ลมละเลียด ใบไม้โบก นกกระจิบเย้าหยอก นกกระจอกอยู่ไม่สุข แสงตะวันแยงตา ท้องฟ้าแจ่มใส เงาต้นกระโดนร่มรื่น ไม่ร้อนและไม่หนาว หนาวอย่างนั้นหรือ? มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่กลางเดือนพฤษภาคมอย่างวันนี้ อุณหภูมิไทยแลนด์จะตีลังกาติดลบ ฉะนั้น หมู่บ้านไกลปืนเที่ยงอย่างบ้านเห็ดละโงก บ้านโสกก้านเหลียง บ้านโคกนํ้าเกลี้ยง บ้านนาวังเวิน ไม่ต้องไปคิดฝันให้หิมะมันตกหรอก มันจะมีก็แต่ลูกเห็บพญานาคเท่านั้นแหละ ที่จะมาเยือน
ณ โคนต้นกระโดน
‘บ้านโคกนํ้าเกลี้ยง
’
‘ปู่จันจี’
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จันจี >> น่าจะมาจากรากศัพท์ : จารย์จี
ยกแฟ้มกระดาษสีหม่นขึ้นตลบหน้า ถึงแม้กระดาษเหล่านั้นจะเคยเป็นแผ่นโฆษณายาฆ่าหญ้า ยาฆ่าไส้เดือน~ไส้ดาว ยาฆ่าหอย(เชอรี่) ยาฆ่าหนู หรือแม้กระทั่งยาดองเหล้าที่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ แต่ปู่จันจีกลับเห็นว่ามันมีประโยชน์ ไม่มีได้อย่างไร ในเมื่อมันไม่ต้องเสียเงินซื้อแม้แต่สลึงเดียว ด้านหลังกระดาษยาเพชฌฆาตเหล่านั้น แค่ตลบฝ่ากระดาษขึ้นมา ก็สามารถเขียนข้อมูลคนไข้สารพันก่อนเก็บเข้าไฟล์สารเพได้แล้ว
ชายแก่ชุดขาว ผมขาว คิ้วขาว หนวดขาว เคราขาว ริ้วรอยบนใบหน้าอวดกาลเวลาของชีวิตชัดเจน ริมฝีปากแตกระแหงขมุบขมิบไล่แมงหวี่บนหนวดด้วยความยับยั้งชั่งใจ นั่นเป็นสิ่งซึ่งบ่งบอกให้รู้ว่า
‘เขา’ยึดมั่นในศีลห้าข้อที่หนึ่ง
‘ ปาณาติปาตา เวรมณี ...
’ เสมอมา นับเป็นบุญของพวกเอ็งยิ่งนัก... ไอ้พวกหวี่เวรมณี ...
แม้ตอนนี้สถาบันวิเคราะห์โรคทางจิตจะดูร่มรื่น แต่อาการปู่จันจีกลับดูไม่ค่อยจะรื่นรมย์
‘ปู่หมอ’ค่อย ๆ ลําดับความจําถึงคนไข้รายล่าสุด เมื่อวาน ..
‘ทิดอ๊าก’
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อ๊าก >> น่าจะมาจากรากศัพท์ : อัคคี
คือชื่อเรียกขานของบุรุษร่างกำยำที่มาพบปู่หมอเมื่อวาน ความถึกประดุจดังเจ้าปีโป้
‘สิโรจน์ ฉัตรทอง
’ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทยแซะอารมณ์หมั่นไส้ปู่จันจียิ่งนัก ปู่หมอพยักหน้าไป ฟังอาการเบื้องต้นไป ก่อนจะได้โอกาสเปรยขึ้นว่า
‘ก็ดูแข็งแรงดีนี่นา แล้วทําไมถึงสู้เมียไม่ได้(วะ)ล่ะ? ’
‘นางมักจะจู่โจมตอนผมก้มหัวให้ครับ เอ่อ.. ไม่ใช่ผมโค้งคำนับนะปู่หมอ ผมกําลังถูบ้าน กำลังขัดพื้น ขัดบันไดหน้าบ้านอยู่ดี ๆ แล้วใครจะไปทันระวังตัวตอนที่นางถีบผมลงมาจากบันได นั่นแหละครับคือช่วงจังหวะพลาดของผมทุกครั้ง ’
คําคมบนแผ่นศิลาไกลโพ้น แว่บเข้ามาในหัวปู่หมอ
‘ ..
บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ ..
’
ถึงเหล่าจอมยุทธทั่วสารทิศจะยึดมั่นกับประโยคบ้าบอนั้น แต่ปู่จันจีก็ไม่เคยยุยงส่งเสริมคนไข้ของตนแม้แต่รายเดียว เรื่องบุญคุณ ใช่! มันต้องทดแทนอยู่แล้ว แต่เรื่องความแค้น วิถีแห่งการเอาคืนแบบนั้น มันเหมือนจะขัดกับหลักวิชาการยิ่งนัก
...
บําบัด และจัดหมวดหมู่คนไข้ ... อีแบบนี้ต่างหากที่ปู่จันจีรํ่าเรียนมา คนไข้ทุกผู้นามเปรียบเสมือนพระเจ้า พวกเขาต่างชําระค่ารักษาเป็นเบรคฟาสต์ปิ่นโตทุกครั้งที่มารับการเยียวยา ทําไมจะต้องไปส่งเสริมให้พวกเขาทุบตีกันเล่า เผลอ ๆ เถาปิ่นโตอาจพลอยบุบบี้เสียหายไปกันใหญ่
มันไม่ใช่แบบนั้น มันบ่แมน แบบนั่นแมนรับบ่ได้ .. ใช่! แบบนั้นมันผิดหลักการแห่งสถาบันต้นกระโดนชัด ๆ
เรื่องราวของเจ้าจอมถึกค่อย ๆ เคลื่อนไหวขึ้นเป็นภาพและเสียงในความทรงจำปู่หมอ
‘...
ผมอดทนแล้วอดทนอีก อดทนจนไม่อยากต่อปากต่อคําด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ...
’
เสียงทิดอ๊ากเปรยเหมือนกําลังตั้งนโมสามจบ ก่อนสวดมนต์
แล้วการสวดมนต์ก็เริ่มขึ้น..
‘...
ปู่หมอลองคิดดูนะว่าผมอดทนขนาดไหน ดึกดื่นเที่ยงคืน นางก็ยังถีบผมตกเตียงเป็นประจํา คืนหนึ่งนะ ผมต้องปลุกนางขึ้นมาถามตรง ๆ เลยว่า ..เธอตั้งใจถีบฉัน หรือว่าละเมอฝัน? นางตอบหนักแน่นเลยว่า เออ! ฉันตั้งใจ! แล้วมีไรป่ะ? พูดเสร็จฝ่ามือนางพญาก็มาเลยยังกะค้างคาวแตกรัง พอเหนื่อย ถึงได้ถามหาเงินหายในฝัน นางหาว่าผมขโมยเงินในฝันไป เวรกรรม .. ผมอยากให้เรื่องมันจบจะได้นอนต่อ เลยตามนํ้าตามฝันไปว่า.. ไม่ได้ขโมย ในฝันของเธอน่ะ ฉันแค่แอบเอาไปซื้อนํ้ามันมวยสามสิบบาทเอง กะจะเอามานวดก้านคอหน่อย เก๊าะวันก่อนเธอฝันว่าเตะฉันจําไม่ได้เหรอ วันนี้ ฉันก็ต้องแอบไปหายามาทาแก้เคล็ดอ่ะดิ่ พูดจบแค่นั้นแหละปู่หมอ ฝ่ามือสารพัดนางพญาก็ปลิวว่อนเต็มมุ้ง พอเหนื่อยอีกรอบ จมูกพะเยิบพะยาบอยู่แท้ ๆ ยังยกนิ้วชี้หน้าได้อีก หน็อยยยยยย.. ฉันฝันว่าแกเอาไปแค่ยี่สิบ ที่แท้แกเอาไปสามสิบบาทเชียวเร๊อะไอ้อ๊ากก! มานี่เลยเอ็ง มานี่ซิ! ... คืนนั้นนะ กว่าผมจะอธิบายว่านั่นมันแค่ฝัน ก็เล่นเอาเกือบสว่าง ...ดูเอาสิ ปู่หมอ ...
