สิงคโปร์แหวกแนว เลิกล็อกดาวน์ เลิกนับเคส เตรียมเปิดเศรษฐกิจ
วันที่ 30 มิ.ย. 2564 เวลา 18:30 น.
สิงคโปร์เปลี่ยนแผนรับมือ Covid-19 จากที่คุมสุดเข้ม หันมาป้องกันไวรัสระบาด ระดมฉีดวัคซีนเลิก เลิกนับตัวเลขคนติดเชื้อ เตรียมกลับไปใช้ชีวิตปกติ
ในขณะที่ประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกอื่นๆ ต้องกลับมาใช้มาตรการคุมเข้ม Covid-19 กันอีกครั้ง เพื่อสกัดการแพร่กระจายของเชื้อสายพันธุ์เดลตาตัวร้าย แต่สิงคโปร์กลับสวนทางด้วยการเตรียมแผนเปิดประเทศเพื่อกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
ก่อนหน้านี้สิงโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้มาตรการสกัด Covid-19 เข้มงวดที่สุดประเทศหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นห้ามรับประทานอาหารในร้านอาหาร และให้พนักงานทำงานจากบ้าน ห้ามรวมกลุ่มกันเกิน 2 คนจากเดิมกำหนดไว้ที่ 5 คน ปิดยิม
ไปจนถึงห้ามบุคคลที่ไม่ใช่ผู้โดยสารเข้าไปในอาคารโดยสารของสนามบิน และปิดห้างสรรพสินค้าในบริเวณใกล้เคียงเพื่อทำการตรวจหาเชื้อพนักงานราว 9,000 คนหลังพบผู้ติดเชื้อที่สนามบินเมื่อเดือน พ.ค.
เรียกว่าทำทุกวิธีเพื่อให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็น 0 ให้ได้เหมือนที่หลายประเทศพยายามทำอยู่
ทว่าวันนี้ โรดแม็พการรับมือ Covid-19 ของสิงคโปร์ที่เสนอโดยกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยหลังจากนี้จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ ยกเลิกการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว อนุญาตให้รวมตัวกันกลุ่มใหญ่ หรือแม้กระทั่งยกเลิกการนับจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน
แม้ว่าโมเดลคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อให้เป็น 0 จะช่วยให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อของสิงคโปร์ไม่สูงนักก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้สิงคโปร์มองว่าโมเดลนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ อีกทั้งวิธีนี้ยังไม่ยั่งยืนในระยะยาว และยังเสี่ยงที่สิงคโปร์ในฐานะฮับด้านการค้าขายจะตามไม่ทันเมืองศูนย์กลางด้านการเงินอื่นที่เริ่มเปิดประเทศแล้วอย่างฮ่องกง นิวยอร์ก
ดังนั้นสิงคโปร์จึงเปลี่ยนแนวทางมาอยู่ร่วมกับ Covid-19 แทน โดย Gan Kim Yong รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์, Lawrence Wong รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และ Ong Ye Kung รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุในบทความพิเศษของ The Straits Times ว่า “ข่าวร้ายคือ Covid-19 อาจไม่หายไป ข่าวดีคือเราใช้ชีวิตตามปกติกับมันได้”
จะทำอะไรบ้าง
ตามโรดแม็พใหม่ซึ่งตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า Covid-19 จะอยู่อีกหลายปี สิงคโปร์จะหันมาให้ความสำคัญกับ.....👇👇👇👇👇
👉การป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย
👉ระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชน
