สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เราดูแล้วคุณยังไม่ได้ลองพูดอะไรเลย จะไม่ลองซักหน่อยหรือคะ
ตลอดเวลามันเริ่มจากแม่สามีมาช่วยดูแลนิดหน่อย คุณก็ไม่พูด
แถมเค้าบอกอะไรก็ทำตาม เค้าก็นึกว่าคุณชอบให้เค้าช่วยเหลือ
เผลอ ๆ คิดว่าเค้าคงกำลังเอาใจคุณอยู่
ลองเปลี่ยนเป็นคุยกับเค้าว่าเดี๋ยวหนูขอทำเองนะคะ เกรงใจคุณแม่
หนูไม่สบายใจเลยที่ยังต้องรบกวนคุณแม่มาคอยดูให้
หรือพอเค้ามาย้ายของอะไร ก็แกล้งหาไม่เจอบ้างสิคะ
ให้เค้ารู้ตัวบ้างว่ามันไม่ได้ผลดีทุกครั้งที่มาจัดของคุณ
การบอกมันไม่ใช่ว่าจะต้องโกรธกันนี่คะ มันมีวิธีค่ะ ใช้จิตวิทยานิดหน่อย
ตลอดเวลามันเริ่มจากแม่สามีมาช่วยดูแลนิดหน่อย คุณก็ไม่พูด
แถมเค้าบอกอะไรก็ทำตาม เค้าก็นึกว่าคุณชอบให้เค้าช่วยเหลือ
เผลอ ๆ คิดว่าเค้าคงกำลังเอาใจคุณอยู่
ลองเปลี่ยนเป็นคุยกับเค้าว่าเดี๋ยวหนูขอทำเองนะคะ เกรงใจคุณแม่
หนูไม่สบายใจเลยที่ยังต้องรบกวนคุณแม่มาคอยดูให้
หรือพอเค้ามาย้ายของอะไร ก็แกล้งหาไม่เจอบ้างสิคะ
ให้เค้ารู้ตัวบ้างว่ามันไม่ได้ผลดีทุกครั้งที่มาจัดของคุณ
การบอกมันไม่ใช่ว่าจะต้องโกรธกันนี่คะ มันมีวิธีค่ะ ใช้จิตวิทยานิดหน่อย
ความคิดเห็นที่ 2
ส่วนตัวเชื่อว่าพูดไปก็ไม่เกิดประโยชน์ค่ะ เผลอพูดไปแล้วแม่สามีไม่เข้าใจจะกลายเป็นมีปัญหากันไปเลยซะอีก
เพราะเค้าก็คงมองว่านี่ห้องนอนลูกชายเค้า เค้าเคยเข้าไปดูแลให้ตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำไมตอนนี้จะเข้าไปไม่ได้ล่ะ
แนะนำให้แยกบ้านค่ะ ในเมื่อสามีคุณไม่ได้อยู่ที่นี่ประจำ คุณก็ออกมาหาที่พักอยู่คนเดียวสิคะ
เข้าไปอยู่บ้านพ่อแม่สามีเมื่อสามีกลับมาเท่านั้น
และไม่ต้องทิ้งข้าวของอะไรไว้ในบ้านนั้นมาก เพราะคุณมีพื้นที่ส่วนตัวของคุณแล้ว
ถ้าขอแยกบ้านแล้วเค้าไม่อยากให้ย้าย หรือไม่ยอมให้ย้ายออก คุณค่อยเอาเรื่องนี้ไปต่อรองเค้าและดูว่าเค้าจะปรับปรุงได้แค่ไหน
แต่ถ้าเป็นเรานะคะ เราขอแยกออกมาอยู่เองดีกว่า เพราะไปอาศัยบ้านคนอื่น มันก็จะมีความอึดอัดแบบนี้แหละ
จะพูดอะไรมากก็ไม่ได้เพราะเราเป็นแค่คนอาศัย
และยิ่งกรณีนี้สามีก็ไม่ได้อยู่ด้วย ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปอยู่บ้านนั้นเลย
ถ้าเราเป็นคุณเราคงย้ายออกตั้งแต่โดนเข้าไปวุ่นวายในห้องนอนครั้งแรกแล้วล่ะค่ะ
เพราะเค้าก็คงมองว่านี่ห้องนอนลูกชายเค้า เค้าเคยเข้าไปดูแลให้ตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำไมตอนนี้จะเข้าไปไม่ได้ล่ะ