’
ตอนฟังทิดอ๊ากเล่าเรื่อง ปู่จันจีเองก็นึกไปถึงนํ้ามันมวยเหมือนกัน ถ้ามันวางอยู่ใกล้ตัว ปู่หมอคงเผลอยกขึ้นซดแก้วิงเวียนเป็นแน่
‘ปู่ชื่นชมในตัวทิดอ๊ากนะ ทิดอ๊ากสมกับเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ใช่สิ ต้องเสงี่ยมบุรุษสิ ดึกดื่นเที่ยงคืนยังไง ทิดอ๊ากก็ยังควบคุมจิตตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม นี่สิถึงจะคู่ควรกับฉายาเสงี่ยมบุรุษ นับถือ นับถือ ปู่นับถือยิ่ง ’ ปู่หมอเอ่ยบอกด้วยความชื่นชม
ปิดแฟ้มกระดาษยาเพชฌฆาตลงในอ้อมขาขัดสมาธิ ปู่หมอยังไม่วายนึกถึงคำสนทนากับทิดอ๊ากอีกเรื่อง
‘ผมเคยลองมาแล้วปู่หมอ ’ นั่นคือคำยืนยันจากคนร่างถึก หลังจากปู่จันจีให้ลองแอบหายตัวไปสักสองสามคืนดู ไม่ต้องนอนที่บ้าน เพื่อดูว่านางพญาของทิดอ๊ากจะมีปฏิกิริยาเยี่ยงใด
‘ผมหายไปแค่คืนเดียวเอง พอเข้าบ้านอีกวัน แม่ยายดีกรีนักธรรมเอกก็ดันโผล่เพิ่มมาในบ้านซะงั้น ’ พูดไปส่ายหัวไป สายตาจ้องแน่วอยู่กับหัวแม่เท้าปู่หมอ ไม่กล้าจะเปิดเผยสายตาของผู้แพ้เวร แพ้กรรมตัวเอง
‘แล้วมันไม่ดีดอกหรือ ที่บรรยากาศในบ้านจะได้เปลี่ยนเวอร์ชั่นใหม่มั่ง ’
‘ดีกับผี เย๊ย! ดีกับแม่ยายผมน่ะสิครับ ’ มีแวบหนึ่งแล้ว ที่ทิดอ๊ากเริ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตา
‘เตียงที่ผมนอนมาตั้งแต่คืนส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาว มันถูกยึดไปโดยนักธรรมเอกกับลูกสาวเฉยเลย ผมต้องได้ย้ายไปนอนหน้าเตาผิงแทน ’
‘โอว้... ดูท่าทิดอ๊ากจะรวยไม่เบานะ ที่บ้านมีเตาผิงด้วย ’
‘เตาอั้งโล่ครับปู่ เอาไว้ต้มหน่อไม้ปี๊บ นอนเหม็นกลิ่นเปรี้ยวไม่พอ ยังเหม็นกลิ่นฟืนต้นตะโกอีกต่างหาก ’ ฟังเสียงเล่าเรื่องซึ่งไร้ความขมขื่นใด ๆ ปู่หมอได้แต่อมยิ้มอยู่คนเดียว
อ๊ากเอ๊ยอ๊าก.. เอ็งมันช่างสมกับฉายา‘เสงี่ยมบุรุษ ’ซะจริง ๆ
ปู่หมอหลับตาลง ใบหน้าเจ้าอ๊ากลอยล่อง ทำให้ต้องยิ้มด้วยความสุขอีกครั้งเมื่อนึกถึงแผนที่มอบให้ไป ถึงแม้จะคล้ายกับวิธีการเดิมของเจ้าอ๊าก แต่คราวนี้ปู่หมอเพิ่มเติมบทพระนางเข้าไปให้อีกซีน รายละเอียดถูกกำชับเป็นขั้นเป็นตอน ทิดอ๊ากไม่จำเป็นต้องหายศีรษะไปจากบ้าน เพียงแต่หลบไปจากขอบเหวเตียงแค่นั้นพอ เจ้าจอมถึกปฏิบัติตามแผนได้แน่นอน เพราะมันน่าจะชินกับเตาผิงและกลิ่นฟืนแล้ว
คืนนี้สินะ.. ทาสในเรือนฝัน หรือเสงี่ยมบุรุษในเรือนจริง มันจะได้เมียคนเดิมกลับมาเสียที
‘ ปู่หมอใช่ไหมค๊าาา.. ’ ปู่จันจีสะดุ้งโหยง!!
