JJNY : ‘สรยุทธ’หวั่นได้ยาช้า│ยายติดโควิด ลูกโทรถูกปฏิเสธ สุดท้ายสิ้นใจ│‘หมอธีระ’แนะปูพรมตรวจ│“ร้านอาหาร”ดิ้นสู้ล็อกดาวน์

‘สรยุทธ’หวั่นสายเกินแก้ ได้ยาช้าทำโควิดลุกลาม!
https://www.dailynews.co.th/news/73231/
 
 
"สรยุทธ" หวั่นสถานการณ์โควิดสายเกินแก้ หลังสายพันธุ์เดลต้าอาการรุนแรงหนัก ถามผู้ป่วยควรได้ "ยาฟาวิพิราเวียร์" ง่ายกว่านี้หรือไม่?
 
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ต้องติดตามและเฝ้าระวังกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 11,305 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 397,612 ราย นั้น
 
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ก.ค. กรรมกรข่าว “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ได้ออกมาโพสต์แสดงความเห็นว่า 
 
“คิดเองว่า ถ้าตรวจ แอนติเจน เทสต์ แล้ว ผลเป็นบวก ควรได้ “ยาฟาวิพิราเวียร์” ง่ายกว่านี้? ในภาวะ “ฉุกเฉิน” แล้ว กว่าจะต้องรอเข้าตรวจ RT-PCR กว่าจะได้ตรวจ กว่าจะยืนยันผล กว่าจะเข้าระบบ แล้วถึงจะได้รับการพิจารณาให้ยาฟาวิฯ มันจะช้าไป จากสีเขียว จนกลายเป็นสีเหลือง เป็นสีแดง ไปก่อนหรือเปล่า สายพันธุ์เดลต้า อาการรุนแรงใน 3-5 วัน เร็วกว่า สายพันธุ์อัลฟา ที่ 7-10 วัน อยากขอความรู้จากแพทย์จริงๆ ครับ”…
 
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
https://www.facebook.com/sorrayuth9115/posts/365049151648697
 

 
ยายติดโควิด อาการทรุด ค่าออกซิเจนตก ลูกชายโทรถูกปฏิเสธ "ถ้าอยากตรวจ ให้ไปหาหมอเอง" สุดท้ายสิ้นใจ
https://ch3plus.com/news/program/249570
 
 เมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) ทีมข่าวได้รับแจ้งจากนายชุมพล อายุ 40 ปี ว่าตนเองพร้อมด้วยคุณพ่อ อายุ 72 และคุณแม่ อายุ 79 ปี รวม 3 คน ติดเชื้อโควิด อาศัยอยู่ภายในบ้านพักย่านบางบอน 1 ซอย 17 ถนนบางบอน 1 แขวงคลองบางพรานเขตบางบอน กทม.
  
โดยก่อนหน้านี้ตนกับคุณพ่อ คือนายสมควร มีอาการไม่สบาย สงสัยอาจติดเชื้อโควิด จึงได้ไปตรวจที่แล็บเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 12 ก.ค ทราบผลวันที่ 15 ก.ค. เป็นบวก ไม่ทราบรับเชื้อมาจากที่ไหน ตนพยายามประสานช่องทางการช่วยเหลือรวมถึงเพจอาสาต่าง ๆ เพื่อหาเตียงลงทะเบียนผู้ป่วยตามระบบทุกอย่าง แต่ไม่มีสถานที่ใดตอบรับ
  
บางหน่วยงานโทรมากลับมาแจ้งเลขเคส พร้อมระบุว่า “ให้รอรถนะ” แต่ก็ไม่มีใครติดต่อมา ติดต่อไปเพจ ๆ หนึ่งก็บอกว่ากำลังพยายามช่วย ตนโทร 1669 ก็ติดต่อยากมาก พอติดต่อได้บอกให้ลงทะเบียน ตนก็ทำตามขั้นตอนแล้วก็เงียบไป
  
ต่อมาคุณแม่คือนางจำปา เริ่มไม่สบายท้องเสีย อุจจาระร่วงรุนแรง อาเจียนจนตัวสั่น จึงให้เจ้าหน้าที่มาตรวจหาเชื้อให้กับคุณแม่ ที่บ้าน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา เพราะไม่สามารถออกไปตรวจที่ไหนได้ ตอนนี้ยังไม่ทราบผลตรวจคาดว่าต้องรออีก 1-2 วัน
 
โดยระหว่างที่กักตัวรอเตียงอยู่ในบ้าน คุณพ่อมีอาการเหนื่อยหอบ เดินไม่ไหว ส่วนคุณแม่ เป็นไข้ ไม่มีแรงนอนซมอยู่บนเตียง อาเจียนตลอดเวลาติดต่อกัน 5 วัน กินยากินข้าวก็อาเจียนออกมา แม่บอกว่า “ไม่ไหวแล้ว” ตนเห็นสภาพคุณแม่ คงทุกข์ทรมานอย่างมาก
 
