สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ก็น่าจะดำเนินตามวิชั่นของค่ายนั่นแหล่ะ ลองอ่านดูตามตามนี้
คีย์เวิร์ดน่าจะประโยคนี้
Creating the music that symbolizes an era that can resonate with fans across the world.
สร้างสรรค์ดนตรีที่เป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยนั้นๆสะท้อนกับแฟนๆทั่วโลก
ฟังดูมันก็คือวิชั่นนั่นแหล่ะ อาจดูจับต้องยาก แต่ถ้าลองแปลงสารดูก็คือการทำงานสร้างสรรค์ดนตรีของค่ายนี้ (บฮ.มิวสิค -ปัจจุบัน)
BTS ก็อารมณ์ประมาณตัวแทนดนตรีของเจ็นเนอเรชั่น Y ตอนปลาย ส่วน TXT คือตัวแทนภาคดนตรีเจ็น Z ของค่าย
อย่างบังทันค่ายก็เติบโตเรียนรู้มาด้วยกัน ลองผิดลองถูกในส่วนแนวเพลง/ดนตรี ขณะที่ค่ายก็สร้างสตอรี่ควบคู่ไปด้วยแล้วผลตอบรับดีก็พัฒนาไปเรื่อยๆ อารมณ์ประมาณคนปรับเปลี่ยนตัวเองเร็ว ไม่ยึดติดกับวิธีการ มันก็เลยเปลี่ยนแนวดนตรีไปเรื่อยๆ ปรับเนื้อหาสตอรี่ที่เล่าคู่ขนานแต่ละอัลบั้มไปเรื่อยๆ ส่วนดนตรีก็ผสมผสานหลายแนว แต่ก็มีลายเซ็นโครงสร้างเพลง ท่อนส่งท่อนฮุคต่างๆจากตัวโปรดิวซ์หลักอย่างพีด็อกกับบังชิฮยอกอยู่
มีหลังๆแหล่ะ เป็นเพลงโปรโมตหลักเช่นพวก Dynamite Butter ที่ใช้โปรดิวซ์ฝรั่งหมด เวลาฟังก็จะหาจุดเชื่อมโยงกับเพลงแบบ Boy with luv , Fake Love, DNA อะไรแบบนี้ยากหน่อย นี่คือยุคหลังๆที่เข้าไปในชาร์ต Hot100 แต่หลักๆก็คือสร้างดนตรีที่เกี่ยวเนื่องกับตัววงเหมือนเดิม
นี่คือบังทันยุคสร้างบริษัท
TXT ทีเร้ก เพลงในอัลบั้มทั้ง 2 ปีแรกคือเป็นเพลงสำเร็จรูปเกือบทั้งหมด เป็นเพลงในสต๊อกที่ค่ายทำเอาไว้ก่อนเดบิ้วต์ วางแผน something ไว้เพื่อ ฝึกฝน เรียนรู้ พัฒนา เพื่อหากระตุ้นสมาชิกเพื่อหาแนวทางดนตรีที่ชอบให้เจอ?
