ณ บ้านเลขที่ 91 ปัจจุบันเรียกว่า "บ้านทองอยู่"
ซึ่งมีสะพานจันทร์สม คั่นระหว่างบ้าน เลขที่ 89 ซึ่งเป็นอดีตบ้านของ "จีนอินทร์" ซิ้มกิมฮั่วเซ้ง และแม่จีบภริยา
ผู้สร้างอาคารโรงเรียนนักธรรมวัดสระเกษหรือวัดเกตการาม แต่เดิมถือว่าเป็นท่าข้าว หรือยุ้งฉางข้าวก็ว่าได้
จากภาพด้านบน มีสะพานจันทร์สม ด้านขวาของภาพจะเป็น "บ้านทองอยู่" ด้านซ้ายของภาพจะเป็น "บ้านจีนอินทร์" (ในอดีต) นั่นเอง
เอกสารสำคัญที่ระบุว่า ในอดีตบ้านทองอยู่เป็นท่าข้าว หรือ "ยุ้งฉาง" ก็คือ
..........บ้านทองอยู่ถูกสร้างขึ้นแทนที่ห้องแถวไม้เดิมโดยคุณปู่ "ทองอยู่ ตียาภรณ์" เพื่อรองรับครอบครัวที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
แล้วเสร็จและเข้าอยู่ในปี พ.ศ. 2474 ปลายรัชสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 7 ขณะที่พระราชอาณาจักรยังอยู่ภายใต้การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
และเจ้าหลวงพระองค์สุดท้ายของนครเชียงใหม่ เจ้าแก้วนวรัฐยังทรงพระชนม์อยู่
ทั้งได้ประทานพระสาทิสลักษณ์พร้อมพระลิขิตระบุมอบให้แก่คุณปู่ทองอยู่และคุณย่ากิมเหรียญ เนื่องในวาระขึ้นบ้านใหม่
..........คุณอาตระการ ตียาภรณ์ ลูกคนที่ 4 ของคุณปู่เล่าว่า ครั้งวัยเด็ก บ้านเพิ่งสร้างเสร็จไม่กี่ปี ตัวบ้านกว้างใหญ่กว่าปัจจุบันมาก
มียกพื้นชานเรือนแผ่ออกไปต่อเชื่อมกับห้องต่าง ๆ กินพื้นที่กว่า 2 ถึง 3 เท่าของตัวบ้านไม้ที่เห็นปรากฏในปัจจุบัน
เช่นเดียวกับแม่น้ำปิงที่กว้างถึงหน้าคุ้มเจ้าหลวงที่ฝั่งโน้นและเกือบจรดบันไดลงเรือนหลังบ้านที่ฝั่งนี้
โดยมีเกาะกลางน้ำเป็นสมรภูมิระหว่างจิ๊กโก๋คุ้มเจ้าหลวง กับจิ๊กโก๋วัดเกต
นำโดยคุณอาตระการเอง (ฉายาอ้ายยักษ์) ที่หลังจากตะโกนท้าทายกันจนได้ที่แล้ว ต่างฝ่ายก็จะว่ายน้ำไปตกลงด้วยกำลัง ณ เกาะกลางนี้เป็นกิจวัตร
หนึ่งในเพื่อนสนิทในวัยเรียนของคุณอาตระการที่ชอบมากินมานอนขลุกอยู่ที่บ้านนี้เป็นประจำระหว่างปิดภาคเรียน คือ ม.ล.ทวีสันต์ ลดาวัลย์ อดีตราชเลขาธิการ
..........ครั้งหนึ่งในวัยเด็ก ผู้เป็นเจ้าของบ้านในปัจจุบัน ประมาณปี พ.ศ.2510 ระหว่างปิดเทอมใหญ่ในหน้าแล้ง
คุณพ่ออารักษ์พามากราบเยี่ยมคุณปู่และได้พาลงเล่นน้ำปิงหลังบ้านที่ยังใสไหลเย็นน่าดำผุดดำว่าย ท้องน้ำเต็มไปด้วยหินแม่น้ำมนกลม ลื่นเท้า ไม่มีอันตราย
..........คุณปู่ทองอยู่สืบทอดความเป็นพ่อค้าเชื้อสายจีนจากบรรพบุรุษตระกูลแซ่เตีย ที่ไม่ค่อยใช้วัฒนธรรมประเพณีแบบจีนสักเท่าใดแล้ว
นอกจากเพื่อความสะดวกในการค้า เช่น การใช้ยี่ห้อและป้ายชื่อกิจการแบบจีนว่า "หย่งเชียง" (ที่ยังคงแขวนไว้เหนือประตูหน้า)
