🇹🇭มาลาริน💛วันนี้(19ก.ค.)โควิดวันนี้ ติดเชื้อ 11,784 คน เสียชีวิต 81 คน หายป่วย 5,741 คน/คุมเข้มทั้งกลางวัน-กลางคืน

ปูเสื่อโควิดวันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 11,784 ราย ดับเพิ่ม 81 ราย หายป่วยเพิ่ม 5,741 ราย


สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 11,784 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 11,684 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 100 ราย ยอดติดเชื้อรวมระลอกเมษายน 386,307 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 415,170 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 81 ราย เสียชีวิตสะสม 3,422 ราย หายป่วยเพิ่ม 5,741 ราย

รายละเอียดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 11,784 ราย มีดังนี้....👇
1.ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 8,997 ราย
2.ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 2,677 ราย
3.จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 100 ราย
4.เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine 10 ราย

เพี้ยนปักหมุดยอดผู้ติดเชื้อรายจังหวัด 19 ก.ค. 64

- กทม. มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 2,134 ราย ทำให้มีความหนาแน่นในระบบการรักษา ต้องใช้ระบบ Home Isolation ในการรักษามากขึ้น สามารถติดต่อสายด่วน 1330 กด 14
- สมุทรสาครกลับมาระบาดอีกครั้ง โดยในวันนี้มีผู้ติดเชื้อถึง 756 ราย



https://www.sanook.com/news/8413098/

เพี้ยนแคปเจอร์ฝ่ายความมั่นคงตั้งด่านตรวจ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม คุมเข้มเดินทางทั้งกลางวัน-กลางคืน



19 ก.ค.64 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันตอนหนึ่งว่า สำหรับข้อกำหนดฉบับที่ 28 เป็นปรับระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจาก 10 จังหวัด เป็น 13 จังหวัด ขณะที่พื้นที่ควบคุมสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 53 จังหวัด จะเห็นว่าพื้นที่สีแดงครอบคลุมไปทั่วประเทศ และจากข้อกำหนดฉบับที่ 28 เป็นการให้งดภารกิจออกนอกเคหสถานโดยไม่จำเป็น คือนอกจากประกาศเคอร์ฟิวในตอนกลางคืน ช่วงกลางวันก็ขอให้ลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น

ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงจะตั้งด่านในพื้นที่ขอบนอกของ 9 จังหวัดภาคกลางที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงและเข้มงวด โดยจะมีด่านตรวจเข้มแข็งกระจายไปในบริเวณขอบนอกของ 9 จังหวัด จะมีด่านตรวจทั้งเข้าและออก ใครจะเดินทางต้องแสดงหลักฐาน 3 อย่างคือ เอกสารที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เช่น กำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน ผู้อำนวยการเขต ต้องสแกนแอปพลิเคชั่นไทยชนะบริเวณด่านตรวจ และลงทะเบียนในเว็บไซต์ www.covid-19.in.th เพื่อจะได้รับคิวอาร์โค้ด ซึ่งที่ขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบระบบ ขณะที่การเดินทางภายในพื้นที่สีแดงเข้มก็จะมีการตั้งด่านด้วยเช่นกัน
 
โดยมาตรการนี้จะใช้กับ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้มด้วย จึงขอแจ้งให้ประชาชนว่าถึงความไม่สะดวกสบายที่จะเกิดขึ้น เพื่อต้องการลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น ขอให้อยู่ในเคหสถาน ตอนนี้ทั่วโลกก็ใช้วิธีการล็อคดาวน์และมาตรการเหล่านี้ ถือเป็นการหลักการสากลแล้ว ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงตำรวจ ทหาร จะทำงานเข้มข้นมากขึ้น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับข้อกำหนดเรื่องการเดินทางของประชาชนใน 13 จังหวัด พื้นที่สีแดงเข้ม ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 ก.ค.นี้ ให้กระทรวงคมนาคม กทม.จังหวัด หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบกำกับดูแลการให้บริการขนส่งสาธารณะทุกประเภทในพื้นที่สีแดงเข้ม และการขนส่งสาธารณะทุกประเภทระหว่างจังหวัดทั่วราชอาณาจักรให้จำกัดจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการไม่เกินร้อยละ 50 ของความจุผู้โดยสาร คือให้ลดการเดินทางทั้งประเทศ ไม่เฉพาะไม่ใช่ 13 จังหวัด โดยเดินทางได้ แต่ต้องลดพื้นที่ขนส่งลง 50 เปอร์เซ็นต์ ให้เว้นระยะห่าง และให้บริการเพียงพอต่อความจำเป็นในเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะอำนวยความสะดวกรับส่งผู้โดยสารไปฉีดวัคซีน ขณะที่สำนักงานการบินพลเรือนขอความร่วมมือสายการบิน จากดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ให้งดเที่ยวบินที่ออกจาก กทม.ไปยังจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.เป็นต้นไป ดังนั้น เพื่อลดความแออัดขอความร่วมมืออย่าเดินทางในเวลานี้

