“แกว่าอะไรนะยัยหมอก” แก้วสุดาร้องถามฉันเสียงหลง จนฉันต้องเอามืออุดปากเพื่อน ก่อนที่จะมองไปรอบๆ ตัว เมื่อฉันลากเจ้าเพื่อนสนิท ออกมาเดินเล่นที่ชายหาดกันสองต่อสอง
“ก็บอกว่าเมื่อคืน ตอนที่ฉันหกล้มได้แผลที่มือนั่นน่ะ ไม่ใช่ฉันเดินป้ำๆ เป๋อๆ หกล้มอย่างที่ฉันบอกแกน่ะสิ ที่จริงฉันเดินไปเห็นคุณจักรกับคุณอ่อนเขากำลังคุย.. เอ่อ.. ปรับความเข้าใจกัน.. เอ่อ บอกรักกัน.. โอ๊ย ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร”
ฉันสับสนไปหมด ไม่รู้จะพูด จะอธิบายอะไร ยังไงดี ทำได้แต่ เดินไป เดินมา เท้าเหยียบหาดทรายนุ่มๆ อยู่ตรงหน้าของเพื่อน ที่นั่งมองฉันเดินไปมา บนผืนทราย ความอัดอั้นตันใจพุ่งพรวดขึ้นมาจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก เมื่อตัดสินใจเล่าเรื่องที่ค้างคาใจให้แก้วสุดาฟังในเช้าวันต่อมา
“แกได้ยินอะไร” แก้วสุดาถาม
“ฉันได้ยินคุณอ่อนพูดว่า เขาทั้งสองรักกัน และสองคนนั้น ยังไม่ลืมเรื่องที่ผ่านมา... เขาสองคนรักกันใช่ไหมแก” ในที่สุดฉันก็พูดออกมาจนได้
... เขาสองคนรักกัน... เป็นคำที่มันทำให้ฉันปวดใจที่สุด...
“ยัยหมอก” แก้วสุดาปลอบฉันเสียงสั่น
“แกอย่าคิดไปเอง เออเองสิวะ แกต้องเชื่อใจพี่หมอนะโว้ย”
“แกจะให้เชื่อใจคุณจักรอย่างนั้นเหรอ” ฉันหันขวับไปมองเพื่อน
“เขาไม่เคยบอกรักฉันสักคำ และที่สำคัญ คือ... คือ..” ฉันกระอึกกระอัก ไม่กล้าบอก
“อะไรวะ บอกมาเร็วๆ เลยยัยหมอก”
“ฉันกับเขา... ตั้งแต่แต่งงานยังไม่ได้... อะไรกันอีกเลย” ฉันพูดไปแล้วใบหน้าก็แดงซ่าน ร้อนผ่าวด้วยความอาย
“เฮ้ย อะไรวะ แต่งงานมาตั้งเดือนกว่าแล้ว ยังไม่ได้...กันอีกเหรอ” แก้วสุดาตาโต อ้าปากค้าง
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันขอเขาไว้ ว่าฉันยังไม่พร้อม ต้องรอให้ฉันพร้อมก่อน ส่วนเขา ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นสุภาพบุรุษ ..แต่ที่แท้.. เขาก็ไม่ได้พิศวาสฉันเลย ถึงได้... ยัยก้อย... เขายังรักแฟนเก่าของเขาอยู่ใช่ไหม” ฉันพูดด้วยใบหน้าเหยเก เหมือนจะร้องไห้
