คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ศบค.เตรียมปรับมาตรการเข้มข้นขึ้น อาจปิดกิจการ กิจกรรมเพิ่ม! หลังพบคนฝ่าฝืนเพียบ!
Fri, 2021-07-16 14:39 -- hfocus team
ที่ประชุมศบค. เผยข้อมูลการติดตามผลจากมาตรการล็อกดาวน์ ควบคุมโรคพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พบมีกลุ่มคนฝ่าฝืน 217 ราย ออกนอกเคหสถาน 158 ราย รวมกลุ่มอีก 59 ราย เล่นไพ่ท้ายกระบะ เตรียมปรับมาตรการเข้มข้นยิ่งขึ้น อาจปิดกิจการ กิจกรรมเพิ่ม! พร้อมให้คณะแพทย์ที่ปรึกษาทบทวนมาตรการสาธารณสุข
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 16 ก.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุม ศบค. ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาวาระพิเศษเรื่องการติดตามมาตรการ ทั้งส่วนกทม. ปริมณฑล รวม 10 จังหวัด ที่จัดในระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มีการประเมินสถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาด หลังมีการประกาศมาตรการไปแล้ว 5 วัน โดยมีการรายงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและความมั่นคง หรือ ศปม. พบว่ามีการกระทำความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 217 ราย โดยฝ่าฝืนมาตรการห้ามออกนอกเคหะสถาน 158 ราย และฝ่าฝืนห้ามรวมกลุ่มอีก 59 ราย โดยทั้งหมดถูกดำเนินคดีไป 45 ราย ที่เหลือเจ้าหน้าที่พยายามว่ากล่าว ตักเตือน และขอความร่วมมือ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนเจ้าหน้าที่จะเพิ่มความเข้มงวด และขอความร่วมมือประชาชนขอปฏิบัติตามมาตรฐาน ห้ามออกนอกเคหสถาน การห้ามรวมกลุ่ม และการเดินทางข้ามจังหวัด ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงคมนาคม ยังพบว่า ประชาชนยังเดินทางภายในประเทศ โดยยังพบหลังจากประกาศบังคับใช้มาตรการสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนยังเดินทาง ข้ามพื้นที่ในจังหวัดเดียวกัน หรือข้ามจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่ประชุมมีความเป็นห่วงเรื่องนี้ และสอดคล้องกับข้อมูลกรมควบคุมโรค ว่า มีการออกนอกเคหสถาน และยังพบพฤติกรรมรวมกลุ่ม เปิดเล่นไพ่กันท้ายรถกะบะ และขณะรวมกลุ่ม หรือเคลื่อนย้ายการเดินทางก็ไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่เว้นระยะห่าง
“ขอเน้นย้ำว่า พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมืออย่างดีมาก ต้องขอขอบคุณ แต่ยังมีพี่น้องบางกลุ่มไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรการ ยังเห็นรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ศปม. แจ้งว่า ยังมีประชาชน เป็นผู้แจ้งเบาะแส และนำไปสู่การจับกลุ่ม มีการร้องเรียนกิจการ และสถานประกอบการไม่ปฏิบัติการมากถึง 102 ข้อร้องเรียน และเรื่องการมั่วสุม กระทำผิดอีก 92 ข้อร้องเรียน โดยแจ้งมาที่สายด่วน 191 , 1599 และสายด่วนกองบัญชาการกองทัพไทย 1138 ตลอด 24 ชั่วโมง ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ร่วมช่วยกัน มีความเป็นห่วงสถานการณ์” พญ.อภิสมัย กล่าว