เอาจริงๆเราเพิ่งมาเห็นความแตกต่างล่าสุดในอัลบั้มล่าสุด Freeze นี่แหล่ะที่ลดความสำเร็จรูปลง เหมือนเพลงในสต๊อกหมดไปแล้ว จากนี้คือเพลงที่ค่าย พีดี และตัวสมาชิกจะต้องสร้างสรรค์แบบสดๆมากขึ้น
ถ้าถามว่าเพลงของบังทันแตกต่างจากทีเร้กยังไง ก็เทียบง่ายๆเวลาเราฟังคัฟเวอร์ ปกติรุ่นพี่ไม่ค่อยคัฟเวอร์เพลงรุ่นน้องเนอะ มีทีเร้กที่ทำ อย่างเพลงที่ทีเร้กคัฟเวอร์บังทันเช่น Boy in Luv , Dynamite ก็จะเห็นว่าในเวอร์ชั่นของทีเร้กจะซอฟกว่า ซอฟในเชิงภาษาดนตรีอ่ะคือฟังอีซี่ลิซซึ่นนิ่ง (ฟังสบายกว่า) ส่วนต้นฉบับของบังทันจะดุดันกว่า ถึงเป็นเพลงสนุกๆแบบไดนาไมท์ บังทันก็จะให้ฟีลที่ไดนามิกเยอะกว่าทีเร้ก
นี่แหล่ะคือ vibe ของวงที่ต่างกัน เพลงๆหนึ่งร้องโดยวงอีกวงหนึ่งก็จะให้อารมณ์อีกอย่างหนึ่ง
สิ่งสำคัญที่วงทุกวงจะต้องมีเพื่อจะเติบโตเบ่งบานก็คือมีแนวทางของตัวเอง บังทันมีสมาชิกเจ็คคนก็เหมือนเครื่องดนตรี 7 ขิ้น ต้องใช้เวลาปรับให้แต่ละชิ้นเล่นออกมาแนวทางเดียวกันจึงเกิดเอกลักษณ์-ภาพจำของวง
ทีเร้กก็เช่นกัน ถ้าอยากเอาดีเอาให้สุดทางด้านดนตรี ก็ต้องปรับจูนสมาชิกทั้ง 5 ให้ผสมเสียง-vibe แล้วออกมาเป็นแนวทางเฉพาะวง
บิ๊กฮิตก็พยายามควานหาความลงตัวของวง อย่างการทดลองของทีเร้กนี้ก็ไม่ใช่เพิ่งมาเริ่มตั้งแต่เดบิ้วต์ แต่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงพรีเดบิ้วต์ 2 ปีด้วยซ้ำ หลักฐานคือการคัฟเวอร์เพลงสากลจำนวนมากที่เพิ่งปล่อยๆออกมา และดูทีเร้กก็ชื่นชอบแนวทางดนตรีเมโลดี้แบบสากลไม่น้อย คิดว่าตรงนี้แหล่ะเลยเป็นที่มาของอัลบั้ม Freeze ล่าสุดที่มีสัดส่วนโปรดิวเซอร์ใหม่ๆมาร่วมงานเยอะมาก (โปรดิวซ์คือคนคิดภาคดนตรีนะ ส่วน writer คนเขียนเนื้อเพลงก็ยังมีคนเดิมๆในค่ายมาทำรวมทั้งให้สมาชิกวงมาช่วยเขียนเยอะขึ้น)
แนวทางการทำดนตรีของค่ายนี้ก็น่าจะประมาณนี้แหล่ะ พ๊อยคือ มีเนื้อหา-vibe ที่เกี่ยวข้องต่อคนในเจ็นเนอเรชั่นที่ ศลป.นั้นๆอยู่ อนึ่งก็คือ แบ่งทาร์เก็ตกลุ่มผู้ฟังไปในตัว บังทันก็จับเจ็น Y ตอนปลายและ Z บางส่วนที่ชอบ ส่วนทีเร้กเน้น Z เป็นหลัก มีเด็กประถมชอบเพลง Crown , Run Away ก็ไม่น้อยนะ แล้ววันหน้า ทั้ง ศลป.และแฟนเติบโตสร้างดนตรีที่ resonate ขึ้นไปด้วยกันอีกที โอเคก็อาจจะมีเจ็น Y หลงมาบ้างก็ไม่ว่ากันเนอะ ใครๆก็อยากเป็นเด็กตลอดไป 555
คีย์เวิร์ดน่าจะประโยคนี้
Creating the music that symbolizes an era that can resonate with fans across the world.