“นี่นะถ้าคืนนั้น ในวันเกิดฉันนะ ถ้าเราไม่ได้มีอะไร เขาก็คงไม่ต้องมารับผิดชอบ แต่งงานกับฉันหรอก นี่เป็นเพราะว่าฉันเมาแท้ๆ ที่จริงในคืนนั้น ใครปล้ำใครก็ไม่รู้แหละ บางทีฉันอาจจะปล้ำเขาเองก็ได้ เพราะความไม่อยากขึ้นคานแท้ๆ เชียว ที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ เขาเลยต้องมาตกกระไดพลอยโจน จนต้องแต่งงานกับฉัน ...คนที่เขาไม่ได้รัก...” ฉันพูดพร่ำเพ้อ ตีอกชกหัวตัวเอง
“ฉันมันผิดเอง ฉันมัน ผิดเอง”
“ยัยหมอก แกใจเย็นๆ แล้วฟังฉันให้ดีๆ นะ”
แก้วสุดาผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะจับหัวไหล่ฉันแน่น บังคับให้ฉันมองตาของเธอ ที่จ้องมาอย่างจริงจัง
“คือว่า คืนวันนั้นน่ะ คืนวันเกิดแกน่ะ คือว่าแกเมา เอ่อ.. พี่หมอก็เมา.. เอ่อ.. คือว่าแกกับเขา ก็เมาทั้งสองคน.. แต่ทั้งแก และพี่หมอ ไม่ได้มีอะไรกันว่ะ”
“ห๊ะ... แกว่าอะไรนะยัยก้อย”
ฉันสะบัดตัวออกจากการจับกุมของเพื่อน แล้วจ้องมองใบหน้าสลดของเพื่อน และเดินสืบเท้าไปหาแก้วสุดาอย่างช้าๆ ที่ถดถอยหลังจนสะดุดเท้าตัวเอง ลงไปนั่งที่พื้นทราย
“แกบอกว่า ฉันกับคุณจักรไม่ได้มีอะไรกัน ในคืนวันนั้น ใช่ไหม” ฉันค่อยๆ โน้มตัวลงไปใกล้ ใบหน้าของยัยเพื่อนตัวแสบ ก่อนที่จะถามเสียงเครียด
“ใช่จ้ะเพื่อน ถูกต้องที่ซู้ด” แก้วสุดาเงยหน้า และส่งยิ้มแห้งๆ ให้ฉัน
“แล้วแกทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่ทีแรก" ฉันตะโกนถามเพื่อนเสียงลั่นชายหาด ก่อนที่จะเบาเสียงลงแล้วถามต่อไปว่า
"แล้วแกยอมให้ฉันไป จดทะเบียนสมรส เป็นเมียคุณจักรได้ยังไงวะ” ฉันคาดคั้นเพื่อนตัวดี
“ใจเย็นๆ แก พูดเสียงดังทำไม เดี๋ยวคุณจักร หรือใครๆ มาได้ยิน” แก้วสุดาผุดลุกขึ้นยืนอีกครั้ง พร้อมกับเอามือปิดปากฉัน ก่อนที่จะฉุดฉันนั่งข้างๆ
"ก็ฉันเห็นว่าพี่หมอ เป็นคนดี แล้วก็เหมาะสมกับแก"
"แล้วยังไง" ฉันถลึงตาใส่เพื่อน คาดคั้นให้เธอพูดต่อ
"ฉันก็เบื่อไงแก ที่แกงมงายเชื่อคำทำนายหมอดู บ้าบออะไร แล้วก็พอดีในคืนวันงาน พี่หมอเขาก็คุกเข่าขอแกแต่งงานแล้ว และฉันเห็นท่าทางดี้ด๊า ดีใจของแก ในคืนนั้น ฉันก็เลยคิดว่า เออ.. ถ้าพี่หมอเขาจริงจัง คิดจะแต่งงานกับแก ฉันก็ว่ามันก็ดีสำหรับแกยังไงเล่า" ยัยเพื่อนตัวแสบเอ่ยเสียงอ่อย
"ยัยก้อย!" ฉันร้องรียกชื่อเพื่อนเสียงหลง
"แล้วแกคิดว่า ฉันจะโอเคกับการที่แกจับฉัน มัดมือชก ในการจับคู่ ของแกมากเลยใช่ไหม"
"ตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่า แกจะโอเคหรือเปล่า แต่แกจำได้ไหม.. ในวันที่แกหายไข้ แล้วเดินจูงมือพี่หมอ มากินข้าวกัน ฉันลอบสังเกตใบหน้าของแก ที่ดูสดชื่น มีความสุข ฉันก็ดีใจกับแกด้วยยังไงล่ะ ยัยหมอก... ฉันก็เลยตามเลยไป"
"เลยตามเลย.. แล้วแกไม่คิดหรือว่า พี่หมอของแก เขาคิดอย่างไรกับฉัน ...เออ... แต่ว่าแก.. แล้วนี่เขารู้หรือเปล่า ว่าฉันกับเขาไม่ได้มีอะไร" ฉันหันขวับไปมองใบหน้าของแก้วสุดา แล้วใจเกิดสั่นไม่เป็นจังหวะ
... เพราะถ้าจักรินทร์รู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ฉันกับเขา ไม่ได้มีอะไรกัน ในคืนวันนั้น แล้วเขาจะมาจดทะเบียนสมรสกับฉันทำไม... แล้วจะมาทำท่า เมียจ๊ะ เมียจ๋า.. กับฉันทำไม...
"แก..ยัยก้อย.. มันเกิดอะไรขึ้น... เขารู้ไหมว่า เราไม่ได้มีอะไรกัน" ฉันคาดคั้นถาม แก้วสุดาที่จ้องดวงตาของฉัน ที่มันน่าจะฉายแววสับสน และความรู้สึกต่างๆ ออกมา ทำให้เธอถอนหายใจยาวออกมา ก่อนที่จะพูดเสียงอ่อยว่า
“เอาล่ะเพื่อน ฉันจะเล่าให้ฟังว่าคืนนั้นมันเป็นยังไง เพราะว่าคืนนั้นฉันอยู่ในเหตุการณ์ตลอดเวลา”
“เออ.. ว่ามาเลยยัยก้อย ฉันพร้อมแล้ว จะอะไร.. ยังไง ฉันรับได้หมดแล้วตอนนี้”
_____________________________
เล่ห์รักหัวใจ ตกกระไดพลอยโจน ตอนที่ 23
“ก็บอกว่าเมื่อคืน ตอนที่ฉันหกล้มได้แผลที่มือนั่นน่ะ ไม่ใช่ฉันเดินป้ำๆ เป๋อๆ หกล้มอย่างที่ฉันบอกแกน่ะสิ ที่จริงฉันเดินไปเห็นคุณจักรกับคุณอ่อนเขากำลังคุย.. เอ่อ.. ปรับความเข้าใจกัน.. เอ่อ บอกรักกัน.. โอ๊ย ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร”
ฉันสับสนไปหมด ไม่รู้จะพูด จะอธิบายอะไร ยังไงดี ทำได้แต่ เดินไป เดินมา เท้าเหยียบหาดทรายนุ่มๆ อยู่ตรงหน้าของเพื่อน ที่นั่งมองฉันเดินไปมา บนผืนทราย ความอัดอั้นตันใจพุ่งพรวดขึ้นมาจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก เมื่อตัดสินใจเล่าเรื่องที่ค้างคาใจให้แก้วสุดาฟังในเช้าวันต่อมา
“แกได้ยินอะไร” แก้วสุดาถาม
“ฉันได้ยินคุณอ่อนพูดว่า เขาทั้งสองรักกัน และสองคนนั้น ยังไม่ลืมเรื่องที่ผ่านมา... เขาสองคนรักกันใช่ไหมแก” ในที่สุดฉันก็พูดออกมาจนได้
... เขาสองคนรักกัน... เป็นคำที่มันทำให้ฉันปวดใจที่สุด...