พอหันไปมอง ก็เห็นหญิงร่างท้วมนุ่งผ้าถุงคนหนึ่งกำลังคุกเข่าคลานเข้ามาหา
‘จำเริญ..จำเริญจ้า.. โอ๊ะโอว้ ไม่ต้อง ๆ ไม่ต้องกราบปู่หรอกแม่นาง ’ ปู่หมอโบกมือพัลวันเมื่อเห็นเธอทำท่าจะก้มลงกราบ ซึ่งพอได้ยินอย่างนั้น ร่างอวบอ้วนจึงขยับตัวนั่งพับเพียบยิ้มแป้น
‘มีอะไรให้ปู่ช่วยเหรอ เอ่อ .. ชื่ออะไรล่ะ ปู่จะได้เรียกถูก ’
‘ชื่อตุ้ยค่ะ ’ ...
เออแฮะ ช่างเข้ากับสรีระแท้ ยิ่งหากเติมนุ้ยเข้าไปด้วยนะ ยิ่งจะเป๊ะเลย... ปู่หมอคิดทะเล้นอยู่คนเดียว เปิดปึกกระดาษหาหน้าว่าง จรดดินสอหัวกุดบันทึกข้อมูล เริ่มต้นด้วยชื่อคนไข้รายใหม่
แม่นางตุ้ย
............
............
จบตอนที่ 1
ขออภัยคุณน้ำด้วยนะครับ ที่บังอาจเขียนสองตอน เหตุผลอยู่ในสปอยล์ครับผม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องสั้นเรื่องนี้ มีการพาดพิง อ.G เต็ม ๆ ไม่ต่างกับการยิงลูกโทษชนเสาของทีมอังกฤษ เมื่อคืน
หากข้าพเจ้าทำให้ อ.G เกิดความเสียหาย หรือชำรุดใด ๆ
ข้าพเจ้า.. เปลวอัคคีขอประทานอภัย และขอยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียวครับผม
และที่ต้องเขียนเรื่องนี้เป็นสองตอน เพราะเขียนมาได้แค่นี้ครับผม
เจ้านายเรียกเสียงดังซะแล้ว ทำให้เกิดการชะงักจนแทบหยุดหายใจ
ผมขอวางมือจากเครื่องคอมพ์แป๊บ
จะไปเสียงดังใส่เจ้านายมั่ง คิดไว้แล้วล่ะ ว่าจะตะโกนสุด ๆ ว่าอะไร??
เตารีดอยู่หนายยย...!! (โว้ย)
ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง ‘ ขอโทษ.. ’ (สองตอนจบ)
ลมละเลียด ใบไม้โบก นกกระจิบเย้าหยอก นกกระจอกอยู่ไม่สุข แสงตะวันแยงตา ท้องฟ้าแจ่มใส เงาต้นกระโดนร่มรื่น ไม่ร้อนและไม่หนาว หนาวอย่างนั้นหรือ? มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่กลางเดือนพฤษภาคมอย่างวันนี้ อุณหภูมิไทยแลนด์จะตีลังกาติดลบ ฉะนั้น หมู่บ้านไกลปืนเที่ยงอย่างบ้านเห็ดละโงก บ้านโสกก้านเหลียง บ้านโคกนํ้าเกลี้ยง บ้านนาวังเวิน ไม่ต้องไปคิดฝันให้หิมะมันตกหรอก มันจะมีก็แต่ลูกเห็บพญานาคเท่านั้นแหละ ที่จะมาเยือน
ณ โคนต้นกระโดน‘บ้านโคกนํ้าเกลี้ยง’
‘ปู่จันจี’
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ยกแฟ้มกระดาษสีหม่นขึ้นตลบหน้า ถึงแม้กระดาษเหล่านั้นจะเคยเป็นแผ่นโฆษณายาฆ่าหญ้า ยาฆ่าไส้เดือน~ไส้ดาว ยาฆ่าหอย(เชอรี่) ยาฆ่าหนู หรือแม้กระทั่งยาดองเหล้าที่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ แต่ปู่จันจีกลับเห็นว่ามันมีประโยชน์ ไม่มีได้อย่างไร ในเมื่อมันไม่ต้องเสียเงินซื้อแม้แต่สลึงเดียว ด้านหลังกระดาษยาเพชฌฆาตเหล่านั้น แค่ตลบฝ่ากระดาษขึ้นมา ก็สามารถเขียนข้อมูลคนไข้สารพันก่อนเก็บเข้าไฟล์สารเพได้แล้ว
ชายแก่ชุดขาว ผมขาว คิ้วขาว หนวดขาว เคราขาว ริ้วรอยบนใบหน้าอวดกาลเวลาของชีวิตชัดเจน ริมฝีปากแตกระแหงขมุบขมิบไล่แมงหวี่บนหนวดด้วยความยับยั้งชั่งใจ นั่นเป็นสิ่งซึ่งบ่งบอกให้รู้ว่า‘เขา’ยึดมั่นในศีลห้าข้อที่หนึ่ง ‘ ปาณาติปาตา เวรมณี ... ’ เสมอมา นับเป็นบุญของพวกเอ็งยิ่งนัก... ไอ้พวกหวี่เวรมณี ...
