เมื่อต้องใช้ชีวิตกับ " สามี " ที่พ่อแม่ ปู่ย่า เลือกให้ !!!

สวัสดีคะ วันนี้ว่างๆ เลยอยากจะลองตั้งกระทู้ เล่าเรื่องราวของตัวเองให้เพื่อนๆฟังบ้าง  เผื่อมีพี่ๆเพื่อนๆ อยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์
เราอายุ 30 ปี แต่งงานมาได้ 1 ปีแล้วคะ ยังไม่มีลูก เพราะไม่รู้ว่าจะอยู่กับสามีได้นานแค่ไหน 
สามีคือคนที่พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตายายหามาให้ เค้าอยากให้เราแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า ครอบครัวของเรารู้จักกับครอบครัวของสามีดี และครอบครัวของสามีก็ค่อนข้างมีฐานะ ทางบ้านเราก็ค่อนข้างดีเหมือนกัน สูสีกันนั้นละคะ เค้าคิดว่าเราทั้งคู่ถ้าแต่งงานกันจะไม่ลำบาก คิดเอง เออเองไปต่างๆนานา ครอบครัวทั้งสองเห็นพ้องต้องกัน ทั้งๆที่เรากับสามีก็แทบไม่รู้จักกันเลย เพราะสามีไปเรียน และทำงานอยู่ที่จอร์แดน เพิ่งจะกลับมาอยู่ที่ไทยไม่นานนี่เอง และสามีก็ได้กลับมาทำงานสานต่อกิจการของครอบครัว ส่วนเราเองก็ค่อนข้างมีหน้าที่การงานที่ดีเช่นกัน แต่การตกลงแต่งงานของเราทั้งสองคนนั้นก็ต่างไม่เต็มใจกันทั้งคู่คะ คิดแค่ว่าแต่งๆไปเถอะอายุก็เริ่มเยอะแล้ว สามีเราก็อายุ 33ปี หลังจากแต่งงานกันทางบ้านสามียกทรัพย์สิน หลายอย่างให้กับทางสามีของเราและยกให้เรา ค่อนข้างเยอะเลย เรากับสามีย้ายมาอยู่บ้านอีกหลัง ซึ่งอยู่กันแค่สองคน แต่แทบจะต่างคนต่างอยู่เลยก็ว่าได้ เวลาสามีเราอยู่บ้านเค้าก็ชอบคุยโทรศัพท์ VDO Call กับแฟนของเขาอยู่เป็นประจำ เหมือนกับอยากจะให้เรารู้เราเห็น แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร อยากคุยก็คุยไป ส่วนเราหลังจากที่แต่งงาน เราก็เลิกคุยกับทุกคนที่เราคุยด้วยทั้งหมด เวลาว่างเราก็จะทำขนมขายบ้าง ขายของออนไลน์บ้าง เพื่อที่ไม่อยากจะทำตัวให้มันว่างๆ และไม่อยากจะคุยกับสามีด้วย แต่หน้าที่ของภรรยาเราก็ยังทำทุกอย่าง ดูแลบ้าน ซักผ้า ทำกับข้าว แต่เรื่องเดียวที่ไม่ทำคือการนอนกับสามี นอนแบบมีอะไรกัน คือไม่มีเลย พอถึงเวลาเข้านอนก็ต่างคนต่างนอน แต่เตียงเดียวกัน จนเวลาผ่านไปเกือบๆ 3 เดือน สามีเริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ไม่ค่อยเล่น