สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ย้อนกลับมา ที่ไฟว์สตาร์ ของค่ายจารุณี ที่คุณเปิ้ลจารุณี พีคสุด และเริ่มดาว์น ก็เป็นไปตามสุขภาพนางเอกด้วยแหละ จากการที่ค่ายหนังฯ ก็ใช้คุณจารุณี ทำงานให้ค่ายหนัง ที่หนักเกินไป ตักตวงเกินไป ทราบภายหลังว่าสุขภาพช่วงดาว์นจากวงการ คุณเปิ้ลจารุณี ต้องหาเวลาไปฟื้นกันนานเลยทีเดียว
จากนั้น ก็เข้าสู่ ยุคจินตหรา-สันติสุข และเป็นเรื่องราว ที่เป็นกระแสของหนังไทย ยุคทอง ต่อยาว อีกหลายปีด้วย หนังบุญชู
ในพล็อตความซื่อของเด็กหนุ่มบ้านนอก เสียงเหน่อ ที่ชนะใจคนไทย จนนางเอกต้องยอมในความซื่อบริสุทธิ์ ใครดูบุญชู ก็จะชอบ เพราะจะเอาบุญชูเปรียบเทียบกับตนเอง ที่มีอะไรหลายอย่างที่ไม่แพ้บุญชู ที่มีความติดดิน บุญชู เลยล่อยาวไป 6 ภาค เลยมั๊ง? 555
คุณบัณฑิต ฤทธิกล เก่งมาก ที่หยิบเอาอารมณ์นี้มาใส่พระเอกคนนึงในหนังไทย rip อาบัณฑิตครับ
ยิ่งตอนไฟว์สตาร์ ปั้นพี่โอ วรุฒ วรธรรม ออกมาในวงการนะ สาวๆ แทบละลายกับคุณชายโกโบริ แห่งคู่กรรม ที่ประกบ อังศุมาลิน คุณจินตหรา สุขพัฒน์ โรงแทบแตก สาวไทยนี่-โอฟีเวอร์ กันหลายเดือน เป็น คู่กรรม เวอร์ชั่นเดียว ที่โกโบริ เล่นแข็งๆ แต่ข่มอังศุมาลิน ลงได้อย่างราบคาบ จนคุณทมยันตี เคือง! เพราะไม่เคยเกิดขึ้นไม่ว่า จะผ่านมากี่เวอร์ชั่น Rip พี่โอนะครับ Rip อารุจน์ ผู้กำกับ ไฟว์สตาร์ เหมือนแมวเก้าชีวิต ต้องวัดดวงหนังไปเรื่อยๆ ในช่วงนั้น
กลุ่มพูลวรลักษณ์ นั่งมองตนเอง ตาปริบๆ ที่อยู่เฉยๆ เพราะตนเองมีแต่โรงหนัง แต่ไม่มีค่ายหนังรอแต่พวกมาเฟียส่งหนังมาฉาย อนาคตในวงการ ก็อาจสู้ไม่ได้ แกก็เลยเอาลูกชายที่จบมาจากต่างประเทศ มาทำค่ายหนังบ้าง และแกมองต่างจากคนอื่นในวงการหนังไทยทั้งหมดในตอนนั้น
ต้องแหกกฏการทำหนังไทยเท่านั้นถึงจะสู้ได้!
