ความเป็นลุง กับรักใหม่

ความรักของลุงคนนี้ได้เริ่มต้นหลังจากวันเกิดเพียง 1 วัน ที่จริง ตาลุงรู้จักเขามาได้ 1 ปีแล้ว สาวน้อยคนนี้ได้ทัก facebook มาเพื่อขอซื้อผลิตภัณฑ์ของเรามันน่าแปลกมากเพราะเป็นหญิงสาวนี่แหละ  เอาง่ายๆคิดย้อนกลับไปเหมือนฟ้าประทานมานั่นแหละ  
       เรื่องมีอยู่ว่าตัวลุงนั้นเป็นพนักงานบริษัทเอกชน ก็มีวิธีการหารายได้พิเศษโดยการขายผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถ   น้องผู้หญิงคนนึงหน้าตาน่ารักได้แอด facebook เข้ามาขอเป็นเพื่อนเพื่อที่จะขอซื้อผลิตภัณฑ์เคลือบสี  น้องเขาก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าดูมาจากไหนแต่เห็นชื่อเราเขาก็แอด facebook มา  เป็นการซื้อขายกันแบบงงๆ ปกติสินค้าเราต้องไปทดสอบให้ลูกค้าดูเพราะกลัวเขาใช้ไม่ถูกต้องมันพิเศษตรงที่ว่าราคาสูงกว่ายี่ห้ออื่นแต่เฉลี่ยการใช้โดยรวมแล้วประหยัดกว่า 3 เท่า  เป็นครั้งแรกที่ซื้อของขายของกันและนัดเจอกันทางแชท  เราก็ให้น้องมารับสินค้าในที่ทำงานเราเพราะน้องเขาอยู่ไม่ไกล พอถึงวันนัดเจอปรากฏว่าตัวจริงน้องเขาหน้าตาน่ารัก  น้องเขาไม่ค่อยพูด
ออกจากหน้าบึ้งตึงเพราะเราให้น้องเข้ามารอในออฟฟิศมันจะได้ไม่ร้อน หลังจากนั้นเราก็เดินไปส่งน้องขึ้นบีทีเอสกลับบ้าน โดยที่เราไม่รู้เลยว่าน้องเขาไม่พอใจ  และที่สำคัญเค้าจำไม่ได้ด้วยว่าเรามาส่ง   จากนั้นเราก็กลับไปส่อง facebook ที่น้องเขาแอดมาปรากฏว่าเราไปเจอลูกผู้ชายชาวต่างชาติใน facebook เขาก็คิดว่าน่าจะเป็นแฟนนั่นแหละเลยไม่ได้คิดจะติดต่ออะไร
ผ่านไปประมาณครึ่งปี  น้องเขาก็ทักกลับมาอีกว่าจะสั่งซื้อสินค้าแต่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศเนื่องจากว่าของเก่าให้พ่อไปใช้แล้ว  ด้วยความที่ว่าน้องเขาเป็นคนน่ารักเราก็กลับไป ส่อง facebook   มันก็มีไม่กี่ภาพ เหมือนเป็นคนไม่ค่อยเล่น facebook   หลังจากนั้นเราก็ดูเขามาเป็นระยะ  จะว่าไปแล้วน้องเขาก็เป็นผู้หญิงที่ ตัวเล็กมั่นใจพูดภาษาอังกฤษได้ ตามแบบที่เราต้องการเลยแหละ  ทำให้เราชอบมาก
      
        คราวนี้น้องเขามาสั่งซื้อของอีกรอบ รอบนี้เราไม่ได้อยู่สาขาเดิมแล้ว จึงต้องขอที่อยู่เพื่อที่จะจัดส่งให้น้องเขา นั่นแหละครับ  ได้ที่อยู่และเบอร์โทรมา ก็ส่งของให้น้องเขาตามปกติ  เราก็ส่อง facebook น้องเขาอยู่ ปรากฏว่าไม่มีรูปผู้ชายชาวต่างชาติคนนั้นแล้ว  แบบว่าคิดเข้าข้างตัวเองนะ  หลังจากส่งของให้ เราก็รู้ว่าเป็นวันเกิดจึงอยากจะให้อะไรพิเศษ เช่นบัตรหนัง 2 ใบ แล้วบอกน้องเขาว่าเอาไว้ดูกับแฟน ตอนนั้นก็ลุ้นอยู่นะว่าคำตอบที่ได้จะเป็นอย่างไร  น้องเขาตอบแบบบ่ายเบี่ยงซึ่งในคำตอบนั้นทำให้เรารู้ว่าน้องเขาไม่มีใคร  เดินเกมรุกสิครับ เรามองเขามาตั้งปีนิ  ได้พูดไม่ถึง 10 คำ  ตอนนี้โอกาสมาแล้ว
