ทำไมสังคมปลายยุคเลียดก๊กถึงมีสภาพอย่างนี้ครับ???

อ่านจากบันทึกของหานเฟยจื่อ บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จีน เห็นแล้วชวนหดหู่มากเลย มีข้อความทำนองว่า

ผู้ที่มีจิตใจมั่นคงสัตย์ซื่อ และตั้งอกตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด 
มักจะถูกเยาะหยันว่า คือผู้ไม่รู้จักปรับตัวตามน้ำให้เข้ากับสถานการณ์
 
ผู้ที่เคร่งครัดต่อกฎระเบียบต่างๆ ไม่คิดคัดค้านหรือต่อต้านคำสั่ง 
มักจะได้รับขนานามว่า “เป็นผู้โง่เขลาอันดับหนึ่งของจักรวาล”
 
ผู้ที่เคารพผู้บังคับบัญชา ไม่ยอมฝ่าฝืนกฎหมายและวินัยบัญญัติ 
มักจะถูกดูหมิ่นดูแคลนว่าขี้ขลาดตาขาว
 
หากเป็นผู้ที่กล้าพูดกล้าแสดงออก ก็จะถูกประชดประชันว่าชอบตั้งตัวเป็นศาสดา
 
และยิ่งเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีเป็นที่ตั้ง อุทิศตนทำตามนโยบายขององค์กรอย่างเต็มที่ 
ก็มักได้รับฉายาว่าเป็นสัตว์โลกผู้น่าสงสารที่ไร้อนาคต
 
อีกด้านหนึ่งนั้นเล่า

ผู้ที่คอยแอบแฝงเอารัดเอาเปรียบคนอื่นอยู่เสมอ 
มักได้รับการชื่นชมว่า เป็นเพื่อนตายไม่ลืมน้ำมิตร
 
ผู้ที่เบียดบังทรัพย์สินสาธารณะโดยเปิดเผย 
กลับได้รับการยกย่องว่ารักชาติรักสังคม 
 
ผู้ที่มองเห็นแต่ความสำคัญของตนเอง ไม่แลเห็นคุณประโยชน์ของผู้อื่น 
กลับได้รับความนับถือว่าเป็นผู้อุดมด้วยคุณวุฒิ
 
ผู้คอยสนับสนุนญาติมิตรโดยละเมิดกฎหมาย กลับกลายเป็น “ผู้มีน้ำใจ”
 
ผู้ที่ละทิ้งราชการงานเมือง เห็นแก่เพื่อนพ้องมากกว่าหน้าที่ 
ก็มักได้รับการแซ่ซ้องว่า “เป็นผู้มีใจกว้างดุจมหาสมุทร”
 
ผู้ที่ชอบปฏิวัตขัดคำสั่งอยู่เป็นนิจ 
มักได้รับการเยินยอว่า เป็นวีรบุรุษผู้กล้าและไม่ถือตัว
 
ข้างฝ่ายผู้ที่หมกตัวปฏิเสธความเป็นไปของโลก และความรับผิดชอบทั้งปวง 
กลับได้รับการสรรเสริญว่าเป็น “ผู้มีคุณธรรมอันพิสุทธิ์สูงส่ง”
 
ผู้ที่คอยหว่านคำหวาน เอาอกเอาใจประชาชนไปทั่ว 
ก็จะได้ชื่อว่าเป็นปราชญ์ใหญ่ “ผู้กุมหัวใจมหาชน” เอาไว้ได้
 
ท่ามกลางบรรยากาศสังคมเช่นนี้ บรรดาอำมาตย์ข้าราชการทั้งปวง ก็จะมีจิตที่ขาดหิริโอตตัปปะ เที่ยวทำการฉ้อราษฎร์บังหลวงทุจริตนานา บ้างก็นิยมนำเอาบุตรีไปยกให้ผู้มั่งคั่งด้วยยศศักดิ์ เพื่อจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขุนนางชั่วข้ามคืน
 
ข้างฝ่ายข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ตรากตรำในสมรภูมิต่างๆ เสี่ยงต่อเภทภัยนานา ก็ยังคงยากจนข้นแค้นต่อไป เว้นแต่ผู้ที่ฉลาดในการเจรจาสอพลอ จนได้รับความเมตตาเอ็นดูจากผู้ใหญ่ ก็จะโผผินบินทะยาน ขึ้นเกาะคอนแก้วเสพสุขในกรงทอง
 
ในสภาพดังกล่าวนี้ การแสวงหาลาภยศและตำแหน่ง โดยอาศัย “คนสนิท” ของเจ้านครรัฐ หรือกระทั่งอาศัยชายกระโปรงของสตรีเพื่อไต่เต้านั้น นับเป็นพฤติกรรมที่ทำกันอย่างออกหน้า ไม่มีใครมาว่ากล่าวตำหนิอย่างเปิดเผย

...........................................................................

ข้างต้นคือสังคมปลายยุคเลียดก๊กที่หานเฟยจื่อพรรณนาเอาไว้ ดูเละเทะยิ่งกว่าโจ๊กเสียอีก จึงอยากทราบว่าอะไรเป็นปัจจัยให้เกิดสภาพดังกล่าวขึ้น สงสารผู้ที่เกิดในยุคสมัยนั้นครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่