ยุคนั้น ไฟว์สตาร์ ทรงอิทธิพลมากๆ มีการรวบเอาผู้กำกับไทยชื่อดังทั่วฟ้าเมืองไทยหลายคน รวบเอามาอยู่ในสังกัดตนเองทั้งหมด บีบคู่แข่งในวงการให้จนตรอก ส่วนค่ายโรงหนังนั้น ทางไฟว์สตาร์ ก็ไปดึงเอากลุ่มพูลวรลักษณ์มาเป็นพวกอีก
ขณะที่กลุ่มเอเพ็กซ์ ก็สู้ด้วยช่วงแรก ไปซื้อกิจการโรงหนังจากกลุ่ม กิตติพราภรณ์ ที่หนีไปทำ แดนเนรมิต เป็นการต่อสู้กันด้วยกำลังทางธุรกิจอย่างยาวนาน ความเข้มข้น แข่งขันในธุรกิจ เริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
พอโจทย์ข้อใหม่ ของกลุ่มพูลวรลักษณ์คือต้อง แหกกฏการทำหนังไทย เรื่องแรกก็เลยคือ เรื่อง
“ซึมน้อยหน่อย กะล่อนมากหน่อย”
ชื่อค่ายหนังแห่งใหม่ ว่า ไทเอนเตอร์เทนเมนท์
แสดงนำในหนัง ก็เป็นดาราใหม่ทั้งหมด บิลลี่ โอแกน, สุรศักดิ์ วงษ์ไทย, เพ็ญ พิสุทธิ์
หนังอินดี้มากๆ ในยุคนั้น วัยรุ่นไทย เครซี่ คลั่งไคล้ ทอล์คออฟเดอะทาว์น กันทุกหัวถนนในเรื่องนี้ ประสพความสำเร็จเป็นเรื่องแรก ของกลุ่มพูลวรลักษณ์ หรือปัจจุบัน ตอนนี้ชาวบ้านเรียกว่า กลุ่มเมเจอร์ แต่แปลกมากๆ ที่หนังเรื่องนี้ ไม่ได้เปิดตัวเข้าโรงหนังของกลุ่มพูลวรลักษณ์เอง แต่ตั้งใจ ที่จะขอเปิดทางเข้าปูพรมหนัง ย่านสยาม ลิโด สกาล่า ของกลุ่มเอเพ็กซ์ แทน เพราะภาพลักษณ์ย่านสยามแสควร์ เหมาะกับหนังอินดี้วัยรุ่นแบบนี้มากกว่า โรงเพชรรามา และโคลิเซียม
ภาพของ สยามแสควร์ ยิ่งเด่นชัดขึ้น ในการขายความเป็นวัยรุ่นยุคใหม่ออกมา ตั้งแต่ตอนที่ฉายหนังเรื่องนี้ ในตอนนั้น สยาม เปล่งปลั่งความวัยรุ่นอย่างชัดเจน จากจุดนี้
หนังแหกกฏทุกอย่าง เพราะใช้ ผู้กำกับใหม่ 2 คน คือพี่ปื๊ด และ พี่อังเคิล ผู้กำกับหน้าใหม่ 2 คน แจ้งเกิดทันที พร้อม 3 ดาวรุ่งในหนังข้างต้นด้วย พี่เอ็ม สุรศักดิ์ นี่โขมยซีนในหนังแทนพระเอกได้อย่างกลมกลืน
หนังประสบความสำเร็จ จนต้องสร้าง “ฉลุย” ออกมาอีก ดาราก็ชุดเดิม ภาพของ ไทเอนเตอร์เทนเม้นท์ มีจุดขายทันที! และไทฯ ก็ผลิตหนังออกมาหลายปี