แนะนำให้แยกบ้านค่ะ ในเมื่อสามีคุณไม่ได้อยู่ที่นี่ประจำ คุณก็ออกมาหาที่พักอยู่คนเดียวสิคะ
เข้าไปอยู่บ้านพ่อแม่สามีเมื่อสามีกลับมาเท่านั้น
และไม่ต้องทิ้งข้าวของอะไรไว้ในบ้านนั้นมาก เพราะคุณมีพื้นที่ส่วนตัวของคุณแล้ว
ถ้าขอแยกบ้านแล้วเค้าไม่อยากให้ย้าย หรือไม่ยอมให้ย้ายออก คุณค่อยเอาเรื่องนี้ไปต่อรองเค้าและดูว่าเค้าจะปรับปรุงได้แค่ไหน
แต่ถ้าเป็นเรานะคะ เราขอแยกออกมาอยู่เองดีกว่า เพราะไปอาศัยบ้านคนอื่น มันก็จะมีความอึดอัดแบบนี้แหละ
จะพูดอะไรมากก็ไม่ได้เพราะเราเป็นแค่คนอาศัย
และยิ่งกรณีนี้สามีก็ไม่ได้อยู่ด้วย ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปอยู่บ้านนั้นเลย
ถ้าเราเป็นคุณเราคงย้ายออกตั้งแต่โดนเข้าไปวุ่นวายในห้องนอนครั้งแรกแล้วล่ะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
แม่สามีชอบมาจัดห้องนอนส่วนตัว คอยดูความเรียบร้อย
เราแต่งงานเข้ามาอยู่บ้านแม่สามี โดยรวม แม่สามีก็ดีกับเรา และใช้ชีวิตแบบไม่ค่อยได้อยู่ด้วยตลอด เพราะกลางวันเราออกไปทำงาน ส่วนพ่อแม่สามีก็มีกิจการร้าน ไม่ได้อยู่บ้าน เรากลับมาก็ไม่ได้เจอกันบ่อย จนดึกหน่อย พ่อแม่สามีถึงกลับบ้าน
ส่วนสามีทำงานอยู่ต่างจังหวัด เดินทางไปมาค่ะ มาอยู่ที่นี่งานบ้านก็ไม่ต้องทำเท่าไร มีแม่บ้านคอยทำความสะอาดทุกวัน กับข้าวทำกินของตัวเองกับแฟน ไม่ต้องทำให้พ่อแม่สามีทาน
แต่ปัญหาที่ดูเหมือนจะเล็กๆของเรา แต่กลายเป็นเรื่องเรื้อรังกวนใจ จนนอนไม่หลับบ่อยๆก็คือคุณแม่สามีเป็นคนมีระเบียบมากหน่อย คอยเช็คจุดต่างๆในบ้านตลอดเวลา ชอบจัดของ วางของลักษณะแบบใส่กล่องจัดระเบียบ
แม้แต่ในห้องนอนของเรากับสามี ท่านก็คอยเดินมาดู แบบมาขอดูหน่อยซิว่าจัดยังไง บางทีก้อเปิดดูตู้เสื้อผ้า พอเห็นว่าเสือผ้าแน่น ก็เอากล่องใส่ผ้ามาบอกอันไหนพับได้ก็พับลงกล่อง ไม่ต้องแขวนหมด หรือบางที เราไม่อยู่พอกลับมาอีกที ตรงแถวโต๊ะเราก็ถูกจัดใหม่ มีกล่องมาใส่ของต่างๆเสร็จสรรพ
ซึ่งเราก็ปรับตัวตาม แบบยอมทำตามท่านมาตลอด พูดน้อยมาก ได้แต่ ยิ้มๆ ได้ค่ะ หรือทำโอเคไปกับที่มาเจอการเปลี่ยนแปลงหลังเรากับสามีไม่อยู่
ทั้งที่เราเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง และเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาดูขอบส่วนตัวต่างๆ หรือมากำหนดว่าต้องจัดการอเไรยังไง และปกติที่บ้านเราคุณแม่เราเองจะไม่ยุ่งกับช้าวของส่วนตัวเลยค่ะ คุณแม่จะคอยดูความสะอาด ฝุ่น ภาพรวมในห้อง แต่พวกของที่เก็บเองตามจุดต่างๆ จะไม่เคยเช็คละเอียดว่าตรงนี้เก็บอะไร เก็บยังไง...