แม้ตอนนี้สถาบันวิเคราะห์โรคทางจิตจะดูร่มรื่น แต่อาการปู่จันจีกลับดูไม่ค่อยจะรื่นรมย์
‘ปู่หมอ’ค่อย ๆ ลําดับความจําถึงคนไข้รายล่าสุด เมื่อวาน ..
‘ทิดอ๊าก’
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คือชื่อเรียกขานของบุรุษร่างกำยำที่มาพบปู่หมอเมื่อวาน ความถึกประดุจดังเจ้าปีโป้ ‘สิโรจน์ ฉัตรทอง’ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทยแซะอารมณ์หมั่นไส้ปู่จันจียิ่งนัก ปู่หมอพยักหน้าไป ฟังอาการเบื้องต้นไป ก่อนจะได้โอกาสเปรยขึ้นว่า
‘ก็ดูแข็งแรงดีนี่นา แล้วทําไมถึงสู้เมียไม่ได้(วะ)ล่ะ? ’
‘นางมักจะจู่โจมตอนผมก้มหัวให้ครับ เอ่อ.. ไม่ใช่ผมโค้งคำนับนะปู่หมอ ผมกําลังถูบ้าน กำลังขัดพื้น ขัดบันไดหน้าบ้านอยู่ดี ๆ แล้วใครจะไปทันระวังตัวตอนที่นางถีบผมลงมาจากบันได นั่นแหละครับคือช่วงจังหวะพลาดของผมทุกครั้ง ’
คําคมบนแผ่นศิลาไกลโพ้น แว่บเข้ามาในหัวปู่หมอ ‘ ..บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ .. ’
ถึงเหล่าจอมยุทธทั่วสารทิศจะยึดมั่นกับประโยคบ้าบอนั้น แต่ปู่จันจีก็ไม่เคยยุยงส่งเสริมคนไข้ของตนแม้แต่รายเดียว เรื่องบุญคุณ ใช่! มันต้องทดแทนอยู่แล้ว แต่เรื่องความแค้น วิถีแห่งการเอาคืนแบบนั้น มันเหมือนจะขัดกับหลักวิชาการยิ่งนัก
...บําบัด และจัดหมวดหมู่คนไข้ ... อีแบบนี้ต่างหากที่ปู่จันจีรํ่าเรียนมา คนไข้ทุกผู้นามเปรียบเสมือนพระเจ้า พวกเขาต่างชําระค่ารักษาเป็นเบรคฟาสต์ปิ่นโตทุกครั้งที่มารับการเยียวยา ทําไมจะต้องไปส่งเสริมให้พวกเขาทุบตีกันเล่า เผลอ ๆ เถาปิ่นโตอาจพลอยบุบบี้เสียหายไปกันใหญ่ มันไม่ใช่แบบนั้น มันบ่แมน แบบนั่นแมนรับบ่ได้ .. ใช่! แบบนั้นมันผิดหลักการแห่งสถาบันต้นกระโดนชัด ๆ
เรื่องราวของเจ้าจอมถึกค่อย ๆ เคลื่อนไหวขึ้นเป็นภาพและเสียงในความทรงจำปู่หมอ
‘... ผมอดทนแล้วอดทนอีก อดทนจนไม่อยากต่อปากต่อคําด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ...’
