พื้นลามิเนต ติดตั้งอย่างไรให้ได้มาตรฐาน เทคนิคที่พลาดแล้วพลาดเลย!



พื้นลามิเนต หรือ พื้นไม้ลามิเนต เป็นหนึ่งในวัสดุปูพื้นที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนรักการแต่งบ้าน และกลุ่มธุรกิจบ้านจัดสรรต่าง ๆ เพราะเป็นวัสดุที่มีข้อดีมากมาย โดยเฉพาะความสวยงามที่ไม่เป็นสองรองใคร อีกทั้ง วิธีปูพื้นลามิเนต ก็สะดวก เพราะติดตั้งง่ายและใช้เวลาติดตั้งค่อนข้างน้อย จึงไม่น่าแปลกใจที่การ ปูพื้นลามิเนต จะกลายเป็นเรื่องที่เจ้าของบ้านหลายคนหันมาสนใจ และ HomeGuru ก็พร้อมแล้วที่จะพาทุกคนไปลองดูเทคนิคดี ๆ ในการปู พื้นลามิเนต กันครับ

• พื้นลามิเนต ติดตั้งอย่างไรให้เป๊ะปังได้มาตรฐาน

1. ตรวจสอบพื้นที่ก่อนการปูพื้นลามิเนต
2. เตรียมพื้นให้พร้อมก่อนติดตั้ง
3. วิธีปูพื้นลามิเนตอย่างถูกต้อง



• ตรวจสอบพื้นที่ก่อนการ ปูพื้นลามิเนต

ก่อนการติดตั้ง พื้นไม้ลามิเนต จำเป็นต้องทำการตรวจสอบก่อนว่าพื้นที่ที่ต้องการติดตั้งนั้นมีพื้นผิวที่เหมาะสม และพร้อมสำหรับการติดตั้งหรือไม่ โดยการตรวจสอบพื้นผิวที่เหมาะกับการปูพื้นลามิเนตในเบื้องต้นสามารถทำได้ดังนี้ครับ

1. กรณีที่ต้องการปูพื้นลามิเนตทับพื้นซีเมนต์ขัดหยาบที่เป็นพื้นใหม่
สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องขัดมันครับ แต่ทั้งนี้จำเป็นต้องต้องตรวจสอบระดับความชื้นของพื้นด้วย โดยค่าความชื้นก่อนการติดตั้งนั้นสามารถวัดได้ด้วยเครื่องวัดความชื้น ซึ่งค่าความชื้นที่วัดได้ต้องไม่เกิน 5% ครับ

และนอกจากระดับความชื้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องตรวจสอบคือระดับของพื้นผิวก่อนการติดตั้ง โดยสามารถทำการตรวจสอบได้ด้วยเครื่องวัดระดับเลเซอร์ หรือใช้ไม้สามเหลี่ยมวัดระดับ ซึ่งระดับพื้นที่เหมาะสมของการ ปูพื้นลามิเนต ต้องมีระดับสูงต่ำแตกต่างกันไม่เกิน 3 มิลลิเมตร เพราะหากระดับพื้นแตกต่างกันมากจนเกินไปเมื่อทำการปูพื้นเรียบร้อยแล้วจะเกิดปัญหาการยุบตัวของพื้นไม้ลามิเนต หรือที่เรียกกันว่าพื้นยวบได้ครับ

2. กรณีที่ต้องการปูพื้นลามิเนตทับพื้นซีเมนต์ขัดมัน หรือพื้นซีเมนต์ขัดหยาบ
จำเป็นต้องทำการตรวจสอบทั้งเรื่องของความชื้น และเรื่องของระดับพื้นเช่นกัน แต่หากตรวจสอบแล้วพบปัญหาพื้นซีเมนต์เดิมไม่ได้ระดับก็สามารถแก้ไข ทำการปรับระดับใหม่ได้ โดยต้องระมัดระวังและตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่เทปรับระดับใหม่กับพื้นเดิมจะประสานกันได้สนิท 100% และมีความแข็งแรงด้วยครับ



3. กรณีที่ต้องการปูพื้นลามิเนตทับพื้นกระเบื้องเดิม
หากกระเบื้องเดิมไม่มีความเสียหายอย่างกระเบื้องแตก โก่ง หรือกระเบื้องร่อนอยู่ก่อนแล้วก็มักไม่มีปัญหาในเรื่องระดับของพื้นมากนัก เพราะพื้นกระเบื้องเดิมมักมีการทำระดับไว้เรียบร้อยมาก่อนอยู่แล้ว รวมถึงพื้นกระเบื้องมักจะมีค่าการป้องกันความชื้นสูงอยู่แล้วเช่นกัน ซึ่งหากตรวจสอบแล้วไม่พบปัญหาทั้งสองส่วนนี้ก็ให้ทำการเก็บความเรียบร้อยบริเวณรอยต่อระหว่างแผ่นกระเบื้องด้วยการใช้ปูนกาว หรือฟุตติ้งที่มีความแข็งแรงสูง เพื่อให้พร้อมสำหรับการปูพื้นลามิเนต และช่วยป้องกันปัญหาพื้นลามิเนตยุบตัวหลังการติดตั้งด้วยครับ