“ จากการรายงานดังกล่าว นำมาสู่ข้อสรุปที่ประชุมว่า อาจมีความจำเป็นปรับมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้น และต้องปิดกิจการบางอย่าง ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมายังอนุญาตให้เปิดปิดกิจการ กิจกรรมไปจนถึง 20.00 น. เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีเวลากลับบ้าน และออกนอกเคหสถานไม่ได้หลัง 21.00 น. แต่ที่ประชุมพิจารณาว่า อาจต้องปิดให้มากขึ้น ปิดให้มากที่สุด และอาจต้องปรับมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งขอให้ติดตามการรายงานในเร็วๆนี้” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ผ่านมามาตรการล็อกดาวน์ที่ประกาศไปสัปดาห์ที่แล้ว เป็นการออกมาตรการตามสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบัน เป็นการล็อกดาวน์เป็นพื้นที่ มีการควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเฉพาะ 10 จังหวัด เพื่อให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด แต่เมื่อมีการรายงานการ ทบทวนการใช้มาตรการ 5 วันที่ผ่านมา พบว่าการบังคับใช้มาตรการน่าเป็นห่วงเรื่องนี้ และทางศบค. ขอให้คณะแพทย์ที่ปรึกษามีการทบทวนมาตรการสาธารณสุข เพื่อนำเสนออย่างเร่งด่วน โดยอาจต้องปรับมาตรการเข้มข้นจากนี้ต่อไป
https://www.hfocus.org/content/2021/07/22292
ศบค.เตรียมปรับมาตรการเข้มข้นขึ้น อาจปิดกิจการ กิจกรรมเพิ่ม! หลังพบคนฝ่าฝืนเพียบ!
Fri, 2021-07-16 14:39 -- hfocus team
ที่ประชุมศบค. เผยข้อมูลการติดตามผลจากมาตรการล็อกดาวน์ ควบคุมโรคพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พบมีกลุ่มคนฝ่าฝืน 217 ราย ออกนอกเคหสถาน 158 ราย รวมกลุ่มอีก 59 ราย เล่นไพ่ท้ายกระบะ เตรียมปรับมาตรการเข้มข้นยิ่งขึ้น อาจปิดกิจการ กิจกรรมเพิ่ม! พร้อมให้คณะแพทย์ที่ปรึกษาทบทวนมาตรการสาธารณสุข
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 16 ก.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุม ศบค. ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาวาระพิเศษเรื่องการติดตามมาตรการ ทั้งส่วนกทม. ปริมณฑล รวม 10 จังหวัด ที่จัดในระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มีการประเมินสถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาด หลังมีการประกาศมาตรการไปแล้ว 5 วัน โดยมีการรายงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและความมั่นคง หรือ ศปม. พบว่ามีการกระทำความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 217 ราย โดยฝ่าฝืนมาตรการห้ามออกนอกเคหะสถาน 158 ราย และฝ่าฝืนห้ามรวมกลุ่มอีก 59 ราย โดยทั้งหมดถูกดำเนินคดีไป 45 ราย ที่เหลือเจ้าหน้าที่พยายามว่ากล่าว ตักเตือน และขอความร่วมมือ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนเจ้าหน้าที่จะเพิ่มความเข้มงวด และขอความร่วมมือประชาชนขอปฏิบัติตามมาตรฐาน ห้ามออกนอกเคหสถาน การห้ามรวมกลุ่ม และการเดินทางข้ามจังหวัด ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงคมนาคม ยังพบว่า ประชาชนยังเดินทางภายในประเทศ โดยยังพบหลังจากประกาศบังคับใช้มาตรการสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนยังเดินทาง ข้ามพื้นที่ในจังหวัดเดียวกัน หรือข้ามจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่ประชุมมีความเป็นห่วงเรื่องนี้ และสอดคล้องกับข้อมูลกรมควบคุมโรค ว่า มีการออกนอกเคหสถาน และยังพบพฤติกรรมรวมกลุ่ม เปิดเล่นไพ่กันท้ายรถกะบะ และขณะรวมกลุ่ม หรือเคลื่อนย้ายการเดินทางก็ไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่เว้นระยะห่าง