“ยัยหมอก” แก้วสุดาปลอบฉันเสียงสั่น
“แกอย่าคิดไปเอง เออเองสิวะ แกต้องเชื่อใจพี่หมอนะโว้ย”
“แกจะให้เชื่อใจคุณจักรอย่างนั้นเหรอ” ฉันหันขวับไปมองเพื่อน
“เขาไม่เคยบอกรักฉันสักคำ และที่สำคัญ คือ... คือ..” ฉันกระอึกกระอัก ไม่กล้าบอก
“อะไรวะ บอกมาเร็วๆ เลยยัยหมอก”
“ฉันกับเขา... ตั้งแต่แต่งงานยังไม่ได้... อะไรกันอีกเลย” ฉันพูดไปแล้วใบหน้าก็แดงซ่าน ร้อนผ่าวด้วยความอาย
“เฮ้ย อะไรวะ แต่งงานมาตั้งเดือนกว่าแล้ว ยังไม่ได้...กันอีกเหรอ” แก้วสุดาตาโต อ้าปากค้าง
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันขอเขาไว้ ว่าฉันยังไม่พร้อม ต้องรอให้ฉันพร้อมก่อน ส่วนเขา ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นสุภาพบุรุษ ..แต่ที่แท้.. เขาก็ไม่ได้พิศวาสฉันเลย ถึงได้... ยัยก้อย... เขายังรักแฟนเก่าของเขาอยู่ใช่ไหม” ฉันพูดด้วยใบหน้าเหยเก เหมือนจะร้องไห้
“นี่นะถ้าคืนนั้น ในวันเกิดฉันนะ ถ้าเราไม่ได้มีอะไร เขาก็คงไม่ต้องมารับผิดชอบ แต่งงานกับฉันหรอก นี่เป็นเพราะว่าฉันเมาแท้ๆ ที่จริงในคืนนั้น ใครปล้ำใครก็ไม่รู้แหละ บางทีฉันอาจจะปล้ำเขาเองก็ได้ เพราะความไม่อยากขึ้นคานแท้ๆ เชียว ที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ เขาเลยต้องมาตกกระไดพลอยโจน จนต้องแต่งงานกับฉัน ...คนที่เขาไม่ได้รัก...” ฉันพูดพร่ำเพ้อ ตีอกชกหัวตัวเอง
“ฉันมันผิดเอง ฉันมัน ผิดเอง”
“ยัยหมอก แกใจเย็นๆ แล้วฟังฉันให้ดีๆ นะ”
แก้วสุดาผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะจับหัวไหล่ฉันแน่น บังคับให้ฉันมองตาของเธอ ที่จ้องมาอย่างจริงจัง
“คือว่า คืนวันนั้นน่ะ คืนวันเกิดแกน่ะ คือว่าแกเมา เอ่อ.. พี่หมอก็เมา.. เอ่อ.. คือว่าแกกับเขา ก็เมาทั้งสองคน.. แต่ทั้งแก และพี่หมอ ไม่ได้มีอะไรกันว่ะ”
“ห๊ะ... แกว่าอะไรนะยัยก้อย”
ฉันสะบัดตัวออกจากการจับกุมของเพื่อน แล้วจ้องมองใบหน้าสลดของเพื่อน และเดินสืบเท้าไปหาแก้วสุดาอย่างช้าๆ ที่ถดถอยหลังจนสะดุดเท้าตัวเอง ลงไปนั่งที่พื้นทราย
“แกบอกว่า ฉันกับคุณจักรไม่ได้มีอะไรกัน ในคืนวันนั้น ใช่ไหม” ฉันค่อยๆ โน้มตัวลงไปใกล้ ใบหน้าของยัยเพื่อนตัวแสบ ก่อนที่จะถามเสียงเครียด
“ใช่จ้ะเพื่อน ถูกต้องที่ซู้ด” แก้วสุดาเงยหน้า และส่งยิ้มแห้งๆ ให้ฉัน