เสียงทิดอ๊ากเปรยเหมือนกําลังตั้งนโมสามจบ ก่อนสวดมนต์
แล้วการสวดมนต์ก็เริ่มขึ้น..
‘... ปู่หมอลองคิดดูนะว่าผมอดทนขนาดไหน ดึกดื่นเที่ยงคืน นางก็ยังถีบผมตกเตียงเป็นประจํา คืนหนึ่งนะ ผมต้องปลุกนางขึ้นมาถามตรง ๆ เลยว่า ..เธอตั้งใจถีบฉัน หรือว่าละเมอฝัน? นางตอบหนักแน่นเลยว่า เออ! ฉันตั้งใจ! แล้วมีไรป่ะ? พูดเสร็จฝ่ามือนางพญาก็มาเลยยังกะค้างคาวแตกรัง พอเหนื่อย ถึงได้ถามหาเงินหายในฝัน นางหาว่าผมขโมยเงินในฝันไป เวรกรรม .. ผมอยากให้เรื่องมันจบจะได้นอนต่อ เลยตามนํ้าตามฝันไปว่า.. ไม่ได้ขโมย ในฝันของเธอน่ะ ฉันแค่แอบเอาไปซื้อนํ้ามันมวยสามสิบบาทเอง กะจะเอามานวดก้านคอหน่อย เก๊าะวันก่อนเธอฝันว่าเตะฉันจําไม่ได้เหรอ วันนี้ ฉันก็ต้องแอบไปหายามาทาแก้เคล็ดอ่ะดิ่ พูดจบแค่นั้นแหละปู่หมอ ฝ่ามือสารพัดนางพญาก็ปลิวว่อนเต็มมุ้ง พอเหนื่อยอีกรอบ จมูกพะเยิบพะยาบอยู่แท้ ๆ ยังยกนิ้วชี้หน้าได้อีก หน็อยยยยยย.. ฉันฝันว่าแกเอาไปแค่ยี่สิบ ที่แท้แกเอาไปสามสิบบาทเชียวเร๊อะไอ้อ๊ากก! มานี่เลยเอ็ง มานี่ซิ! ... คืนนั้นนะ กว่าผมจะอธิบายว่านั่นมันแค่ฝัน ก็เล่นเอาเกือบสว่าง ...ดูเอาสิ ปู่หมอ ...’
ตอนฟังทิดอ๊ากเล่าเรื่อง ปู่จันจีเองก็นึกไปถึงนํ้ามันมวยเหมือนกัน ถ้ามันวางอยู่ใกล้ตัว ปู่หมอคงเผลอยกขึ้นซดแก้วิงเวียนเป็นแน่
‘ปู่ชื่นชมในตัวทิดอ๊ากนะ ทิดอ๊ากสมกับเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ใช่สิ ต้องเสงี่ยมบุรุษสิ ดึกดื่นเที่ยงคืนยังไง ทิดอ๊ากก็ยังควบคุมจิตตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม นี่สิถึงจะคู่ควรกับฉายาเสงี่ยมบุรุษ นับถือ นับถือ ปู่นับถือยิ่ง ’ ปู่หมอเอ่ยบอกด้วยความชื่นชม
ปิดแฟ้มกระดาษยาเพชฌฆาตลงในอ้อมขาขัดสมาธิ ปู่หมอยังไม่วายนึกถึงคำสนทนากับทิดอ๊ากอีกเรื่อง
‘ผมเคยลองมาแล้วปู่หมอ ’ นั่นคือคำยืนยันจากคนร่างถึก หลังจากปู่จันจีให้ลองแอบหายตัวไปสักสองสามคืนดู ไม่ต้องนอนที่บ้าน เพื่อดูว่านางพญาของทิดอ๊ากจะมีปฏิกิริยาเยี่ยงใด
‘ผมหายไปแค่คืนเดียวเอง พอเข้าบ้านอีกวัน แม่ยายดีกรีนักธรรมเอกก็ดันโผล่เพิ่มมาในบ้านซะงั้น ’ พูดไปส่ายหัวไป สายตาจ้องแน่วอยู่กับหัวแม่เท้าปู่หมอ ไม่กล้าจะเปิดเผยสายตาของผู้แพ้เวร แพ้กรรมตัวเอง