จนต่อมา ไป merge กับ Grammy และ HubHoHin กลายเป็น GTH ยิ่งใหญ่ในวงการอีกเป็นสิบๆ ปี ก่อนทะเลาะแยกทางกันอีกเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เพราะทัศนคติในทิศทาง GTH ไม่ตรงกันเรื่องหุ้น จนเลิกขาดกันแบ่งสมบัติกัน สิ้นสุดตำนาน GTH คงเหลือ แต่แกรมมี่ มาทำต่อในนาม GDH กับ หับโห้หิ้น กลุ่มเมเจอร์ ก็ไปมีค่ายหนังเล็กๆ ยิบย่อยเต็มไปหมด
ย้อนกลับไปนานมากแล้ว ช่วงค่ายหนัง สู้กันอย่างดุเดือด และอึมครึมมากขึ้นด้วย! ในยุคนั้น จู่ๆ คุณเกียรติ เอี่ยมพึ่งพร หมายเลข 1 ของค่ายไฟว์สตาร์ ก็เสียชีวิต จากการถูกลอบทำร้าย จนเป็นข่าวช็อควงการ
อีกค่ายฯ ตอนนั้นหุ้นส่วนใหญ่ก็คือ เฮีย เจ้าพ่อวงการที่คนเกรงขาม เฮียจะเป็นรอง ก็แค่เจ้าพ่อนครบาล คือ เฮียเหลา หรือคุณแคล้ว ธนิกุล rip และก็มีข่าวว่า เฮีย และ เสี่ย แห่งค่ายฯ ไปใช้ชีวิต กิน อยู่ เที่ยว ทำงานอยู่ที่อเมริกาและหลายแห่งด้วยกัน นานหลายปี และค่อยกลับมา เมื่อคลื่นลม เบาบาง และสงบลง
ทุกวันนี้ เฮีย ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบที่ตจว. เข้าออกแต่วัด เพื่อทำบุญ และทำไร่เอง ทิ้งคฤหาสน์ใหญ่กลางกรุง
นานๆ จะมีข่าวให้ชาวบ้านหายคิดถึง ทางเสี่ย ทิ้งวงการเดิมทุกอย่าง และแยกย้ายกับอดีตซุปตาร์ดาราสาวสุดฮอทตอนนั้น และกลับมาทำธุรกิจใหม่เมื่อยี่สิบกว่าปีทีแล้ว อย่างเงียบๆ เช่นกัน จนขึ้นเป็นหมายเลข 1 ในวงการ
เขียนต่อไม่ได้แล้วมือสั่น555 เหมือนเราจะอายุยืนนะ เพราะเราเล่ามา 5 ตอน เราต้องคอย rip ให้เกียรติผู้วายชนม์ที่เอ่ยถึงเยอะแยะ
คุณสุริยัน ศักดิ์ไธสงค์ ตำนานนักบู๊ในวงการ ที่อยู่ในยุค 2499 แว๊นครองเมือง ทำงานอยู่กับพวกเจ้าพ่อทุกยุค ที่ตอนหลังกลับใจ มาเป็นนักเขียนเรื่องแนวนี้ เราชอบอ่านมากๆ อ่านเกือบครบ! และก็ Rip อาสุริยันฯ ด้วยอีกคน
ขอบพระคุณบทความจาก
เฟซบุ๊ก Suvipan Pornawalai
ย้อนกลับมา ที่ไฟว์สตาร์ ของค่ายจารุณี ที่คุณเปิ้ลจารุณี พีคสุด และเริ่มดาว์น ก็เป็นไปตามสุขภาพนางเอกด้วยแหละ จากการที่ค่ายหนังฯ ก็ใช้คุณจารุณี ทำงานให้ค่ายหนัง ที่หนักเกินไป ตักตวงเกินไป ทราบภายหลังว่าสุขภาพช่วงดาว์นจากวงการ คุณเปิ้ลจารุณี ต้องหาเวลาไปฟื้นกันนานเลยทีเดียว
จากนั้น ก็เข้าสู่ ยุคจินตหรา-สันติสุข และเป็นเรื่องราว ที่เป็นกระแสของหนังไทย ยุคทอง ต่อยาว อีกหลายปีด้วย หนังบุญชู
