เรื่องราวนี้เป็นเรื่องที่สมมติขึ้นจากจินตนาการและอารมณ์ มุ่งให้ความเพลิดเพลินภายในที่พักอาศัยเท่านั้น โปรดใช้ท่าอากาศยานในการรับชม
...
เขาก้าวขึ้นสู่โพเดียม สถานที่ที่เขาคุ้นเคย
ผู้คนนับล้านล้วนจับจ้องมาที่เขา แต่เขาไม่ได้หวาดหวั่น
ในจำนวนนั้น ก็มีที่เป็นศัตรูของเขา หวังให้เขาทำพลาด แต่ไม่มีวันเกิดขึ้น
เขาคือบุรุษเหล็กชาติทหาร ที่เข้าร่วมสงครามมานับไม่ถ้วน
ไม่ว่าศัตรูหน้าไหน เขาไม่เคยหวั่น เพราะเขาไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน
ใครขวาง เขาผลักมันล้มหงาย
ใครต่อต้าน เขาตบมันล้มคว่ำ
ใครสู้กลับ เขาเหยียบมันจมดิน
ไม่ว่าขวากหนามใด เขาเหยียบย่ำด้วยหัวใจเหล็กกล้าแล้วย่างก้าวไปข้างหน้าโดยไม่เหลียวแลกลับหลัง
อุปนิสัยของเขาที่เป็นคนตรง พูดจาโผงผาง จึงสร้างศัตรูภายในไว้ไม่ใช่น้อย แต่เขาก็ไม่ยี่หระ
โลกนี้ เป็นของผู้มีความสามารถ พวกที่ทำเป็นแค่เห่า เขาก็เพียงรำคาญ จะแยแสสนใจก็ใช่ที่
เพียงคำพูดเดียวของเขาก็มีอำนาจพลิกดินเปลี่ยนฟ้า พวกมันจึงไม่ได้อยู่ในสายตา
เขามาถึงจุดสูงสุดนี้ ด้วยความสามารถของตัวเอง เขาจึงไม่ต้องเห็นหัวใคร
ท่ามกลางมวลมิตรและศัตรู ฝีเท้าของเขายังคงก้าวอย่างเนิบช้า แต่แน่วแน่ในเส้นทางที่เลือกเดิน
เขาเป็นนักรบ ที่รบมาทั้งชีวิต
เขาคือผู้นำ ที่นำการรบมาครึ่งชีวิต แม้จะเหนื่อยล้าเพียงใด เขาก็ไม่คิดจะหยุดพักแม้สักนิด
ในยามวิกฤต เขาคือบุคคลแรกที่ผงาดขึ้นมาเป็นผู้กอบกู้
แม้จะมีเสียงทักท้วงว่าไม่ต้องการเขา แต่เขาก็ยังนำพาให้ฝ่าวิกฤตนั้นมาได้
เขาทำทุกสิ่งเพื่อประโยชน์ของผู้คน แม้จะไม่มีใครเห็น แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นทำต่อไป
คำสรรเสริญของมวลมิตร คำก่นด่าของศัตรู คำติเตียนของคนไม่รู้ความ ไม่มีผลใดๆกับเขา
ยามนี้เกิดวิกฤตขึ้นอีกครั้ง เขาก็ยังคงเป็นบุคคลแรกที่ผงาดขึ้นมาเป็นผู้กอบกู้
ทว่าครั้งนี้ กลับมีผู้ที่ต้องการเป็นผู้กอบกู้เกิดขึ้นมากมาย และพยายามผลักเขาให้ถอยเข้าหลังฉาก
แน่นอน ใครที่คิดจะทำอย่างนั้นกับเขา เขาพร้อมจะถีบมันให้กระเด็น
เขายืนตั้งหลักมั่น สูดหายใจลึก
นึกย้อนไปยังวันวาน นึกถึงหยดเลือด และหยาดเหงื่อ ที่เขาใช้ทำทุกสิ่ง เพื่อคนพวกนี้ที่ถูกปลุกปั่นยุยงให้เกลียดเขา
ทำให้สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือความเข้าใจผิดและเกลียดชัง
เขาทอดสายตามองผ่านกระจกใสไปยังเหล่าผู้คนตรงหน้า โดยไม่รู้ว่าเขาควรจะมุ่งหวังสิ่งใดจากคนเหล่านี้
แม้ใครอื่นจะไม่เข้าใจเขา แต่ยังมีมวลมิตรที่เชื่อมั่นและกำลังใจที่กร้าวแกร่งกว่าหินผา