“ขอเน้นย้ำว่า พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมืออย่างดีมาก ต้องขอขอบคุณ แต่ยังมีพี่น้องบางกลุ่มไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรการ ยังเห็นรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ศปม. แจ้งว่า ยังมีประชาชน เป็นผู้แจ้งเบาะแส และนำไปสู่การจับกลุ่ม มีการร้องเรียนกิจการ และสถานประกอบการไม่ปฏิบัติการมากถึง 102 ข้อร้องเรียน และเรื่องการมั่วสุม กระทำผิดอีก 92 ข้อร้องเรียน โดยแจ้งมาที่สายด่วน 191 , 1599 และสายด่วนกองบัญชาการกองทัพไทย 1138 ตลอด 24 ชั่วโมง ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ร่วมช่วยกัน มีความเป็นห่วงสถานการณ์” พญ.อภิสมัย กล่าว
“ จากการรายงานดังกล่าว นำมาสู่ข้อสรุปที่ประชุมว่า อาจมีความจำเป็นปรับมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้น และต้องปิดกิจการบางอย่าง ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมายังอนุญาตให้เปิดปิดกิจการ กิจกรรมไปจนถึง 20.00 น. เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีเวลากลับบ้าน และออกนอกเคหสถานไม่ได้หลัง 21.00 น. แต่ที่ประชุมพิจารณาว่า อาจต้องปิดให้มากขึ้น ปิดให้มากที่สุด และอาจต้องปรับมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งขอให้ติดตามการรายงานในเร็วๆนี้” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ผ่านมามาตรการล็อกดาวน์ที่ประกาศไปสัปดาห์ที่แล้ว เป็นการออกมาตรการตามสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบัน เป็นการล็อกดาวน์เป็นพื้นที่ มีการควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเฉพาะ 10 จังหวัด เพื่อให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด แต่เมื่อมีการรายงานการ ทบทวนการใช้มาตรการ 5 วันที่ผ่านมา พบว่าการบังคับใช้มาตรการน่าเป็นห่วงเรื่องนี้ และทางศบค. ขอให้คณะแพทย์ที่ปรึกษามีการทบทวนมาตรการสาธารณสุข เพื่อนำเสนออย่างเร่งด่วน โดยอาจต้องปรับมาตรการเข้มข้นจากนี้ต่อไป
https://www.hfocus.org/content/2021/07/22292
แสดงความคิดเห็น
🔴มาลาริน/นายกฯให้"แพทย์-มหาดไทย"พิจารณาล็อกชุมชน หลังคนยังเคลื่อนย้ายทำติดเชื้อสูง สั่งตรวจเชิงรุกเพิ่ม แนะปชช.ฟังศบค.
ผู้ข่าวรายงานว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค.วาระพิเศษที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.เป็นประธานนั้น ในที่ประชุม มีความเป็นห่วงจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันที่ยังมีจำนวนสูงติดต่อกัน ซึ่งพบว่ามีคนฝ่าฝืนมาตรการ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดในชุมชน ซึ่งนายกฯ ขอให้คณะแพทย์และกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาร่วมกันจะล็อกอย่างไร เพราะยังมีการเคลื่อนย้ายกันอยู่ รวมถึงทีมแพทย์ในศบค.เป็นห่วงว่า หากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงขึ้นหลักหมื่นจะเอาไม่อยู่ จึงอยากให้ทุกฝ่ายเร่งควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้ ต้องควบคุมพื้นที่ให้เบ็ดเสร็จ
โดยนายกฯ ขอให้ทุกฝ่ายทำงานประสานกันอย่างเต็มที่ ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทยและผู้เกี่ยวข้อง โดยเน้นให้สำนักงานหลักกประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit ตรวจคัดกรองเชิงรุก พร้อมกล่าวว่า ตนเข้าใจสถานการณ์ดีและเข้าใจทุกคน แต่ขอให้ใจเย็นๆกันหน่อย ขอให้ฟังหมอ การสื่อสารขอให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ให้เป็นหน้าที่หมอและศบค.เป็นคนให้ข่าว ไม่อยากให้หมอข้างนอกออกมาพูด เพราะจะทำให้ประชาชนสับสนได้