ในพล็อตความซื่อของเด็กหนุ่มบ้านนอก เสียงเหน่อ ที่ชนะใจคนไทย จนนางเอกต้องยอมในความซื่อบริสุทธิ์ ใครดูบุญชู ก็จะชอบ เพราะจะเอาบุญชูเปรียบเทียบกับตนเอง ที่มีอะไรหลายอย่างที่ไม่แพ้บุญชู ที่มีความติดดิน บุญชู เลยล่อยาวไป 6 ภาค เลยมั๊ง? 555
คุณบัณฑิต ฤทธิกล เก่งมาก ที่หยิบเอาอารมณ์นี้มาใส่พระเอกคนนึงในหนังไทย rip อาบัณฑิตครับ
ยิ่งตอนไฟว์สตาร์ ปั้นพี่โอ วรุฒ วรธรรม ออกมาในวงการนะ สาวๆ แทบละลายกับคุณชายโกโบริ แห่งคู่กรรม ที่ประกบ อังศุมาลิน คุณจินตหรา สุขพัฒน์ โรงแทบแตก สาวไทยนี่-โอฟีเวอร์ กันหลายเดือน เป็น คู่กรรม เวอร์ชั่นเดียว ที่โกโบริ เล่นแข็งๆ แต่ข่มอังศุมาลิน ลงได้อย่างราบคาบ จนคุณทมยันตี เคือง! เพราะไม่เคยเกิดขึ้นไม่ว่า จะผ่านมากี่เวอร์ชั่น Rip พี่โอนะครับ Rip อารุจน์ ผู้กำกับ ไฟว์สตาร์ เหมือนแมวเก้าชีวิต ต้องวัดดวงหนังไปเรื่อยๆ ในช่วงนั้น
กลุ่มพูลวรลักษณ์ นั่งมองตนเอง ตาปริบๆ ที่อยู่เฉยๆ เพราะตนเองมีแต่โรงหนัง แต่ไม่มีค่ายหนังรอแต่พวกมาเฟียส่งหนังมาฉาย อนาคตในวงการ ก็อาจสู้ไม่ได้ แกก็เลยเอาลูกชายที่จบมาจากต่างประเทศ มาทำค่ายหนังบ้าง และแกมองต่างจากคนอื่นในวงการหนังไทยทั้งหมดในตอนนั้น
ต้องแหกกฏการทำหนังไทยเท่านั้นถึงจะสู้ได้!
ยุคนั้น ไฟว์สตาร์ ทรงอิทธิพลมากๆ มีการรวบเอาผู้กำกับไทยชื่อดังทั่วฟ้าเมืองไทยหลายคน รวบเอามาอยู่ในสังกัดตนเองทั้งหมด บีบคู่แข่งในวงการให้จนตรอก ส่วนค่ายโรงหนังนั้น ทางไฟว์สตาร์ ก็ไปดึงเอากลุ่มพูลวรลักษณ์มาเป็นพวกอีก
ขณะที่กลุ่มเอเพ็กซ์ ก็สู้ด้วยช่วงแรก ไปซื้อกิจการโรงหนังจากกลุ่ม กิตติพราภรณ์ ที่หนีไปทำ แดนเนรมิต เป็นการต่อสู้กันด้วยกำลังทางธุรกิจอย่างยาวนาน ความเข้มข้น แข่งขันในธุรกิจ เริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
พอโจทย์ข้อใหม่ ของกลุ่มพูลวรลักษณ์คือต้อง แหกกฏการทำหนังไทย เรื่องแรกก็เลยคือ เรื่อง
“ซึมน้อยหน่อย กะล่อนมากหน่อย”
ชื่อค่ายหนังแห่งใหม่ ว่า ไทเอนเตอร์เทนเมนท์
แสดงนำในหนัง ก็เป็นดาราใหม่ทั้งหมด บิลลี่ โอแกน, สุรศักดิ์ วงษ์ไทย, เพ็ญ พิสุทธิ์