คุณปู่กลับดูเป็นชาวล้านนาที่ทันสมัยมากกว่า ดังเห็นได้จากรูปลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของบ้านที่ผสมผสานทั้ง 3 วัฒนธรรม เช่น
..........การลบมุมเสาตามหลักฮวงจุ้ยแบบจีน ฝาไหลกับหน้าต่างเตี้ยสำหรับผู้นิยมนั่งพื้นในแบบล้านนาดั้งเดิมในชั้นบน
แต่รูปทรงบ้าน 2 ชั้นและหน้าต่างสูงสำหรับการนั่งเก้าอี้ในชั้นล่างพร้อมเคาเตอร์แบบฝรั่ง แสดงความเป็นบ้านแบบตะวันตกอยู่ไม่น้อย
การผสมผสานนี้ลงตัวกับนิสัยการรับประทานของคุณปู่ที่ชอบทานอาหารเช้าแบบฝรั่ง (มีตัวอย่างกล่องเนยกระป๋องจากยุคนั้นให้เห็นอยู่)
อาหารกลางวันในแบบล้านนา และอาหารเย็นเป็นข้าวต้มแบบชาวจีน
..........คุณพ่อของคุณปู่มีชื่อเป็นทางการตามประเพณีจีนอย่างหรูหราว่า จีนกี กีเซ็งเฮง ดังจารึกไว้ที่กู่บรรจุอัฐิขนาดใหญ่ที่วัดฝายหิน
ท่านเป็นบุตรของเล่าก๋งเตียบู๊เซ้ง ผู้นำชุมชนพ่อค้าจีน ณ เวลานั้นซึ่งอยู่ในรัชสมัยของแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวง
เล่าก๋งเตียบู๊เซ้งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับราชสำนักเชียงใหม่ ดังจะเห็นได้จากลูกสะใภ้ที่เป็นบุตรีของพญาแสนภักดี ต้นตระกูลภักดี
และเจ้าหม่อมสีมอย เจ้านายฝ่ายเหนือผู้เป็นที่เคารพนับถือของชุมชนชาวเชียงแสน
ด้วยเหตุนี้เล่าก๋งเตียบู๊เซ้งจึงสนิทสนมกับพญาผาบ แม่ทัพเชียงใหม่ผู้นำกบฏต่อต้านการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองเชียงใหม่จากที่เป็นประเทศราชมีอำนาจปกครองตนเอง
มาเป็นมณฑลพายัพอันเป็นการรวมอำนาจสู่ส่วนกลาง เป็นเหตุให้ชุมชนวัดเกตและเมืองเชียงใหม่ถูกทิ้งเกือบร้างจากความกลัวภัยสงครามและกองทัพของพญาผาบ
หากเล่าก๋งเป็นผู้หนึ่งที่ไม่ยอมอพยพ ด้วยถือว่ามีความใกล้ชิดสนิทสนมกับราชสำนักเชียงใหม่และพญาผาบ แสดงถึงความเป็นเสาหลักของชุมชนของเล่าก๋งบู๊เซ้ง
..........ย่าทวดบัวจี๋ คุณแม่ของคุณปู่ บุตรีเจ้าหม่อนสีมอย มีน้องสาวชื่อย่าทวดขันแก้ว ซึ่งมีลูกสาว 3 กับสามีชาวสก๊อต
ลูกคนกลางหรือป้ากลาง (คอนนี มังสเกา) เป็นยายของดาราสาวชื่อดัง ลินดา ครอส
ในขณะที่ป้ากลางมีชีวประวัติอันลึกลับโลดโผนด้วยเคยทำหน้าที่เป็นสายลับให้รัฐบาลไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ท่านเคยถูกทหารญี่ปุ่นจับไปสอบสวนระหว่างปฏิบัติภารกิจในไซ่ง่อน ถูกกักกันไว้ถึง 3 วัน กว่ารัฐบาลไทยจะสามารถประสานให้ปล่อยตัวได้
ท่านมีความสนิทสนมกับ จิม ทอมสัน ผู้โด่งดัง หนึ่งในผู้ก่อตั้งเครือข่ายสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาที่กลายมาเป็นซีไอเอในปัจจุบัน