คุยโทรศัพท์ เหมือนแต่ก่อน ช่วยทำงานบ้าน ช่วยทำโน่นี่นั่นหลายอย่าง ทำกับข้าวให้กินบ้าง ชวนเราคุยมากขึ้น ซื้อโน่น นี่นั่นมาให้ ดูแลเอาใจใส่มากขึ้น ซึ่งเราเองก็คิดดีไม่ได้เลย ยังแอบคิดเสมอว่า ที่เขามาทำดีกับเรา อาจจะเป็นเพราะที่บ้านของเขาสั่งมาก็ได้ หลังจากที่เขาเริ่มเปลี่ยนไป เขาก็เริ่มแตะเนื้อต้องตัวเรามากขึ้น จนกระทั่งขอมีอะไรด้วย ซึ่งเราเองก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะเค้าคือสามี ที่ผ่านการแต่งงานมาอย่างถูกต้อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็อดคิดไม่ได้เลยจริงๆ ว่าที่เค้าอยู่กับเรา และสิ่งที่เค้าปฏิบัติกับเรานั้น มันคือคำสั่งจากผู้ใหญ่ ไม่ได้เกิดจากความรักแต่อย่างใด เราไม่อยากมีพันธะ ไม่อยากมีภาระ เราเลยแอบกินยาคุมมาตลอด จนเมื่อไม่นานมานี้สามีก็ได้ถามเราว่า ทำไมเราถึงไม่ท้อง หรือว่าร่างกายของเราทั้งสองผิดปกติ เค้าชวนเราไปหาหมอ เราก็อ้างไปเรื่อย โควิดบ้างอะไรบ้าง และล่าสุดเค้าก็เจอยาคุมที่เรากินมาตลอด แต่เค้าไม่ได้บอกเราหรอกว่าเขาเห็น แต่เราได้ยินเค้าคุยโทรศัพท์กับพี่สาวของเขาว่าเราแอบกินยาคุม เค้าพูดประมาณว่าเวลาไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนไปได้เลย มีแต่เค้าคนเดียวที่เปลี่ยน และอีกมากมายที่เค้าระบายกับพี่สาวของเขา
** คือเราก็ยังสับสนและแยกไม่ออกจริงๆว่า เค้ารักเรา หรือเค้าต้องการอะไรหรือเปล่าที่มาทำดีกับเรา หรือเราคิดมากไปเอง เรื่องนี้ก็ไม่เคยปรึกษาใครเลย เก็บไว้คนเดียวมาตลอด แม้แต่ พ่อแม่ก็ไม่เคยจะเล่าให้ฟัง หรือเราควรที่จะเปิดใจให้มากกว่านี้ หรือยังไงดี ตอนนี้กับสามีก็แค่รู้สึกดี แต่ไม่ถึงกับรักเค้า เราคุยกันน้อยมาก เหมือนยังรู้จักกันไม่ดีพอ เราเองก็ลังเลเรื่องมีลูก งานก็ยังอยากจะทำ โควิดก็ระบาดหนักอยู่ และที่สำคัญก็เรื่องความเป็นอยู่กับสามีนี่แหละ เราทั้งคู่ไม่เคยเปิดใจคุยกันเรื่องนี้เลย ยังคงเกร็งๆ กันอยู่เลยคะ
ปล. เรื่องนี้เป็นเรื่องของเราเองไม่ได้แต่งขึ้นมาเพื่อความบรรเทิงหรือปั่นไดๆนะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
คือ เรื่องของเขากับคุณ ก็มาจาก คำสั่งของผู้ใหญ่อยู่แล้วนี่คะ