สร้างสรรค์ดนตรีที่เป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยนั้นๆสะท้อนกับแฟนๆทั่วโลก
ฟังดูมันก็คือวิชั่นนั่นแหล่ะ อาจดูจับต้องยาก แต่ถ้าลองแปลงสารดูก็คือการทำงานสร้างสรรค์ดนตรีของค่ายนี้ (บฮ.มิวสิค -ปัจจุบัน)
BTS ก็อารมณ์ประมาณตัวแทนดนตรีของเจ็นเนอเรชั่น Y ตอนปลาย ส่วน TXT คือตัวแทนภาคดนตรีเจ็น Z ของค่าย
อย่างบังทันค่ายก็เติบโตเรียนรู้มาด้วยกัน ลองผิดลองถูกในส่วนแนวเพลง/ดนตรี ขณะที่ค่ายก็สร้างสตอรี่ควบคู่ไปด้วยแล้วผลตอบรับดีก็พัฒนาไปเรื่อยๆ อารมณ์ประมาณคนปรับเปลี่ยนตัวเองเร็ว ไม่ยึดติดกับวิธีการ มันก็เลยเปลี่ยนแนวดนตรีไปเรื่อยๆ ปรับเนื้อหาสตอรี่ที่เล่าคู่ขนานแต่ละอัลบั้มไปเรื่อยๆ ส่วนดนตรีก็ผสมผสานหลายแนว แต่ก็มีลายเซ็นโครงสร้างเพลง ท่อนส่งท่อนฮุคต่างๆจากตัวโปรดิวซ์หลักอย่างพีด็อกกับบังชิฮยอกอยู่
มีหลังๆแหล่ะ เป็นเพลงโปรโมตหลักเช่นพวก Dynamite Butter ที่ใช้โปรดิวซ์ฝรั่งหมด เวลาฟังก็จะหาจุดเชื่อมโยงกับเพลงแบบ Boy with luv , Fake Love, DNA อะไรแบบนี้ยากหน่อย นี่คือยุคหลังๆที่เข้าไปในชาร์ต Hot100 แต่หลักๆก็คือสร้างดนตรีที่เกี่ยวเนื่องกับตัววงเหมือนเดิม
นี่คือบังทันยุคสร้างบริษัท
TXT ทีเร้ก เพลงในอัลบั้มทั้ง 2 ปีแรกคือเป็นเพลงสำเร็จรูปเกือบทั้งหมด เป็นเพลงในสต๊อกที่ค่ายทำเอาไว้ก่อนเดบิ้วต์ วางแผน something ไว้เพื่อ ฝึกฝน เรียนรู้ พัฒนา เพื่อหากระตุ้นสมาชิกเพื่อหาแนวทางดนตรีที่ชอบให้เจอ?
เอาจริงๆเราเพิ่งมาเห็นความแตกต่างล่าสุดในอัลบั้มล่าสุด Freeze นี่แหล่ะที่ลดความสำเร็จรูปลง เหมือนเพลงในสต๊อกหมดไปแล้ว จากนี้คือเพลงที่ค่าย พีดี และตัวสมาชิกจะต้องสร้างสรรค์แบบสดๆมากขึ้น
ถ้าถามว่าเพลงของบังทันแตกต่างจากทีเร้กยังไง ก็เทียบง่ายๆเวลาเราฟังคัฟเวอร์ ปกติรุ่นพี่ไม่ค่อยคัฟเวอร์เพลงรุ่นน้องเนอะ มีทีเร้กที่ทำ อย่างเพลงที่ทีเร้กคัฟเวอร์บังทันเช่น Boy in Luv , Dynamite ก็จะเห็นว่าในเวอร์ชั่นของทีเร้กจะซอฟกว่า ซอฟในเชิงภาษาดนตรีอ่ะคือฟังอีซี่ลิซซึ่นนิ่ง (ฟังสบายกว่า) ส่วนต้นฉบับของบังทันจะดุดันกว่า ถึงเป็นเพลงสนุกๆแบบไดนาไมท์ บังทันก็จะให้ฟีลที่ไดนามิกเยอะกว่าทีเร้ก
นี่แหล่ะคือ vibe ของวงที่ต่างกัน เพลงๆหนึ่งร้องโดยวงอีกวงหนึ่งก็จะให้อารมณ์อีกอย่างหนึ่ง