4. กรณีที่ต้องการปู พื้นลามิเนต กับพื้น Self Leveling
เนื่องจากพื้นซีเมนต์เดิมไม่ได้ระดับ ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาเรื่องระดับพื้นผิวที่เหมาะสมกับการติดตั้ง พื้นไม้ลามิเนต ครับ เพราะพื้น Self Leveling นั้นเป็นการใช้ซีเมนต์ปรับระดับแบบไหลตัวง่าย สามารถไหลปรับระดับได้ด้วยตัวเอง จึงทำให้พื้นได้ระดับแบบ 100%

การทำพื้น Self Leveling จะสามารถนำมาใช้ปรับระดับบนพื้นซีเมนต์แบบขัดหยาบเพื่อให้ได้ระดับความหนาตามที่ต้องการได้ โดยระดับความหนาที่พื้น Self Leveling ทำได้จะอยู่ที่ขั้นต่ำ 3 มิลลิเมตร หากบางกว่านั้นอาจทำให้เกิดโอกาสแตกร้าวได้ ซึ่งแม้ว่าวิธีนี้จะเป็นวิธีแก้ระดับพื้นซีเมนต์เดิมที่ค่อนข้างสะดวกและรวดเร็ว แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูงเหมือนกันครับ



• เตรียมพื้นให้พร้อมก่อนติดตั้ง

จากขั้นตอนการตรวจสอบพื้นที่ก่อนการปู พื้นไม้ลามิเนต มักจะพบว่าพื้นที่มีปัญหาเรื่องระดับของพื้นผิวมากที่สุดคือพื้นซีเมนต์ขัดหยาบ เพราะทั้งพื้นซีเมนต์ขัดมันและพื้นกระเบื้องมักมีการทำระดับที่ถูกต้องไว้อยู่แล้ว แต่สำหรับพื้นซีเมนต์ขัดหยาบนั้นจะค่อนข้างมีระดับที่แตกต่างกันมากกว่า 3 มิลลิเมตร และมักจะมีพื้นผิวไม่เรียบเนียนพอที่จะ ปูพื้นลามิเนต ให้ออกมาเรียบร้อยสวยงาม ดังนั้น การเตรียมพื้นซีเมนต์ให้พร้อมก่อนการปูพื้นลามิเนตจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องแก้ไข รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมดังนี้ครับ

1. เนื่องจากระดับที่เหมาะสมสำหรับการติดตั้งพื้นลามิเนตต้องมีความต่างกันไม่เกิน 3 มิลลิเมตร ต่อระยะความยาว 1 เมตร ดังนั้น หากมีความต่างระดับสูงกว่าค่ามาตรฐานนี้จะต้องทำการแก้ไขโดยทำการปรับระดับพื้นใหม่ โดยพื้นที่มีระดับต่ำจะต้องทำให้สูงขึ้นโดยการเติมพื้นด้วยปูนกาวหรือปูนยิปซั่ม ส่วนพื้นที่มีระดับสูงจะต้องทำการเจียพื้นผิวส่วนบนออก และหลังการปรับระดับพื้นแล้วต้องทิ้งช่วงระยะเวลาเพื่อปล่อยให้พื้นเกิดการ set ตัวและคลายความชื้นด้วยครับ

2. ข้อควรระวังก่อนติดตั้งพื้นลามิเนตคือพื้นซีเมนต์ต้องแห้งสนิท ไม่มีความชื้น ซึ่งเบื้องต้นสามารถตรวจสอบความชื้นได้โดยใช้เครื่องมือวัดระดับความชื้นของพื้นซีเมนต์ โดยค่าความชื้นที่เหมาะสมนั้นไม่ควรเกิน 5% หากเกินจากค่ามาตรฐานนี้ต้องทิ้งระยะเวลาให้พื้น set ตัวนานเพียงพอเสียก่อน

3. พื้นซีเมนต์ที่พร้อมสำหรับการติดตั้งพื้นไม้ลามิเนตจะต้องมีความแข็งแรง โดยการตรวจสอบความแข็งแรงของผิวหน้าพื้นซีเมนต์จะสังเกตได้จากผิวสัมผัสของผิวหน้าพื้นซีเมนต์ต้องไม่หลุดร่อน หรือเป็นฝุ่น เพราะหากติดตั้ง พื้นลามิเนต ลงบนพื้นผิวที่ไม่แข็งแรงก็จะมีปัญหาเรื่องพื้นไม้ลามิเนตเคลื่อนตัวขณะใช้งานได้ครับ