ตัดความระแวงตรงนี้ออกไปได้เลยค่ะ
เพราะคุณสองคนยังไม่ได้รักกัน

แต่ในเมื่อเลือกทาง ที่จะร่วมหัวจมท้ายกันแล้ว
แรกๆเขาทำตัวไม่ดี ยังคุยกับแฟนเก่าอยู่ / ตอนนี้เริ่มสำนึกตน ทำดีกับคุณมากขึ้น
(แม้ผู้ใหญ่จะสั่งมา) ก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามของเขานะคะ

ลองพบกันคนละครึ่งทางดู / ลูกยังไม่ต้องมี หากเขาถาม พูดไปเลย ว่า อยากให้เกิดจากความรักของพ่อแม่

ให้เวลา เขา และ คุณ ได้ปรับตัวเข้าหากัน เปิดใจให้กัน
ดูแลกันและกันดีๆค่ะ  ลองเพิ่มความหวานบ้าง จีบสามี จีบภรรยาตนเอง ไม่ยากหรอก

ถึงจะรักกันไม่ได้จี๋จ๋า แต่หากรู้สึกดีต่อกันมากขึ้นทุกทีๆ ก็ถือว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีค่ะ

คนสมัยก่อนที่ถูกจับคลุมถุงชน ก็มีคนที่รักกันจริงๆหลังจากนั้นถมไป

เพี้ยนหลงรัก
ความคิดเห็นที่ 40
หลังจากที่ตั้งกระทู้ ก็ไม่ค่อยได้เข้ามาดูเลยคะ มาเปิดดูอีกที มีหลายคอมเม้นเลย ซึ่งต้องขอบคุณมากๆเลยนะคะ สำหรับคำแนะนำของหลายไปคอมเม้น ที่ให้คำแนะนำได้ดีมากเลยทีเดียว เราจะพยายามนำไปปรับใช้นะคะ สำหรับคนที่อ่านแล้วมองไปในทิศทางของนิยายบ้าง ละครบ้าง ก็ไม่เป็นไรคะ คิดว่าอ่านเพื่อความบรรเทิงแล้วกันนะคะ
*เราเองถูกเลี้ยงดูมาโดย พ่อแม่ ปูย่า ตายาย อย่างเต็มที่ทุกอย่าง พอเค้ามาคุยเรื่องนี้ เราก็ไม่ได้ปฏิเสธเค้า เพียงแค่อยากให้ครอบครัวสบายใจ และมีความสุข ซึ่งทางบ้านของสามี ก็คงคิดเช่นเดียวกัน
* ส่วนที่สามีมีแฟนอยู่แล้วนั้น เขาไม่ได้บอกตั้งแต่ทีแรก เราเองมารู้ตอนมาอยู่บ้านด้วยกันแล้ว รู้เอง ตามที่เห็น ซึ่งอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ ก็ติดตรงที่ไม่ได้คุยกันนี่แหละคะ ตั้งแต่อยุ่กันมา ต่างคนต่างออกไปทำงาน ถึงเวลาก็กลับบ้านมาในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ซึ่งก็ไม่รุ้ว่าสามียังไปมาหาสู่กับคนที่คุยด้วยอยู่หรือเปล่า แต่พักหลังโทรศัพท์ เค้าแทบไม่ได้จับเลยเท่าที่สังเกตุ
แต่อย่างไรแล้วก็ขอขอบคุณทุกๆกำลังใจและคำแนะนำดีๆนะคะ ถึงจะปี 2021 แล้ว แต่สำหรับบางคนก็ยังเลือกความสบายใจของครอบครัวเป็นหลักนะคะ มาตราฐานทางความคิด และการใช้ชีวิตอาจแตกต่างกัน
ความคิดเห็นที่ 30
เรางงว่าจขกท.ระแวงอะไรสามีคะ ณ จุดนี้ มีอะไรให้ต้องระแวง

เค้าแต่งงานกับคุณจดทะเบียนป่าวประกาศให้โลกรู้ไปขนาดนี้ ทรัพย์สมบัติก็ยกให้มาเป็นก่ายเป็นกอง เค้ามีอะไรที่จะต้องมาหลอกคุณเหรอคะ เรามองไม่เห็นเลย

ถ้าไม่ใช่เรื่องแต่ง ก็แสดงว่าจขกท.กำลังอยู่ในโมเม้นนางเอกละครเวิ่นเว้อ เค้าไม่ได้ทำดีกับชั้นเพราะเค้ารักชั้นแต่เพราะผู้ใหญ่สั่งให้ทำหลาน...เห่ลโล่วววว! ตื่นค่ะคุณน้อง ก็คุณเลือกเองนี่คะที่จะแต่งงานตามผู้ใหญ่สั่งโดยปราศจากความรัก จะมากลับลำเรียกหาความรักเอาตอนนี้มันช้าไปรึเปล่า

ลองคิดอีกมุมดูค่ะ แต่งกันมาโดยไม่ได้รักกันก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่อย่างคนแปลกหน้ากันไปตลอกชีวิตมั้ยคะ คุณอายุ 30 เองนะ จะอยู่แบบนี้ไปอีก
สี่สิบห้าสิบปีเหรอ ไหวเหรอคะ

ไหนๆ ก็แต่งกันมาขนาดนี้แล้ว ก็ลองทำความรู้จักกันหน่อยเป็นไรไป ถ้าจบกันที่สุดท้ายรักกันก็ถือว่าเป็นกำไร ถ้าไม่รักกันจี๋จ๋าก็อาจจะได้เพื่อนร่วมชีวิตที่ดีมาคนนึง หรือถ้ามันไม่เวิร์คจริงๆ ก็ถือว่าเท่าทุน เพราะคุณไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้วนี่จริงมั้ยคะ

เท่าที่ดูผู้ชายและครอบครัวก็ไม่ได้เลวร้าย แต่งงานก็ให้แยกบ้านอยู่กันเอง แบ่งทรัพย์สมบัติให้ ไม่ได้เอาคุณมาใช้งานเป็นอิเย็น ผู้ชายก็ช่วยงานบ้าน ดูแลคุณ ทำหน้าที่ปกติไม่ได้บกพร่อง งานบ้านงานช่องถ้าจะเฟคมันเฟคกันได้ไม่นานหรอก คนไม่ทำสุดท้ายเดี๋ยวก็สันดานออก

จริงๆ นะคุณ เปิดใจลองดูไม่เสียหลาย คุยกันไปเลยตรงๆ เรื่องแฟนเก่าให้แน่ใจว่าจบไปแล้ว แล้ววางแผนอนาคตไว้ยังไง ได้กันมาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมคุยกัน ตลกมากค่ะ

ชีวิตคู่คุณอาจจะไม่ได้เริ่มแบบงานแต่งในฝัน แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องจบแบบเลวร้าย อยู่ที่คุณนั่นแหละจะเลือกทางให้มันจบยังไง วางทิฐินางเอกละครโง่ๆ ลงแล้วไปคุยกันเถอะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่