สำหรับการบริหารจัดหาวัคซีน ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.ถึงวันที่ 31 ส.ค.จะพยายามหาให้ได้ 13 ล้านโดส โดยเป็นซิโนแวค และแอสตราเซเนกา โดยจำนวนวัคซีนที่จัดสรรจริงอาจปรับเปลี่ยนตามปริมาณวัคซีนที่ประเทศไทยจัดหาได้ ส่วนไฟเซอร์จะมีเข้ามา 20 ล้านโดส โดยจะมีบริจาคมาให้ 1.5 ล้านโดส เพิ่งจะมาถึงประเทศไทยเร็วๆนี้ ส่วนวัคซีนโมเดอร์น่าทางสภากาชาดไทย สั่งมา 1 ล้านโดส โดยจะแจกฟรีให้กับอบจ.ทั่วประเทศเพื่อนำไปฉีดให้กับประชาชน
https://siamrath.co.th/n/262563
จับกุมแก๊งมั่วสุมปาร์ตี้ยา ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินพื้นที่ทองหล่อ
วันที่ 16 ก.ค.64 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร.ฯ ปฏิบัติราชการ บช.น., พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 และ สน.ทองหล่อ พร้อมกำบังจับกุมกลุ่มมั่วสุมกันในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 เวลาประมาณ 01.03 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สน.ทองหล่อ ว่ามีการมั่วสุมกินเลี้ยงร่วมกันหลายคนและเปิดเพลงส่งเสียงดัง ที่ห้องเลขที่ 2001 โรงแรม S31 ซอยสุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงห้องพักดังกล่าว พบว่าได้มีเสียงเพลง และเสียงพูดคุยกันตามที่พลเมืองดีแจ้งมาจริง จึงเข้าไปด้านในห้องได้พบกับกลุ่มบุคคลนั่งดื่มสุรา และเปิดเพลงส่งเสียงดังอยู่ จำนวน 21 คน จึงได้แจ้งให้ปิดเครื่องเสียง และขออนุญาตทำการตรวจค้น โดยมีนายปฏิมา คำสุข รับว่าเป็นผู้เปิดห้องพักดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบสุรา เค้กวันเกิด ลูกโป่งสำหรับการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ วางอยู่บนโต๊ะภายในห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาทั้ง 21 คน ว่ามีความผิดฐาน “ร่วมกันชุมนุม ทำกิจกรรม หรือ มั่วสุมกัน ณ ที่ใดใด ในสถานที่แออัดหรือ กระทำการดังกล่าว อันเป็นการ ยุยง ให้เกิด ความไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค, ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดห้ามออกนอกเคหสถานตามเวลาที่กำหนด อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ กระทำการหรือดำเนินการใดใดซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ของ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558” และได้ควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวมาที่ สน.ทองหล่อ เพื่อตรวจปัสสาวะเบื้องต้น
ในส่วนความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น ผลการตรวจปัสสาวะด้วยชุดทดสอบสารเมทแอมเฟตามีน และเคตามีน ในปัสสาวะชนิดตลับเบื้องต้น พบสารเสพติด เมทแอมเฟตามีน ในร่างกายของผู้ถูกจับ จำนวน 8 คน และ พบสารเสพติด เคตามีน ในร่างกายของผู้ถูกจับ จำนวน 6 คน จึงได้แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษในส่วนของผู้ที่ถูกตรวจพบเพิ่มเติม และจากการตรวจค้นตัวนายปฏิมา (ผู้เปิดห้องพัก) พบยาเคตามีนไว้ในครอบครองจำนวน 4 ถุง จึงได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (เคตามีน) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเพิ่มเติม ก่อนจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
บช.น. ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดอย่างเคร่งครัด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจท้องที่
https://siamrath.co.th/n/262573
สู้ๆค่ะ ลุงตู่
ต้องจัดหนักๆให้คนที่ไม่รับผิดชอบต่อส่วนรวม