สิ่งสำคัญที่วงทุกวงจะต้องมีเพื่อจะเติบโตเบ่งบานก็คือมีแนวทางของตัวเอง บังทันมีสมาชิกเจ็คคนก็เหมือนเครื่องดนตรี 7 ขิ้น ต้องใช้เวลาปรับให้แต่ละชิ้นเล่นออกมาแนวทางเดียวกันจึงเกิดเอกลักษณ์-ภาพจำของวง
ทีเร้กก็เช่นกัน ถ้าอยากเอาดีเอาให้สุดทางด้านดนตรี ก็ต้องปรับจูนสมาชิกทั้ง 5 ให้ผสมเสียง-vibe แล้วออกมาเป็นแนวทางเฉพาะวง
บิ๊กฮิตก็พยายามควานหาความลงตัวของวง อย่างการทดลองของทีเร้กนี้ก็ไม่ใช่เพิ่งมาเริ่มตั้งแต่เดบิ้วต์ แต่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงพรีเดบิ้วต์ 2 ปีด้วยซ้ำ หลักฐานคือการคัฟเวอร์เพลงสากลจำนวนมากที่เพิ่งปล่อยๆออกมา และดูทีเร้กก็ชื่นชอบแนวทางดนตรีเมโลดี้แบบสากลไม่น้อย คิดว่าตรงนี้แหล่ะเลยเป็นที่มาของอัลบั้ม Freeze ล่าสุดที่มีสัดส่วนโปรดิวเซอร์ใหม่ๆมาร่วมงานเยอะมาก (โปรดิวซ์คือคนคิดภาคดนตรีนะ ส่วน writer คนเขียนเนื้อเพลงก็ยังมีคนเดิมๆในค่ายมาทำรวมทั้งให้สมาชิกวงมาช่วยเขียนเยอะขึ้น)
แนวทางการทำดนตรีของค่ายนี้ก็น่าจะประมาณนี้แหล่ะ พ๊อยคือ มีเนื้อหา-vibe ที่เกี่ยวข้องต่อคนในเจ็นเนอเรชั่นที่ ศลป.นั้นๆอยู่ อนึ่งก็คือ แบ่งทาร์เก็ตกลุ่มผู้ฟังไปในตัว บังทันก็จับเจ็น Y ตอนปลายและ Z บางส่วนที่ชอบ ส่วนทีเร้กเน้น Z เป็นหลัก มีเด็กประถมชอบเพลง Crown , Run Away ก็ไม่น้อยนะ แล้ววันหน้า ทั้ง ศลป.และแฟนเติบโตสร้างดนตรีที่ resonate ขึ้นไปด้วยกันอีกที โอเคก็อาจจะมีเจ็น Y หลงมาบ้างก็ไม่ว่ากันเนอะ ใครๆก็อยากเป็นเด็กตลอดไป 555
แสดงความคิดเห็น
Bighit มีลายเซ็นเป็นของตัวเองหรือยัง?
แต่พอ TXT เดบิวต์มา สไตล์เด็ก บฮ ที่คิดไว้ก็เปลี่ยนไป และมาคิดได้ว่า อ้อ อันที่เราคิดไว้นั่นมันคือสไตล์ของบังทัน ไม่ใช่ บฮ (แต่เราดันคิดว่านั่นเป็นสไตล์ บฮ เพราะมีภาพให้เห็นแค่บังทัน)
ทีนี้เราก็ไม่ได้ตาม TXT มาก ดูแค่พวกเพลงไตเติ้ลหรือเพลงที่มี MV งี้ เลยไม่รู้ว่าจุดไหนที่พอจะเป็นจุดร่วมที่บอกได้ว่า สองวงนี้มาจาก บฮ นะ
ที่คิดออกคือมีแค่ MV ที่ลายเซ็นคุณ Lumpen ชัดเจน ละก็มีสตอรี่ของวง (แต่หลายๆวงก็มี)
ทุกคนพอจะนึกออกอีกไหมว่าสไตล์ไหน ที่เขาเรียกว่าสไตล์ บฮ?
(จะแอบเอา Enhypen เข้ามาคุยด้วยก็ได้นะคะ เพราะงานเพลงงานเอ็มวีก็มาจาก บฮ เหมือนกัน)