“แล้วแกทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่ทีแรก" ฉันตะโกนถามเพื่อนเสียงลั่นชายหาด ก่อนที่จะเบาเสียงลงแล้วถามต่อไปว่า
"แล้วแกยอมให้ฉันไป จดทะเบียนสมรส เป็นเมียคุณจักรได้ยังไงวะ” ฉันคาดคั้นเพื่อนตัวดี
“ใจเย็นๆ แก พูดเสียงดังทำไม เดี๋ยวคุณจักร หรือใครๆ มาได้ยิน” แก้วสุดาผุดลุกขึ้นยืนอีกครั้ง พร้อมกับเอามือปิดปากฉัน ก่อนที่จะฉุดฉันนั่งข้างๆ
"ก็ฉันเห็นว่าพี่หมอ เป็นคนดี แล้วก็เหมาะสมกับแก"
"แล้วยังไง" ฉันถลึงตาใส่เพื่อน คาดคั้นให้เธอพูดต่อ
"ฉันก็เบื่อไงแก ที่แกงมงายเชื่อคำทำนายหมอดู บ้าบออะไร แล้วก็พอดีในคืนวันงาน พี่หมอเขาก็คุกเข่าขอแกแต่งงานแล้ว และฉันเห็นท่าทางดี้ด๊า ดีใจของแก ในคืนนั้น ฉันก็เลยคิดว่า เออ.. ถ้าพี่หมอเขาจริงจัง คิดจะแต่งงานกับแก ฉันก็ว่ามันก็ดีสำหรับแกยังไงเล่า" ยัยเพื่อนตัวแสบเอ่ยเสียงอ่อย
"ยัยก้อย!" ฉันร้องรียกชื่อเพื่อนเสียงหลง
"แล้วแกคิดว่า ฉันจะโอเคกับการที่แกจับฉัน มัดมือชก ในการจับคู่ ของแกมากเลยใช่ไหม"
"ตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่า แกจะโอเคหรือเปล่า แต่แกจำได้ไหม.. ในวันที่แกหายไข้ แล้วเดินจูงมือพี่หมอ มากินข้าวกัน ฉันลอบสังเกตใบหน้าของแก ที่ดูสดชื่น มีความสุข ฉันก็ดีใจกับแกด้วยยังไงล่ะ ยัยหมอก... ฉันก็เลยตามเลยไป"
"เลยตามเลย.. แล้วแกไม่คิดหรือว่า พี่หมอของแก เขาคิดอย่างไรกับฉัน ...เออ... แต่ว่าแก.. แล้วนี่เขารู้หรือเปล่า ว่าฉันกับเขาไม่ได้มีอะไร" ฉันหันขวับไปมองใบหน้าของแก้วสุดา แล้วใจเกิดสั่นไม่เป็นจังหวะ
... เพราะถ้าจักรินทร์รู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ฉันกับเขา ไม่ได้มีอะไรกัน ในคืนวันนั้น แล้วเขาจะมาจดทะเบียนสมรสกับฉันทำไม... แล้วจะมาทำท่า เมียจ๊ะ เมียจ๋า.. กับฉันทำไม...
"แก..ยัยก้อย.. มันเกิดอะไรขึ้น... เขารู้ไหมว่า เราไม่ได้มีอะไรกัน" ฉันคาดคั้นถาม แก้วสุดาที่จ้องดวงตาของฉัน ที่มันน่าจะฉายแววสับสน และความรู้สึกต่างๆ ออกมา ทำให้เธอถอนหายใจยาวออกมา ก่อนที่จะพูดเสียงอ่อยว่า
“เอาล่ะเพื่อน ฉันจะเล่าให้ฟังว่าคืนนั้นมันเป็นยังไง เพราะว่าคืนนั้นฉันอยู่ในเหตุการณ์ตลอดเวลา”
“เออ.. ว่ามาเลยยัยก้อย ฉันพร้อมแล้ว จะอะไร.. ยังไง ฉันรับได้หมดแล้วตอนนี้”
_____________________________