มีอยู่วันหนึ่งเวลาประมาณตี 3 ตนติดต่อไปยังหน่วยงานหนึ่ง เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่สามารถมารับตัวคุณแม่ได้เพราะไม่มีผลตรวจ ตนพยายามอ้อนวอนขอร้อง แต่ปฏิเสธไม่รับ อ้างเป็นช่วงนอกเวลางาน หากต้องการตรวจให้ไปพบหมอเองที่โรงพยาบาลช่วงกลางวัน ลูกชายของ 2 ตายาย ระบุว่า 
 
“เมื่อเข้าถึงการตรวจยาก เมื่อนั้นอาจทำให้ผู้ป่วยอาการหนัก”
 
กระทั่งคืนวันอาทิตย์ ที่ 18 ก.ค.คุณแม่ อาการทรุดหนัก ตาลอย นอนนิ่งตัวสั่น เรียกไม่ตอบสนอง ค่าออกซิเจนในเลือดตกเหลือ 68 จึงต้องนำสายออกซิเจนที่คุณพ่อใช้มาใส่ให้กับคุณแม่ก่อน เพื่อประคองลมหายใจแต่ค่าออกซิเจนก็ไม่ขึ้น จากนั้นมี อปพร.เขตบางบอน มาช่วยประเมินอาการวัดค่าออกซิเจนในเลือด 78 นำเครื่องผลิตออกซิเจนขนาด 10 ลิตร เข้ามาช่วยแต่ค่าออกซิเจนในเลือดก็ยังไม่ดีขึ้น
 
เจ้าหน้าที่ อปพร.เขตบางบอน จึงประสานไปยังศูนย์เอราวัณโดยด่วน ให้ส่งรถกู้ชีพขั้นสูงมารับตัวคุณแม่ นำส่งโรงพยาบาลในคืนวันเดียวกัน หลังจากคุณแม่ ถึงมือหมอ ประมาณตี 5 วันที่ 19 ก.ค. ทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่า “ให้ทำใจนะ คุณแม่เสียชีวิตแล้ว” แม้ว่าผลตรวจหาเชื้อโควิดของคุณแม่ ยังไม่ออก แต่หมอเอ็กซเรย์ พบว่าเชื้อลงปอดเป็นฝ้าหมดแล้ว
 
ส่วนคุณพ่อ เมื่อวาน (19 ก.ค.) วัดค่าออกซิเจนในเลือดอยู่ที่ 91 มีการเหนื่อยหอบหนักกว่าเดิม อ่อนเพลีย หายใจลำบากติดขัด ประกอบกับมีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง คุณพ่อไม่พูดหรือบ่นอะไร ตนสังเกตรับรู้ได้ว่าคุณพ่อไม่ไหวแล้ว ตนเองมองว่า “คุณแม่เป็นผู้โชคร้าย” ที่ต้องมาเสียชีวิต แม้ยังไม่มีผลตรวจยืนยัน แต่คาดว่าน่าจะติดเชื้อโควิด เพราะอาศัยอยู่ในบ้านสัมผัสใกล้ชิดกัน
 
ขณะที่ช่วงบ่ายของวานนี้ (19 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ได้นำรถแอมบูแลนซ์ มารับตัวนายชุมพล และคุณพ่อ ไปที่โรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรฯ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อเข้ารับการรักษา ซึ่งทันทีที่รถมาจอดหน้าบ้าน ทั้งคู่ได้เปิดประตูหิ้วกระเป๋าออกมาจากหน้าบ้าน ก่อนเดินขึ้นรถแอมบูแลนซ์ โดยลูกชายช่วยพยุงคุณพ่อขึ้นรถ เพราะเดินไม่ไหว
 
ด้านนางญาดา อายุ 45 ปี หลานสาวของสองตายาย ซึ่งเป็นผู้จัดการเรื่องงานศพ เพราะพี่ชาย (ลูกของตายาย) ติดเชื้อมาดำเนินการไม่ได้ต้องไปโรงพยาบาลสนาม เมื่อวานนี้( 19 ก.ค.) เธอไปติดต่อรับร่างของคุณยายจำปา ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า นำร่างมาเผาที่วัดมงคลวราราม (วัดมะเกลือ) เขตจอมทอง โดยมีหลาน 2 คน มาทำพิธีให้ วางดอกดอกไม้จันทน์บนพานหน้าเมรุเผาศพ พระสงฆ์ 4 รูป สวดพระอภิธรรม
 
หลานสาว เผยว่า คุณยายเสียชีวิตก่อนที่จะทราบผลตรวจโควิดเพราะอาการหนักสุด 
 
“ส่วนตัวเข้าใจรัฐบาล แต่ในมุมญาติพอได้ติดต่อประสานเอง ทำให้เรารู้ว่ามันมีความยากลำบากกว่าจะประสานหาเตียงได้ ทุกคนดีใจที่เห็นคุณยายได้เข้าโรงพยาบาลรับการรักษา แต่พอทราบข่าวว่าคุณยายเสียชีวิต เสียใจจนพูดไม่ออกเพราะการสูญเสียครั้งนี้มันเร็วมาก” 
 
หมอแจ้งว่าเข้ารับการรักษาช้าเกินไป เพราะเชื้อลงปอดหมดแล้ว โควิดมันเป็นเรื่องเรื่องใกล้ตัวมาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่