เราหาทุกวิถีทางที่จะได้คุยกับเขาโดยไม่ให้เขารู้ตัวว่าเราสนใจเขามาก  ที่จริงก็อยากจะคุยทุกวันนะแต่มันทำแบบนั้นไม่ได้  จึงเว้นระยะห่างบ้าง ตัวเราเองก็ไม่มีใคร  เหมือนโชคชะตาเข้าข้าง เราไปถามน้องเขาว่า wax ใช้ดีไหม  ได้คำตอบมาว่าเพิ่งใช้ไปครั้งเดียวเองน้ำยาเหลือครึ่งขวด และสีรถมันมาก  มันเป็นการใช้ที่ผิดวิธี  แล้วเราต้องการที่จะแก้ไขงานให้น้อง จึงได้นัดเจอที่ทำงานเก่า เพื่อที่จะได้เจอน้องอีกครั้ง  และแก้ไขรถให้น้องและกู้หน้าผลิตภัณฑ์ของเราด้วย
       ก่อนเรามาเจอน้องเราก็ไปฟิตเนสอาบน้ำให้สะอาดทำให้หน้าตาสดชื่น  เตรียมตัวเหมือนจะไปเดทเลย แล้วก็ซื้อหมอนซุกผ้าห่มติดมาด้วย  พอถึงเวลานัด ก็มาเจอกันที่รถเราเพิ่งอาบน้ำมาหน้าตาสดชื่นน้ำหอมฟุ้งหน้าขาวเลย น้องเขายังน่ารักเหมือนเดิมเรามองเขาตั้งแต่ ปลายผมจดปลายเท้า ประทับใจมาก  แล้วเราก็มาแก้งานสีรถน้องเขาให้เรียบร้อยเงาแว๊บ  ระหว่างนั้นเราก็เติมน้ำยาคืนให้น้องเต็มขวดเหมือนชดเชยที่น้องใช้ผิดวิธี  ระหว่างที่สนทนากันนั้นน้องเขาก็มาตีแขนเรามันรู้สึกได้เลยว่าเหมือนเราเคยรู้จักกันมานานแล้ว
เราก็ให้หมอนซุกผ้าห่มกับน้องเข้าไป เขาก็รับไว้ด้วยความงงๆ  วันนี้เองถือเป็นจุดเริ่มต้นของความรักที่เกิดขึ้น
       หลังจากนั้นเราก็พยายามติดต่อน้องเขาตลอด  เรามี connection มากมายได้บัตรคอนเสิร์ตมาบ่อยๆ บัตรชิมไวน์  ก็ติดต่อจะให้น้องเพื่อหาเรื่องที่จะเจอกันอีก  แต่น้องเขาก็ไม่ยอมเจอ  เราเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ตามตื๊อจะให้บัตรหนังกับน้องเขา  และขอเลี้ยงส้มตำ  เนื่องจากเห็นโพสว่าชอบทาน ส้มตำ  เราก็มีร้านเด็ดชื่อดังที่รู้จักน่าจะถูกใจน้องเค้า   เรานัดเจอน้องที่ ห้างแถวสุขุมวิท  สูตรเดิมครับเราอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยน้ำหอมฟุ้งเหมือนจะไปเดท  พอได้เจอน้อง สายตาของเราก็มองเขาตั้งแต่ปลายผมจดปลายเท้าน้องเขาน่ารักมากจริงๆ  สิ่งหนึ่งที่ประทับใจมากคือเขาใช้สรรพนามตัวแทนตัวเองว่าหนู  โคตรน่ารักเลยว่ะ  ตื่นเต้นมากนะ ไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้เลย  เหมือนวัยรุ่นอีกครั้งหนึ่ง แบบเพลง 14 อีกครั้งของพี่เสกโลโซ   เราก็จะพาน้องไปทานส้มตำอีกที่นึง ระหว่างที่จะขึ้นรถ
เราเปิดประตูให้น้องขึ้นไปนั่งประดุจเหมือนนายหญิง  เฉยเลย  นอกจากแม่แล้ว ก็เป็นน้องคนนี้แหละที่นั่งรถคันนี้     เรารู้สึกเกร็งมากเวลาอยู่กับน้องขับรถแบบตัวแข็งๆ หน้าก็อยากมอง แต่  ก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะสบตา   ทำเป็นเก๊กไว้ก่อน กลัวใจถ้าน้องรู้ว่าเราแอบชอบ   เค้าจะไม่โอเคหรือเปล่าขับรถไป ใจมันเต้นแรงตลอดทาง  พอถึงร้านส้มตำเราก็นั่งตรงข้ามกันน้องเขาให้รอสั่งให้เราก็มั่นใจว่าน่าจะถูกปาก  พออาหารมาเสิร์ฟเราสังเกตได้ทันทีว่าน้องเขาถามได้เหมือนแมวดมรู้เลยว่ากูพลาดแล้ว