4. กรณีที่ต้องการติดตั้งพื้นลามิเนตทับพื้นกระเบื้อง หรือพื้นไม้ปาร์เก้ ต้องทำการตรวจสอบในแน่ใจว่าแผ่นกระเบื้อง หรือแผ่นปาร์เก้แต่ละแผ่นมีความแข็งแรง ไม่มีปัญหาแตกหรือหลุดร่อน แต่หากพบว่ามีปัญหารอยแตกหรือหลุดร่อนก็ต้องทำการซ่อมแซมให้เรียบร้อยและแข็งแรงเสียก่อน

5. กรณีที่ต้องการติดตั้งพื้นลามิเนต แต่มีเฟอร์นิเจอร์หรืองาน Build-in กีดขวาง หรืออยู่ในบริเวณที่ต้องทำการติดตั้ง วิธีแก้ปัญหาคือต้องเตรียมแผ่นไม้อัดที่มีความหนาไม่น้อยกว่าพื้นไม้ลามิเนตที่เตรียมไว้ นำไม้อัดนั้นมาวางรองบริเวณส่วนที่มีเฟอร์นิเจอร์หรืองาน Build-in ติดตั้งอยู่ เพื่อสร้างพื้นที่ให้ พื้นไม้ลามิเนต มีระยะในการขยายตัวเข้าไปใต้ฐานของเฟอร์นิเจอร์หรืองาน Build-in ชิ้นนั้น ๆ ได้ โดยการวางไม้อัดควรเว้นระยะจากขอบเฟอร์นิเจอร์หรืองาน Build-in ไว้โดยรอบประมาณ 3 เซนติเมตรครับ

6. หากมีการปรับปรุงหรือรีโนเวทพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ในบ้านไปพร้อม ๆ กัน แนะนำว่าควรจัดลำดับให้ทำการติดตั้งพื้นลามิเนตเป็นลำดับสุดท้าย เพื่อเป็นการป้องกันผลกระทบจากการทำงานในส่วนอื่น ๆ ที่อาจทำให้ พื้นลามิเนต เสียหายได้ อีกทั้งการติดตั้งพื้นไม้ลามิเนตนั้นถือเป็นงานติดตั้งแบบแห้ง จึงสามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นาน จึงสามารถจัดลำดับไว้เป็นงานสุดท้ายก่อนการเข้าใช้พื้นที่ได้ครับ



• วิธีปูพื้นลามิเนต อย่างถูกต้อง

หลังจากตรวจสอบและจัดเตรียมพื้นผิวเดิมที่ต้องการติดตั้งพื้นลามิเนตทับจนมั่นใจว่าเรียบร้อยดีแล้ว ก็สามารถเริ่มขั้นตอนการติดตั้งได้เลยครับ โดย วิธีการปูพื้นลามิเนต ที่ถูกต้องมีขั้นตอนดังนี้ครับ

1. เมื่อเตรียมพื้นผิวที่ต้องการติดตั้งทับเรียบร้อยแล้วให้ทำการปูแผ่นโฟมรองพื้นปรับระดับ หรือ PE-Foam ความหนา 2 มิลลิเมตร เพื่อช่วยปรับระดับของพื้นไม้ลามิเนตให้เรียบเสมอกัน ช่วยป้องกันความชื้นจากพื้นด้านล่างขั้นมาบนพื้นลามิเนต อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดเสียงกระทบระหว่างพื้นลามิเนตและพื้นซีเมนต์ หรือพื้นกระเบื้องที่อยู่ด้านล่างไม่ให้เกิดเสียงรบกวน รวมทั้งช่วยให้สัมผัสของพื้นลามิเนตมีความนุ่มสบายเท้าขณะเดิน ซึ่งขั้นตอนการรองโฟมนี้อาจทำให้ขึ้นตะเข็บสันตรงรอยต่อระหว่างแผ่นลามิเนต แต่สามารถทำการแก้ไขปิดรอยต่อของแผ่นโฟมปรับระดับได้ด้วยการใช้เทปกาวก่อนปูแผ่นลามิเนตทับลงไปครับ

2. วางลิ่มไม้หนาประมาณ 12 – 15 มิลลิเมตร ที่ริมผนังทุกด้านเพื่อกั้นระหว่างผนังกับพื้นไม้ลามิเนต เป็นการเว้นช่องว่างไม่ให้พื้นไม้ลามิเนตขยายตัวไปชนกับผนัง เพราะหากแผ่นไม้ลามิเนตมีการขยายตัวจนชนผนังจะมีผลทำให้แผ่นลามิเนตเกิดการโก่งตัวจนเห็นเป็นสันตะเข็บระหว่างรอยต่อ รวมถึงทำให้เกิดความรู้สึกยวบเท้าเวลาเดินด้วยครับ