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังคงมาตรการเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 21.00 น.-04.00 ของวันรุ่งขึ้นเป็นเวลา 14 วัน และยังควบคุมการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มให้ซื้อกลับที่บ้านได้จนถึงเวลา 20.00 น. ส่วนการเปิดห้างจะเข้มข้นขึ้น โดยให้เปิดบริการได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต แผนกยาและเวชภัณฑ์เท่านั้น และพื้นที่จัดให้บริการฉีดวัคซีน เปิดได้จนถึงเวลา 20.00 น. และปิดกิจการร้านขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง ธนาคาร สื่อสารฯ ในห้างใหญ่ขณะที่ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสดให้เปิดได้จนถึงเวลา 20.00 น. และให้แต่ละจังหวัดพิจารณาสั่งปิดได้ตามความจำเป็น หากมีผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ส่วนโรงแรมให้งดจัดกิจกรรมประชุม สัมมนาหรือจัดเลี้ยง และห้ามรวมกลุ่มเกิน 5 คน หากเป็นการรวมกลุ่มของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอนุญาตไปก่อนหน้านั้น ให้มาขออนุญาตอีกครั้งเพื่อตรวจสอบและทบทวนให้เป็นไปตามมาตรการ

สำหรับกิจกรรมและกิจการอื่น เช่น สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง สวนจสาธารณะ สามารถทำได้หรือไม่ ทางศบค.ให้แต่ละจังหวัดออกประกาศข้อกำหนดของตัวเองให้สอดคล้องกับมาตรการหรือเข้มข้นมากขึ้น ขอให้ประชาขนรอฟังประกาศของจังหวัดนั้นๆ ในส่วนสถานที่อนุญาตให้เปิดได้ตามความจำเป็น ได้แก่ โรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิกแพทย์รักษาโรค ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านค้าทั่วไป โรงงาน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกรรมการเงิน ธนาคารเอทีเอ็ม การสื่อสารคมนาคมไปรษณีย์และพัสดุ ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ ร้านจำหน่ายเครื่องมือช่างและอุปกรณ์ก่อสร้าง ร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด ที่อยู่นอกห้าง รวมถึงสถานที่จำหน่ายแก๊สหุงต้ม เชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส รวมทั้งบริการสินค้าและอาหารตามสั่งสามารถเปิดได้ตามความจำเป็น

https://www.thaipost.net/main/detail/110322

  รักษาตัวอย่าให้ติดเชื้อนะคะ  
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เวลา 12.30 น.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19
ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ประจำวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เวลา 12.30 น.

กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.30 น.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 19 กรกฎาคม  2564


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2564
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/368210128130651


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19
ณ วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2564

ประเทศไทย
วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 11,784 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 415,170 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯเพิ่มขึ้น 8,997 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 100 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น  10  ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกวันนี้  2,677 ราย (ยอดผู้ติดเชื้อสะสมจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกอยู่ที่ 110,358 ราย)

เสียชีวิตรวม 3,422 ราย(วันนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 81 ราย)
รักษาหายป่วยแล้ว 289,651 ราย (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 5,741 ราย)
รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 122,097 ราย

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ (ไม่รวมเรือนจำ) 11,674 ราย มีรายละเอียดดังนี้จากกรุงเทพฯ(2,134) ปริมณฑล (2,353) จังหวัดอื่น ๆ (7,187)

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นในวันนี้ 10 ราย และเข้า Quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่จันทบุรี(3)  ภูเก็ต(1) และ ตาก(6)มีรายละเอียดดังนี้
- จากประเทศกัมพูชา 3 ราย
- จากประเทศเมียนมา 6 ราย
- จากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย

สถานการณ์โลกในวันนี้
- ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 191.2  ล้านราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 4.1 ล้านราย(คิดเป็นร้อยละ 2.15 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ) ในขณะที่ผู้รักษาหายมีจำนวน 174.1  ล้านราย (คิดเป็นร้อยละ 91.08)
- สหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่  9,513  ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 624,746 ราย
- อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 31.1 ล้านรายแล้ว โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38,325 ราย ทั้งนี้ยอดผู้รักษาหายในอินเดียอยู่ที่ 30.3 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 97.2
- ไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่อันดับ 54 และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 78 ของโลก

สถานการณ์อาเซียนในวันนี้
- เมียนมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 229,521  ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,329 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 5,000 ราย
- มาเลเซีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 916,561 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ที่ 10,710 ราย
- กัมพูชา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 67,181 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,106 ราย
- ลาว ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 3,426 ราย โดยกำลังรักษาอยู่ 1,247 ราย
- เวียดนาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่   5,926  ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 254 ราย

ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/3985993534859522
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่