👉เริ่มกระบวนการที่จะนำมาสู่การกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
👉เปลี่ยนมารายงานเฉพาะตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงหรือต้องเข้า ICU แทน
👉ให้ผู้ติดเชื้อรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เพื่อไม่ให้ระบบสาธารณสุขท่วมท้นเกินไป
👉ตรวจหา Covid-19 เฉพาะเหตุการณ์สำคัญ อาทิ อีเว้นต์ใหญ่ ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ แทนการตรวจหาเชื้อและกักตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย โดยอาจใช้วิธีตรวจด้วยลมหายใจซึ่งทราบผลภายใน 1-2 นาที แทนการตรวจแบบ PCR tests ที่ต้องรอผลนาน
👉ขอความร่วมมือประชาชนมีความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น รักษาสุขอนามัย หลีกเลี่ยงที่ที่คนเยอะหากไม่สบาย
👉วางแผนวัคซีนล่วงหน้าหลายๆ ปี เนื่องจากในอนาคตอาจต้องฉีดวัคซีนกระตุ้น
สำหรับการระดมฉีดวัคซีนนั้น นอกจากจะเปิดให้ผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองสิงคโปร์ลงทะเบียนฉีดวัคซีนแล้ว ทางการยังลดระยะเวลาการฉีดวัควีนระหว่างเข็มแรกกับเข็มสองจาก 6-8 สัปดาห์ เหลือ 4 สัปดาห์
ทั้งนี้ จนถึงวันที่ 29 มิ.ย. ชาวสิงคโปร์กว่า 57% ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม ขณะที่ 36.8% ได้รับครบทั้งสองเข็มแล้ว
Photo by Roslan RAHMAN / AFP
https://www.posttoday.com/wor
สิงคโปร์ฉีดวัคซีนแล้วครอบคลุมประชากรมากที่สุดในอาเซียน
มีประชากรประมาณ 5.7 ล้านคน
ช่างน้อยมากๆเมื่อเทียบกับไทยที่มีประชากรประมาณ 70 ล้านคน
สิงคโปร์จะไม่ล็อกดาวน์ จะไม่นับคนติดเชื้อแล้ว จะเปิดด้านเศรษฐกิจ
สำหรับไทยเริ่มแล้วที่ ภูเก็ต รัฐบาลไทยไม่ช้าเหมือนกันนะคะ
ติดตามนโยบายนี้ของสิงคโปร์กันค่ะ ว่าจะนำร่องประเทศในอาเซียนได้หรือไม่
สู้ๆค่ะ
⏹มาลาริน/น่าสนใจไหมคะ...สิงคโปร์แหวกแนว เลิกล็อกดาวน์ เลิกนับเคส เตรียมเปิดเศรษฐกิจ
วันที่ 30 มิ.ย. 2564 เวลา 18:30 น.
สิงคโปร์เปลี่ยนแผนรับมือ Covid-19 จากที่คุมสุดเข้ม หันมาป้องกันไวรัสระบาด ระดมฉีดวัคซีนเลิก เลิกนับตัวเลขคนติดเชื้อ เตรียมกลับไปใช้ชีวิตปกติ
ในขณะที่ประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกอื่นๆ ต้องกลับมาใช้มาตรการคุมเข้ม Covid-19 กันอีกครั้ง เพื่อสกัดการแพร่กระจายของเชื้อสายพันธุ์เดลตาตัวร้าย แต่สิงคโปร์กลับสวนทางด้วยการเตรียมแผนเปิดประเทศเพื่อกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
ก่อนหน้านี้สิงโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้มาตรการสกัด Covid-19 เข้มงวดที่สุดประเทศหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นห้ามรับประทานอาหารในร้านอาหาร และให้พนักงานทำงานจากบ้าน ห้ามรวมกลุ่มกันเกิน 2 คนจากเดิมกำหนดไว้ที่ 5 คน ปิดยิม
ไปจนถึงห้ามบุคคลที่ไม่ใช่ผู้โดยสารเข้าไปในอาคารโดยสารของสนามบิน และปิดห้างสรรพสินค้าในบริเวณใกล้เคียงเพื่อทำการตรวจหาเชื้อพนักงานราว 9,000 คนหลังพบผู้ติดเชื้อที่สนามบินเมื่อเดือน พ.ค.