ทีนี้เราก็ทนๆว่าแบบเดี๋ยวก็ผ่านไป ก็จัดแบบนี้ไป พอทุกอย่างเป็นระเบียบ อยู่ในกล่องจัดระเบียบ คุณแม่แฟนก็จะหยุดยุ่งกับของในห้องเราเอง
แต่พอสักระยะ ก้อมีเรื่องใหม่มาให้ทำ เช่น เสื้อผ้า เค้าบอกที่ไม่ได้ใช้บ่อย เช่นเสือกันหนาวหรือชุดอื่น ก็ให้แพ็คใส่ถุงพลาสติก กันฝุ่น ให้เราเอาชุดไปให้คนของคุณแม่ช่วยแพ็คให้ (ซึ่งปกติเราไม่ชอบให้ใครแตะต้องเสื้อผ้าเรา แบบขนออกจากตู้ ส่งไปแพ็คอีกที่ ยกเว้นส่งซักรีดผ้า)
แล้วพอเราเริ่มปรับตัวกับการเก็บของใส่กล่องจัดระเบียบ เราเองก็เลยมีซื้อกล่องจัดระเบียบแบบที่เราชอบบางส่วนมาจัดเองในบางมุมที่เราคิดว่าโอเค โดยหวังว่า ก็จัดให้มันดูเป็นระเบียบ เรียบร้อยไว้ก่อน ท่านคงจะคอยมาวุ่นวายกับเราน้อยลง และอีกเหตุผลคือ อยากจัดห้องในแบบของเรา ที่เราว่าก็ดูเรียบร้อยทันสมัย) แต่เวลามีกล่องของเราหรือเราจัดในมุมเรา วางกล่องไว้มุมซ้าย สักพักคุณแม่มาขอดูก็จะมีการขยับไปขวา หรือคอยมาปรับเปลี่ยนตลอดเวลา แล้วก็ชอบ comment กล่องของเรา ว่าดูเล็กไป ใส่ของได้ไม่เยอะ หรือดูไม่สวย อะไรแบบนี้ค่ะ
(แต่เราได้แต่คิดในใจว่ากล่องแลลที่คุณแม่ซื้อ บางแบบก็ไม่ได้สวย กินเนื้อที่เช่นใส่เข้าไปในตู้ที่เป็นสัดส่วนอยู่แล้ว ลดพื้นที่วางของไปอีก หรือกบ่องบางอันใหญ่หน่อย เอามาใส่ผ้า แล้วมันหยิบผ้าใช้ยาก แบบลึก และมองไม่เห็น เวลาจะใช้ต้องคุ้ยออกมาตั้งแต่ล่างสุดจนบนสุด)
ตอนนี้เราก็อายุ 30 กว่าแล้วค่ะ รู้สึกแบบหลักๆ พื้นที่ส่วนตัว เราควรมี เราโตมาแบบนี้ และไปอยู่ที่ไหน เช่นเคยไป summerที่ต่างประเทศมา ก็ไม่เคยเจอแบบนี้ และสองคือ เรารู้สึกเหมือนถูกมองว่าเป็นเด็กหรือยังไง แบบทั้งทีเราก็คิดว่าเราโตแล้ว เรื่องเล็กๆพวกนี้ เราดูแลตัวเองได้ เราก็บ่นๆให่สามีฟังประจำ สามีก็เข้าใจตลอดค่ะ แต่แค่เกรงใจเลยไม่ได้ให้เค้าไปบอกคุณแม่ใดๆ พยายามทนเอา
เราอยากขอความเห็นว่า เราควรพูดออกไปดีไหมคะว่า ปกติไม่ชอบให้ใครมาจัดการห้องนอนส่วนตัว มาขอดูข้าวของว่าตรงนี้เก็บอะไรยังไง ยิ่งมันก้อดูเรียบร้อยอยู่แล้ว มีแม่บ้านคอยทำความสะอาดอยู่แล้ว
หรือเราควรฝากสามีคุยกับท่านแบบบอกเฉยๆ
หรือว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ใหญ่ของอีกฝ่ายจะคอยดูแบบนี้คะ?