หนังอินดี้มากๆ ในยุคนั้น วัยรุ่นไทย เครซี่ คลั่งไคล้ ทอล์คออฟเดอะทาว์น กันทุกหัวถนนในเรื่องนี้ ประสพความสำเร็จเป็นเรื่องแรก ของกลุ่มพูลวรลักษณ์ หรือปัจจุบัน ตอนนี้ชาวบ้านเรียกว่า กลุ่มเมเจอร์ แต่แปลกมากๆ ที่หนังเรื่องนี้ ไม่ได้เปิดตัวเข้าโรงหนังของกลุ่มพูลวรลักษณ์เอง แต่ตั้งใจ ที่จะขอเปิดทางเข้าปูพรมหนัง ย่านสยาม ลิโด สกาล่า ของกลุ่มเอเพ็กซ์ แทน เพราะภาพลักษณ์ย่านสยามแสควร์ เหมาะกับหนังอินดี้วัยรุ่นแบบนี้มากกว่า โรงเพชรรามา และโคลิเซียม
ภาพของ สยามแสควร์ ยิ่งเด่นชัดขึ้น ในการขายความเป็นวัยรุ่นยุคใหม่ออกมา ตั้งแต่ตอนที่ฉายหนังเรื่องนี้ ในตอนนั้น สยาม เปล่งปลั่งความวัยรุ่นอย่างชัดเจน จากจุดนี้
หนังแหกกฏทุกอย่าง เพราะใช้ ผู้กำกับใหม่ 2 คน คือพี่ปื๊ด และ พี่อังเคิล ผู้กำกับหน้าใหม่ 2 คน แจ้งเกิดทันที พร้อม 3 ดาวรุ่งในหนังข้างต้นด้วย พี่เอ็ม สุรศักดิ์ นี่โขมยซีนในหนังแทนพระเอกได้อย่างกลมกลืน
หนังประสบความสำเร็จ จนต้องสร้าง “ฉลุย” ออกมาอีก ดาราก็ชุดเดิม ภาพของ ไทเอนเตอร์เทนเม้นท์ มีจุดขายทันที! และไทฯ ก็ผลิตหนังออกมาหลายปี
จนต่อมา ไป merge กับ Grammy และ HubHoHin กลายเป็น GTH ยิ่งใหญ่ในวงการอีกเป็นสิบๆ ปี ก่อนทะเลาะแยกทางกันอีกเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เพราะทัศนคติในทิศทาง GTH ไม่ตรงกันเรื่องหุ้น จนเลิกขาดกันแบ่งสมบัติกัน สิ้นสุดตำนาน GTH คงเหลือ แต่แกรมมี่ มาทำต่อในนาม GDH กับ หับโห้หิ้น กลุ่มเมเจอร์ ก็ไปมีค่ายหนังเล็กๆ ยิบย่อยเต็มไปหมด
ย้อนกลับไปนานมากแล้ว ช่วงค่ายหนัง สู้กันอย่างดุเดือด และอึมครึมมากขึ้นด้วย! ในยุคนั้น จู่ๆ คุณเกียรติ เอี่ยมพึ่งพร หมายเลข 1 ของค่ายไฟว์สตาร์ ก็เสียชีวิต จากการถูกลอบทำร้าย จนเป็นข่าวช็อควงการ
อีกค่ายฯ ตอนนั้นหุ้นส่วนใหญ่ก็คือ เฮีย เจ้าพ่อวงการที่คนเกรงขาม เฮียจะเป็นรอง ก็แค่เจ้าพ่อนครบาล คือ เฮียเหลา หรือคุณแคล้ว ธนิกุล rip และก็มีข่าวว่า เฮีย และ เสี่ย แห่งค่ายฯ ไปใช้ชีวิต กิน อยู่ เที่ยว ทำงานอยู่ที่อเมริกาและหลายแห่งด้วยกัน นานหลายปี และค่อยกลับมา เมื่อคลื่นลม เบาบาง และสงบลง
ทุกวันนี้ เฮีย ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบที่ตจว. เข้าออกแต่วัด เพื่อทำบุญ และทำไร่เอง ทิ้งคฤหาสน์ใหญ่กลางกรุง
