหน้าเราคงไม่มีกำลังใจจะถามเค้าอีกครั้งแล้วล่ะ ฮึบถามมาตั้ง 2 รอบแล้ว บวกกับการทะเลาะเพราะเรื่องทัศนคติบ่อยๆ ถ้าจะเป็นแฟนกัน มันจะต้องเลิกกันในอนาคตไหมนะ
เรายึดติดเกินไปรึป่าวคะ ที่เราอยากได้ความชัดเจนจากปากเค้ามากขนาดนี้ มันคือเรื่องใหญ่สำหรับเรามาก เราอยากมองอนาคตให้ชัดเจนกว่านี้ แต่เค้าก็ดูไม่ได้มองว่ามันสำคัญ เราเลยอยากได้คำแนะนำมากเลยค่ะ เพราะเราก็คิดมากจนเหนื่อยแล้วล่ะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