ป้ากลางได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ที่ จิม ทอมสัน หายตัวที่คาเมรอนไฮแลนด์ของมาเลเซียด้วย
..........คุณปู่สนับสนุนให้ลูก ๆ เรียนดีที่สุดและสูงที่สุด 4 ท่านจบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 ใน 4 จบปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกา
ลูก ๆ ของคุณปู่อาจเรียกได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของชาวเชียงใหม่ ด้วยความสำเร็จทั้งในหน้าที่การงานและสถานะทางสังคม
เช่นดำรงตำแหน่ง รองผู้ว่าการ การไฟฟ้านครหลวง ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อธิบดีกรมเจ้าท่า และรองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นต้น
..........บ้านทองอยู่จึงเป็นทั้งหลักฐานและชิ้นส่วนที่ยังมีชีวิตของประวัติศาสตร์นครเชียงใหม่ในยุคสมัยแห่งความเปลี่ยนแปลง
ที่จะคงอยู่ต่อไปเพื่อความภาคภูมิร่วมกันมิใช่เพียงแค่ของเหล่าสมาชิกในสกุลตียาภารณ์ หรือชุมชนวัดเกตแห่งนี้เท่านั้น หากเป็นของชาวเชียงใหม่ทั้งหมด
ณ เวลาปัจจุบันนี้ "บ้านทองอยู่" เปลี่ยนแปลงไปมาก มีการปรับเปลี่ยนหลายช่วงเวลา มาเป็น ที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว และมีร้านอาหาร
เราจะพาชม "ข้านทองอยู่" ในปัจจุบันกันครับ
เชียงใหม่-ยุ้งฉางข้าวข้างสะพานจันทร์สม ตรงข้ามประตูวัดเกตการาม ในอดีต (บ้านทองอยู่ ในปัจจุบัน)
ซึ่งมีสะพานจันทร์สม คั่นระหว่างบ้าน เลขที่ 89 ซึ่งเป็นอดีตบ้านของ "จีนอินทร์" ซิ้มกิมฮั่วเซ้ง และแม่จีบภริยา
ผู้สร้างอาคารโรงเรียนนักธรรมวัดสระเกษหรือวัดเกตการาม แต่เดิมถือว่าเป็นท่าข้าว หรือยุ้งฉางข้าวก็ว่าได้
จากภาพด้านบน มีสะพานจันทร์สม ด้านขวาของภาพจะเป็น "บ้านทองอยู่" ด้านซ้ายของภาพจะเป็น "บ้านจีนอินทร์" (ในอดีต) นั่นเอง
เอกสารสำคัญที่ระบุว่า ในอดีตบ้านทองอยู่เป็นท่าข้าว หรือ "ยุ้งฉาง" ก็คือ
..........บ้านทองอยู่ถูกสร้างขึ้นแทนที่ห้องแถวไม้เดิมโดยคุณปู่ "ทองอยู่ ตียาภรณ์" เพื่อรองรับครอบครัวที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
แล้วเสร็จและเข้าอยู่ในปี พ.ศ. 2474 ปลายรัชสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 7 ขณะที่พระราชอาณาจักรยังอยู่ภายใต้การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
และเจ้าหลวงพระองค์สุดท้ายของนครเชียงใหม่ เจ้าแก้วนวรัฐยังทรงพระชนม์อยู่
ทั้งได้ประทานพระสาทิสลักษณ์พร้อมพระลิขิตระบุมอบให้แก่คุณปู่ทองอยู่และคุณย่ากิมเหรียญ เนื่องในวาระขึ้นบ้านใหม่
..........คุณอาตระการ ตียาภรณ์ ลูกคนที่ 4 ของคุณปู่เล่าว่า ครั้งวัยเด็ก บ้านเพิ่งสร้างเสร็จไม่กี่ปี ตัวบ้านกว้างใหญ่กว่าปัจจุบันมาก