3. กำหนดรูปแบบและทิศทางที่ต้องการปูพื้นลามิเนต โดยสามารถกำหนดได้อย่างอิสระตามรูปแบบที่ชอบ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมกำหนดทิศทางให้เป็นแนวขนานกับประตูห้องหรือประตูบ้านครับ



4. การเริ่มติดตั้งแผ่นพื้นไม้ลามิเนตแผ่นแรกตามทิศทางที่กำหนดไว้ ให้เริ่มติดตั้งบริเวณแนวประตูก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นทำการตัดพื้นไม้ลามิเนตเข้าระหว่างบังใบประตู โดยให้ขอบของแผ่นพื้นไม้ลามิเนตอยู่ตรงบังใบเพื่อให้แผ่นลามิเนตตรงประตูเป็นแผ่นเต็มแบบไร้การต่อ นอกจากจะเพื่อความสวยงามแล้วยังให้ความแข็งแรงอีกด้วยครับ ส่วนกรณีที่ต้องการปูพื้นลามิเนตที่ชั้นสองของบ้าน แนะนำว่าควรเริ่มปูพื้นไม้ลามิเนตแผ่นแรกบริเวณแนวบันไดติดกับลูกตั้งบันไดขั้นสุดท้าย โดยเว้นระยะห่างจากแนวลูกตั้งบันไดประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร เพื่อเว้นไว้ติดตั้งตัวจบจมูกบันได้ด้วยครับ

5. เมื่อเริ่มติดตั้งแผ่นพื้นไม้ลามิเนตแผ่นแรกแล้วให้ทำการปูแผ่นพื้นไม้ลามิเนตไปตามทิศทางที่กำหนดไว้ จากซ้ายไปขวา หรือจากขวาไปซ้าย ทางใดทางหนึ่ง โดยเมื่อปูไปจนถึงผนังที่ระดับลิ่มไม้ต้องระมัดระวังอย่าปูแผ่นพื้นลามิเนตจนชิดขอบผนัง เพราะจะไม่มีช่องว่างให้พื้นลามิเนตขยายตัวครับ

6. การต่อแผ่นพื้นไม้ลามิเนตด้วยระบบคลิกล็อคสามารถทำได้โดยวางแผ่นลามิเนตให้เอียงประมาณ 45 องศา และกดให้แผ่นลามิเนตเข้าคลิก จากนั้นให้ใช้ฆ้อนยางตอกลงบนแผ่นพื้นไม้ลามิเนตเบา ๆ เพื่อให้คลิกเข้าล็อคได้แนบสนิท จากนั้นให้ทำการปูพื้นลามิเนตไปเรื่อย ๆ จนเต็มพื้นที่เลยครับ



7. เมื่อปูพื้นลามิเนตจนเต็มพื้นที่แล้ว ให้ตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งว่ามีจุดไหนที่ติดตั้งไม่แน่นหนา หรือคลิกล็อคระหว่างแผ่นไม่เรียบร้อยหรือไม่ หากพบจุดที่ไม่เรียบร้อยก็ให้ลงมือแก้ไขก่อนไปขั้นตอนถัดไปครับ

8. นำลิ่มไม้ที่วางไว้ข้างผนังแต่ละด้านออก จากนั้นติดบัว PVC ข้างผนังรอบพื้นไม้ลามิเนต โดยให้ปิดทับช่องว่างระหว่างพื้นไม้ลามิเนตและผนัง ก่อนจะเก็บความเรียบร้อยด้วยซิลิโคนสีเดียวกันกับพื้นลามิเนตและบัว PVC ครับ

9. ตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนทำความสะอาดพื้นที่ และในกรณีที่ต้องมีการทำงานซ่อมแซมส่วนอื่น ๆ ของบ้านเพิ่มเติม แนะนำให้ใช้กระดาษลูกฟูกกันรอยขีดข่วนมาปูบนพื้นลามิเนตเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากงานส่วนอื่น ๆ ครับ



เห็นไหมครับว่าการปู พื้นลามิเนต นั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแต่ต้องอาศัยความละเอียดและความใส่ใจในแต่ละขั้นตอน เพื่อให้ได้พื้นลามิเนตที่สวยเนี๊ยบเรียบร้อย ถูกใจสมาชิกทุกคนในบ้านเลยครับ


HomeGuru by HomePro
อุ่นใจทุกเรื่องบ้านไปกับโฮมโปร และติดตามเคล็ดลับดีๆ เพื่อบ้านได้ทาง http://bit.ly/HomeGuru_Homepro
และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นปัญหาเรื่องบ้านกับ HomeGuru เพิ่มเติมได้ทาง https://bit.ly/3dQm4XE
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่