‘แล้วมันไม่ดีดอกหรือ ที่บรรยากาศในบ้านจะได้เปลี่ยนเวอร์ชั่นใหม่มั่ง ’
‘ดีกับผี เย๊ย! ดีกับแม่ยายผมน่ะสิครับ ’ มีแวบหนึ่งแล้ว ที่ทิดอ๊ากเริ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตา ‘เตียงที่ผมนอนมาตั้งแต่คืนส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาว มันถูกยึดไปโดยนักธรรมเอกกับลูกสาวเฉยเลย ผมต้องได้ย้ายไปนอนหน้าเตาผิงแทน ’
‘โอว้... ดูท่าทิดอ๊ากจะรวยไม่เบานะ ที่บ้านมีเตาผิงด้วย ’
‘เตาอั้งโล่ครับปู่ เอาไว้ต้มหน่อไม้ปี๊บ นอนเหม็นกลิ่นเปรี้ยวไม่พอ ยังเหม็นกลิ่นฟืนต้นตะโกอีกต่างหาก ’ ฟังเสียงเล่าเรื่องซึ่งไร้ความขมขื่นใด ๆ ปู่หมอได้แต่อมยิ้มอยู่คนเดียว อ๊ากเอ๊ยอ๊าก.. เอ็งมันช่างสมกับฉายา‘เสงี่ยมบุรุษ ’ซะจริง ๆ
ปู่หมอหลับตาลง ใบหน้าเจ้าอ๊ากลอยล่อง ทำให้ต้องยิ้มด้วยความสุขอีกครั้งเมื่อนึกถึงแผนที่มอบให้ไป ถึงแม้จะคล้ายกับวิธีการเดิมของเจ้าอ๊าก แต่คราวนี้ปู่หมอเพิ่มเติมบทพระนางเข้าไปให้อีกซีน รายละเอียดถูกกำชับเป็นขั้นเป็นตอน ทิดอ๊ากไม่จำเป็นต้องหายศีรษะไปจากบ้าน เพียงแต่หลบไปจากขอบเหวเตียงแค่นั้นพอ เจ้าจอมถึกปฏิบัติตามแผนได้แน่นอน เพราะมันน่าจะชินกับเตาผิงและกลิ่นฟืนแล้ว
คืนนี้สินะ.. ทาสในเรือนฝัน หรือเสงี่ยมบุรุษในเรือนจริง มันจะได้เมียคนเดิมกลับมาเสียที
‘ ปู่หมอใช่ไหมค๊าาา.. ’ ปู่จันจีสะดุ้งโหยง!!
พอหันไปมอง ก็เห็นหญิงร่างท้วมนุ่งผ้าถุงคนหนึ่งกำลังคุกเข่าคลานเข้ามาหา
‘จำเริญ..จำเริญจ้า.. โอ๊ะโอว้ ไม่ต้อง ๆ ไม่ต้องกราบปู่หรอกแม่นาง ’ ปู่หมอโบกมือพัลวันเมื่อเห็นเธอทำท่าจะก้มลงกราบ ซึ่งพอได้ยินอย่างนั้น ร่างอวบอ้วนจึงขยับตัวนั่งพับเพียบยิ้มแป้น
‘มีอะไรให้ปู่ช่วยเหรอ เอ่อ .. ชื่ออะไรล่ะ ปู่จะได้เรียกถูก ’
‘ชื่อตุ้ยค่ะ ’ ...เออแฮะ ช่างเข้ากับสรีระแท้ ยิ่งหากเติมนุ้ยเข้าไปด้วยนะ ยิ่งจะเป๊ะเลย... ปู่หมอคิดทะเล้นอยู่คนเดียว เปิดปึกกระดาษหาหน้าว่าง จรดดินสอหัวกุดบันทึกข้อมูล เริ่มต้นด้วยชื่อคนไข้รายใหม่ แม่นางตุ้ย
............
............
จบตอนที่ 1
ขออภัยคุณน้ำด้วยนะครับ ที่บังอาจเขียนสองตอน เหตุผลอยู่ในสปอยล์ครับผม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้