มียกพื้นชานเรือนแผ่ออกไปต่อเชื่อมกับห้องต่าง ๆ กินพื้นที่กว่า 2 ถึง 3 เท่าของตัวบ้านไม้ที่เห็นปรากฏในปัจจุบัน
เช่นเดียวกับแม่น้ำปิงที่กว้างถึงหน้าคุ้มเจ้าหลวงที่ฝั่งโน้นและเกือบจรดบันไดลงเรือนหลังบ้านที่ฝั่งนี้
โดยมีเกาะกลางน้ำเป็นสมรภูมิระหว่างจิ๊กโก๋คุ้มเจ้าหลวง กับจิ๊กโก๋วัดเกต
นำโดยคุณอาตระการเอง (ฉายาอ้ายยักษ์) ที่หลังจากตะโกนท้าทายกันจนได้ที่แล้ว ต่างฝ่ายก็จะว่ายน้ำไปตกลงด้วยกำลัง ณ เกาะกลางนี้เป็นกิจวัตร
หนึ่งในเพื่อนสนิทในวัยเรียนของคุณอาตระการที่ชอบมากินมานอนขลุกอยู่ที่บ้านนี้เป็นประจำระหว่างปิดภาคเรียน คือ ม.ล.ทวีสันต์ ลดาวัลย์ อดีตราชเลขาธิการ
..........ครั้งหนึ่งในวัยเด็ก ผู้เป็นเจ้าของบ้านในปัจจุบัน ประมาณปี พ.ศ.2510 ระหว่างปิดเทอมใหญ่ในหน้าแล้ง
คุณพ่ออารักษ์พามากราบเยี่ยมคุณปู่และได้พาลงเล่นน้ำปิงหลังบ้านที่ยังใสไหลเย็นน่าดำผุดดำว่าย ท้องน้ำเต็มไปด้วยหินแม่น้ำมนกลม ลื่นเท้า ไม่มีอันตราย
..........คุณปู่ทองอยู่สืบทอดความเป็นพ่อค้าเชื้อสายจีนจากบรรพบุรุษตระกูลแซ่เตีย ที่ไม่ค่อยใช้วัฒนธรรมประเพณีแบบจีนสักเท่าใดแล้ว
นอกจากเพื่อความสะดวกในการค้า เช่น การใช้ยี่ห้อและป้ายชื่อกิจการแบบจีนว่า "หย่งเชียง" (ที่ยังคงแขวนไว้เหนือประตูหน้า)
คุณปู่กลับดูเป็นชาวล้านนาที่ทันสมัยมากกว่า ดังเห็นได้จากรูปลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของบ้านที่ผสมผสานทั้ง 3 วัฒนธรรม เช่น
..........การลบมุมเสาตามหลักฮวงจุ้ยแบบจีน ฝาไหลกับหน้าต่างเตี้ยสำหรับผู้นิยมนั่งพื้นในแบบล้านนาดั้งเดิมในชั้นบน
แต่รูปทรงบ้าน 2 ชั้นและหน้าต่างสูงสำหรับการนั่งเก้าอี้ในชั้นล่างพร้อมเคาเตอร์แบบฝรั่ง แสดงความเป็นบ้านแบบตะวันตกอยู่ไม่น้อย
การผสมผสานนี้ลงตัวกับนิสัยการรับประทานของคุณปู่ที่ชอบทานอาหารเช้าแบบฝรั่ง (มีตัวอย่างกล่องเนยกระป๋องจากยุคนั้นให้เห็นอยู่)
อาหารกลางวันในแบบล้านนา และอาหารเย็นเป็นข้าวต้มแบบชาวจีน
..........คุณพ่อของคุณปู่มีชื่อเป็นทางการตามประเพณีจีนอย่างหรูหราว่า จีนกี กีเซ็งเฮง ดังจารึกไว้ที่กู่บรรจุอัฐิขนาดใหญ่ที่วัดฝายหิน
ท่านเป็นบุตรของเล่าก๋งเตียบู๊เซ้ง ผู้นำชุมชนพ่อค้าจีน ณ เวลานั้นซึ่งอยู่ในรัชสมัยของแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวง
เล่าก๋งเตียบู๊เซ้งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับราชสำนักเชียงใหม่ ดังจะเห็นได้จากลูกสะใภ้ที่เป็นบุตรีของพญาแสนภักดี ต้นตระกูลภักดี
และเจ้าหม่อมสีมอย เจ้านายฝ่ายเหนือผู้เป็นที่เคารพนับถือของชุมชนชาวเชียงแสน