ไม่ว่าความเลวร้ายใดจะทับถมมา เขาพร้อมจะเผชิญหน้ามันเสมอ
ดังจะท้าทาย ให้พายุร้ายมันโหมกระหน่ำเข้ามาอีก
เขากวาดสายตามองกลับ สร้างบรรยากาศจริงจัง ทำให้สรรพสำเนียงเงียบลง เพื่อรอฟังเขา
นี่คือเวลาที่เขาจะทำเพื่อผู้คนเหล่านี้อีกครั้ง
เขาจะพูด ในสิ่งที่ทุกคนต้องการฟัง
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ถึงสิ่งที่เขาคิดมาตลอด
"ผมขอโทษ"
แค่สามคำ แผ่นดินถึงกับสั่นสะเทือนแทบถล่มทลายด้วยเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีที่ดังกระหึ่มกึกก้องไปทั่ว
มีเสียงเรียกชื่อเขาประปราย แต่เขาเพียงมีรอยยิ้มหยันเล็กน้อยที่มุมปาก จิตใจของเขาหนักแน่นและมั่นคง จนไม่มีคำพูดใดจะมีผลต่อเขา
เขารออยู่หลายนาที จนเสียงเชียร์เริ่มซาลง จึงได้พูดต่อจนจบ
"ผมขอโทษว่าที่เศรษฐกิจพังมันเกิดจากโครงการจำนำข้าวตั้งแต่รัฐบาลก่อน ไม่ใช่ความผิดผม ผมเป็นคนตามแก้ปัญหาคอยใช้หนี้ให้อยู่เนี่ย และที่การแพร่ระบาดมันเกินควบคุมก็เพราะคนงานในแคมป์ก่อสร้างไม่ยอมกักตัว..."
........................................................................................................................................................................................................../..
เฮ่อ~~ โทษตัวเองมั่งเห๊อะ
ขอโทษ
...
เขาก้าวขึ้นสู่โพเดียม สถานที่ที่เขาคุ้นเคย
ผู้คนนับล้านล้วนจับจ้องมาที่เขา แต่เขาไม่ได้หวาดหวั่น
ในจำนวนนั้น ก็มีที่เป็นศัตรูของเขา หวังให้เขาทำพลาด แต่ไม่มีวันเกิดขึ้น
เขาคือบุรุษเหล็กชาติทหาร ที่เข้าร่วมสงครามมานับไม่ถ้วน
ไม่ว่าศัตรูหน้าไหน เขาไม่เคยหวั่น เพราะเขาไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน
ใครขวาง เขาผลักมันล้มหงาย
ใครต่อต้าน เขาตบมันล้มคว่ำ
ใครสู้กลับ เขาเหยียบมันจมดิน
ไม่ว่าขวากหนามใด เขาเหยียบย่ำด้วยหัวใจเหล็กกล้าแล้วย่างก้าวไปข้างหน้าโดยไม่เหลียวแลกลับหลัง
อุปนิสัยของเขาที่เป็นคนตรง พูดจาโผงผาง จึงสร้างศัตรูภายในไว้ไม่ใช่น้อย แต่เขาก็ไม่ยี่หระ
โลกนี้ เป็นของผู้มีความสามารถ พวกที่ทำเป็นแค่เห่า เขาก็เพียงรำคาญ จะแยแสสนใจก็ใช่ที่
เพียงคำพูดเดียวของเขาก็มีอำนาจพลิกดินเปลี่ยนฟ้า พวกมันจึงไม่ได้อยู่ในสายตา
เขามาถึงจุดสูงสุดนี้ ด้วยความสามารถของตัวเอง เขาจึงไม่ต้องเห็นหัวใคร
ท่ามกลางมวลมิตรและศัตรู ฝีเท้าของเขายังคงก้าวอย่างเนิบช้า แต่แน่วแน่ในเส้นทางที่เลือกเดิน
เขาเป็นนักรบ ที่รบมาทั้งชีวิต