เรียกว่าทำทุกวิธีเพื่อให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็น 0 ให้ได้เหมือนที่หลายประเทศพยายามทำอยู่
ทว่าวันนี้ โรดแม็พการรับมือ Covid-19 ของสิงคโปร์ที่เสนอโดยกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยหลังจากนี้จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ ยกเลิกการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว อนุญาตให้รวมตัวกันกลุ่มใหญ่ หรือแม้กระทั่งยกเลิกการนับจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน
แม้ว่าโมเดลคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อให้เป็น 0 จะช่วยให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อของสิงคโปร์ไม่สูงนักก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้สิงคโปร์มองว่าโมเดลนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ อีกทั้งวิธีนี้ยังไม่ยั่งยืนในระยะยาว และยังเสี่ยงที่สิงคโปร์ในฐานะฮับด้านการค้าขายจะตามไม่ทันเมืองศูนย์กลางด้านการเงินอื่นที่เริ่มเปิดประเทศแล้วอย่างฮ่องกง นิวยอร์ก
ดังนั้นสิงคโปร์จึงเปลี่ยนแนวทางมาอยู่ร่วมกับ Covid-19 แทน โดย Gan Kim Yong รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์, Lawrence Wong รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และ Ong Ye Kung รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุในบทความพิเศษของ The Straits Times ว่า “ข่าวร้ายคือ Covid-19 อาจไม่หายไป ข่าวดีคือเราใช้ชีวิตตามปกติกับมันได้”
จะทำอะไรบ้าง
ตามโรดแม็พใหม่ซึ่งตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า Covid-19 จะอยู่อีกหลายปี สิงคโปร์จะหันมาให้ความสำคัญกับ.....👇👇👇👇👇
👉การป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย
👉ระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชน
👉เริ่มกระบวนการที่จะนำมาสู่การกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
👉เปลี่ยนมารายงานเฉพาะตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงหรือต้องเข้า ICU แทน
👉ให้ผู้ติดเชื้อรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เพื่อไม่ให้ระบบสาธารณสุขท่วมท้นเกินไป
👉ตรวจหา Covid-19 เฉพาะเหตุการณ์สำคัญ อาทิ อีเว้นต์ใหญ่ ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ แทนการตรวจหาเชื้อและกักตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย โดยอาจใช้วิธีตรวจด้วยลมหายใจซึ่งทราบผลภายใน 1-2 นาที แทนการตรวจแบบ PCR tests ที่ต้องรอผลนาน
👉ขอความร่วมมือประชาชนมีความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น รักษาสุขอนามัย หลีกเลี่ยงที่ที่คนเยอะหากไม่สบาย
👉วางแผนวัคซีนล่วงหน้าหลายๆ ปี เนื่องจากในอนาคตอาจต้องฉีดวัคซีนกระตุ้น
สำหรับการระดมฉีดวัคซีนนั้น นอกจากจะเปิดให้ผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองสิงคโปร์ลงทะเบียนฉีดวัคซีนแล้ว ทางการยังลดระยะเวลาการฉีดวัควีนระหว่างเข็มแรกกับเข็มสองจาก 6-8 สัปดาห์ เหลือ 4 สัปดาห์
ทั้งนี้ จนถึงวันที่ 29 มิ.ย. ชาวสิงคโปร์กว่า 57% ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม ขณะที่ 36.8% ได้รับครบทั้งสองเข็มแล้ว
Photo by Roslan RAHMAN / AFP
https://www.posttoday.com/wor
สิงคโปร์ฉีดวัคซีนแล้วครอบคลุมประชากรมากที่สุดในอาเซียน
มีประชากรประมาณ 5.7 ล้านคน
ช่างน้อยมากๆเมื่อเทียบกับไทยที่มีประชากรประมาณ 70 ล้านคน
สิงคโปร์จะไม่ล็อกดาวน์ จะไม่นับคนติดเชื้อแล้ว จะเปิดด้านเศรษฐกิจ
สำหรับไทยเริ่มแล้วที่ ภูเก็ต รัฐบาลไทยไม่ช้าเหมือนกันนะคะ
ติดตามนโยบายนี้ของสิงคโปร์กันค่ะ ว่าจะนำร่องประเทศในอาเซียนได้หรือไม่
สู้ๆค่ะ