ด้วยเหตุนี้เล่าก๋งเตียบู๊เซ้งจึงสนิทสนมกับพญาผาบ แม่ทัพเชียงใหม่ผู้นำกบฏต่อต้านการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองเชียงใหม่จากที่เป็นประเทศราชมีอำนาจปกครองตนเอง
มาเป็นมณฑลพายัพอันเป็นการรวมอำนาจสู่ส่วนกลาง เป็นเหตุให้ชุมชนวัดเกตและเมืองเชียงใหม่ถูกทิ้งเกือบร้างจากความกลัวภัยสงครามและกองทัพของพญาผาบ
หากเล่าก๋งเป็นผู้หนึ่งที่ไม่ยอมอพยพ ด้วยถือว่ามีความใกล้ชิดสนิทสนมกับราชสำนักเชียงใหม่และพญาผาบ แสดงถึงความเป็นเสาหลักของชุมชนของเล่าก๋งบู๊เซ้ง
..........ย่าทวดบัวจี๋ คุณแม่ของคุณปู่ บุตรีเจ้าหม่อนสีมอย มีน้องสาวชื่อย่าทวดขันแก้ว ซึ่งมีลูกสาว 3 กับสามีชาวสก๊อต
ลูกคนกลางหรือป้ากลาง (คอนนี มังสเกา) เป็นยายของดาราสาวชื่อดัง ลินดา ครอส
ในขณะที่ป้ากลางมีชีวประวัติอันลึกลับโลดโผนด้วยเคยทำหน้าที่เป็นสายลับให้รัฐบาลไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ท่านเคยถูกทหารญี่ปุ่นจับไปสอบสวนระหว่างปฏิบัติภารกิจในไซ่ง่อน ถูกกักกันไว้ถึง 3 วัน กว่ารัฐบาลไทยจะสามารถประสานให้ปล่อยตัวได้
ท่านมีความสนิทสนมกับ จิม ทอมสัน ผู้โด่งดัง หนึ่งในผู้ก่อตั้งเครือข่ายสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาที่กลายมาเป็นซีไอเอในปัจจุบัน
ป้ากลางได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ที่ จิม ทอมสัน หายตัวที่คาเมรอนไฮแลนด์ของมาเลเซียด้วย
..........คุณปู่สนับสนุนให้ลูก ๆ เรียนดีที่สุดและสูงที่สุด 4 ท่านจบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 ใน 4 จบปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกา
ลูก ๆ ของคุณปู่อาจเรียกได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของชาวเชียงใหม่ ด้วยความสำเร็จทั้งในหน้าที่การงานและสถานะทางสังคม
เช่นดำรงตำแหน่ง รองผู้ว่าการ การไฟฟ้านครหลวง ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อธิบดีกรมเจ้าท่า และรองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นต้น
..........บ้านทองอยู่จึงเป็นทั้งหลักฐานและชิ้นส่วนที่ยังมีชีวิตของประวัติศาสตร์นครเชียงใหม่ในยุคสมัยแห่งความเปลี่ยนแปลง
ที่จะคงอยู่ต่อไปเพื่อความภาคภูมิร่วมกันมิใช่เพียงแค่ของเหล่าสมาชิกในสกุลตียาภารณ์ หรือชุมชนวัดเกตแห่งนี้เท่านั้น หากเป็นของชาวเชียงใหม่ทั้งหมด
ณ เวลาปัจจุบันนี้ "บ้านทองอยู่" เปลี่ยนแปลงไปมาก มีการปรับเปลี่ยนหลายช่วงเวลา มาเป็น ที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว และมีร้านอาหาร
เราจะพาชม "ข้านทองอยู่" ในปัจจุบันกันครับ