เขาคือผู้นำ ที่นำการรบมาครึ่งชีวิต แม้จะเหนื่อยล้าเพียงใด เขาก็ไม่คิดจะหยุดพักแม้สักนิด
ในยามวิกฤต เขาคือบุคคลแรกที่ผงาดขึ้นมาเป็นผู้กอบกู้
แม้จะมีเสียงทักท้วงว่าไม่ต้องการเขา แต่เขาก็ยังนำพาให้ฝ่าวิกฤตนั้นมาได้
เขาทำทุกสิ่งเพื่อประโยชน์ของผู้คน แม้จะไม่มีใครเห็น แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นทำต่อไป
คำสรรเสริญของมวลมิตร คำก่นด่าของศัตรู คำติเตียนของคนไม่รู้ความ ไม่มีผลใดๆกับเขา
ยามนี้เกิดวิกฤตขึ้นอีกครั้ง เขาก็ยังคงเป็นบุคคลแรกที่ผงาดขึ้นมาเป็นผู้กอบกู้
ทว่าครั้งนี้ กลับมีผู้ที่ต้องการเป็นผู้กอบกู้เกิดขึ้นมากมาย และพยายามผลักเขาให้ถอยเข้าหลังฉาก
แน่นอน ใครที่คิดจะทำอย่างนั้นกับเขา เขาพร้อมจะถีบมันให้กระเด็น
เขายืนตั้งหลักมั่น สูดหายใจลึก
นึกย้อนไปยังวันวาน นึกถึงหยดเลือด และหยาดเหงื่อ ที่เขาใช้ทำทุกสิ่ง เพื่อคนพวกนี้ที่ถูกปลุกปั่นยุยงให้เกลียดเขา
ทำให้สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือความเข้าใจผิดและเกลียดชัง
เขาทอดสายตามองผ่านกระจกใสไปยังเหล่าผู้คนตรงหน้า โดยไม่รู้ว่าเขาควรจะมุ่งหวังสิ่งใดจากคนเหล่านี้
แม้ใครอื่นจะไม่เข้าใจเขา แต่ยังมีมวลมิตรที่เชื่อมั่นและกำลังใจที่กร้าวแกร่งกว่าหินผา
ไม่ว่าความเลวร้ายใดจะทับถมมา เขาพร้อมจะเผชิญหน้ามันเสมอ
ดังจะท้าทาย ให้พายุร้ายมันโหมกระหน่ำเข้ามาอีก
เขากวาดสายตามองกลับ สร้างบรรยากาศจริงจัง ทำให้สรรพสำเนียงเงียบลง เพื่อรอฟังเขา
นี่คือเวลาที่เขาจะทำเพื่อผู้คนเหล่านี้อีกครั้ง
เขาจะพูด ในสิ่งที่ทุกคนต้องการฟัง
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ถึงสิ่งที่เขาคิดมาตลอด
"ผมขอโทษ"
แค่สามคำ แผ่นดินถึงกับสั่นสะเทือนแทบถล่มทลายด้วยเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีที่ดังกระหึ่มกึกก้องไปทั่ว
มีเสียงเรียกชื่อเขาประปราย แต่เขาเพียงมีรอยยิ้มหยันเล็กน้อยที่มุมปาก จิตใจของเขาหนักแน่นและมั่นคง จนไม่มีคำพูดใดจะมีผลต่อเขา
เขารออยู่หลายนาที จนเสียงเชียร์เริ่มซาลง จึงได้พูดต่อจนจบ
"ผมขอโทษว่าที่เศรษฐกิจพังมันเกิดจากโครงการจำนำข้าวตั้งแต่รัฐบาลก่อน ไม่ใช่ความผิดผม ผมเป็นคนตามแก้ปัญหาคอยใช้หนี้ให้อยู่เนี่ย และที่การแพร่ระบาดมันเกินควบคุมก็เพราะคนงานในแคมป์ก่อสร้างไม่ยอมกักตัว..."
........................................................................................................................................................................................................../..
เฮ่อ~~ โทษตัวเองมั่งเห๊อะ