นานๆ จะมีข่าวให้ชาวบ้านหายคิดถึง ทางเสี่ย ทิ้งวงการเดิมทุกอย่าง และแยกย้ายกับอดีตซุปตาร์ดาราสาวสุดฮอทตอนนั้น และกลับมาทำธุรกิจใหม่เมื่อยี่สิบกว่าปีทีแล้ว อย่างเงียบๆ เช่นกัน จนขึ้นเป็นหมายเลข 1 ในวงการ
เขียนต่อไม่ได้แล้วมือสั่น555 เหมือนเราจะอายุยืนนะ เพราะเราเล่ามา 5 ตอน เราต้องคอย rip ให้เกียรติผู้วายชนม์ที่เอ่ยถึงเยอะแยะ
คุณสุริยัน ศักดิ์ไธสงค์ ตำนานนักบู๊ในวงการ ที่อยู่ในยุค 2499 แว๊นครองเมือง ทำงานอยู่กับพวกเจ้าพ่อทุกยุค ที่ตอนหลังกลับใจ มาเป็นนักเขียนเรื่องแนวนี้ เราชอบอ่านมากๆ อ่านเกือบครบ! และก็ Rip อาสุริยันฯ ด้วยอีกคน
ขอบพระคุณบทความจาก
เฟซบุ๊ก Suvipan Pornawalai
แสดงความคิดเห็น
การแข่งขันของวงการหนังไทย ในยุครุ่งเรืองของโรงหนังสแตนด์อโลน
หน้าด้านขาย ก็มีคนหน้าชาซื้อ!
แต่ละโรง แต่ละแห่ง จะมีอัตลักษณ์ว่า ตนเองมีหนังแนวไหน ก็จะฉายเฉพาะหนังแนวนั้น คนยุคนั้น แยกสัมผัสและรู้ได้เองว่า โรงนี้จะฉายแต่หนังไทย หนังฝรั่ง หนังจีน หนังแขก
ยุคเราขาสั้น ไม่ต้องมีใครสอน ก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่า โรงหนังปริ๊นซ์ บางรัก ฉายแต่หนังโป๊ ที่อร่อยกว่าโจ๊กปริ๊นซ์ ด้วยวัยกระเตาะ อย่างเรียนรู้โลกใบนี้ ก็งงว่า ทำไม เบาะที่เรานั่ง มีคนทำโจ๊ก หกเปรอะเบาะ มารู้ภายหลัง กางเกงเราก็เช็ดเบาะเก้าอี้ ของอีคนที่แล้วทำโจ๊กหกเรียบร้อยแล้ว! 555
ยุค 70-80-90 มีเจ้าพ่อโรงหนังอยู่ 4 กลุ่ม
กลุ่ม พูลวรลักษณ์ มี เพชรามา แมคเคนน่า เซ็นจูรี วอร์เนอร์ กลุ่มนี้เหนียวแน่นมาก ปัจจุบันยังเป็นเจ้าของโรงหนังเมเจอร์ และ EGV Entertain Golden Village นามสกุลเดียวกัน แต่ไม่ถูกกัน เข้าตลาดหลักทรัพย์ ยังแยกกันเลย555
กลุ่มกิตติพราภรณ์ มี โคลลีเซียม ฮอลลีวู๊ด พาราเมาท์ ปารีส กลุ่มนี้ ทำทำไป เบื่อ! หนีไปทำ แดนเนรมิต ยุคนั้นไม่มีใครลงทุนสวนสนุก เค้าก็กล้าลงทุนนะ ทำนานมาก จนหมดสัญญาที่ดินตรงนั้นเยื้องหอวัง และย้ายไปทำแห่งใหม่ชื่อ ดรีมเวริลด์ รังสิตคลองสาม คู่แข่งแกมีคนเดียว คือ สวนสยาม แต่ดูทั้งสองราย มอบความสุขให้ลูกค้าจน เค้า 2 รายเองไม่ค่อยมีความสุขนัก