ร้านชื่อดังแห่งยุคแต่วันนั้นทำอาหารได้กร่อยมาก
ระหว่างที่เราได้สนทนากันนั้น รู้สึกได้เลยว่าน้องเขามองเราเหมือนเพื่อนสาวเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราชอบเขา ที่จริงเราหาเรื่องพี่จะให้บัตรหนังสมนาคุณ เพื่อที่จะสร้างโอกาสได้พบปะพูดคุยกัน มันก็ได้ผลดีนะ  หลังจากนั้นเราก็พาน้องไปส่งบ้าน  หลังจากวันนั้นเราก็คุยกันทุกวันเรื่อยมา
เราเองก็พยายามพรีเซนต์ตัวเราว่าทำงานอะไรเอาเป็นว่าโชว์พาวหน่อยแล้วกันโดยที่เราไม่รู้เลยว่าน้องเขาทำงานระดับไหนแต่ดูเหมือนน้องเขาว่างทั้งวัน  เพราะอะไรนะเหรอ ก็น้องเขาทักเราตลอดทั้งวันเกือบทุกชั่วโมง  น้องก็สงสัยเราเหมือนกันว่าเราทำงานยังไง facebook ถึงออนตลอดเวลา นี่แสดงว่าเขาสนใจเราแล้วใช่ไหมแอบคิดเข้าข้างตัวเองแต่ก็บอกใครไม่ได้นั่งยิ้มบ้าบออยู่คนเดียว
      มีวันที่เราต้องกลับ ตจว.แบบ ไปเช้าเย็นกลับ เราก็บอกน้องไปตามปกติ ทุกครั้งที่จะไปไหน  มันคือหาเรื่องคุยแหละ   แต่คราวนี้ น้องเค้าบอกว่า เอาขนมมาฝากด้วย  เป็นคุณ จะเอามาฝากมั้ย
แน่นอนครับ เราเอาเค้ก มาฝาก  กว่าจะถึง กทม. ก็  จะ 23.00น. แล้ว เรารู้ว่าบ้านน้องเค้าอยู่ไหน  แต่ เราก็รอ ที่ปั๊ม หน้าปากซอยบ้าน  ปรากฎว่า น้องกลับดึก และไม่รู้ว่าเรา เอาขนมมาฝาก  นั่งรอไปสิ   พอน้องรู้ว่าเรารอ และกว่าจะเสร็จงานก็ อีกนาน  ก็เลยบอกเราให้กลับ  และเอาของฝากกลับไปด้วย ก็ไม่ได้นัดกันก่อน จะฝากไว้ที่หน้าหมู่บ้านก็ไม่รับ 555  เรา ชอบคำที่น้องบอก  ว่า " พี่ กลับบ้าน อย่าดื้อ "  คำนี้แหละ มัดใจเราอยู่เลย นี่แหละที่ต้องการ   กลับบ้านสิครับ ก่อนจะโดนบ่น
เราเองก็หาเรื่องคุยไปเรื่อยนะ พอดีมีช่วงจังหวะที่มีนกนางนวลมาที่บางปู  เราก็อยากชวนน้องเขาไปดูนก น้องเขาเป็นสาวภาคใต้  ไม่เคยเห็นนกนางนวลครับ  มันจะเข้าทางอะไรขนาดนั้นน้องเขาก็ตอบตกลงจะไปดูนกด้วย  เรางี้ดีใจแบบลิงโลดเลย  
      พอถึงวันนัดเราก็ไปรับน้องเขาเหมือนเดิมครับเป็นสุภาพบุรุษเปิดประตูให้  เขาเป็นคนเดียวที่ได้สิทธิ์นี้  ระหว่างทางเราก็นั่งตัวแข็งไปเรื่อย วันนั้นเราลืมทานลิปมันมาและปากเราแห้งมากเหมือนปากจะแตกแล้ว  รวบรวมความกล้าขอลิปสติกน้องเพื่อที่จะมาทาปากเรา  น้องเขาก็งงสิอยู่ดีๆมาขอทาลิปสติกจากสาวที่เพิ่งรู้จักกัน บังเอิญว่าน้องเขาพกแต่ลิปสีมาไม่มีลิปมัน เราก็ตอบทันทีเลยว่าได้ค่ะสีอะไรก็ได้ขอให้ปากไม่แห้งก็พอ ตัวกระผมนั้นก็ขับรถอยู่จึงขอให้น้องช่วยทาลิปให้  คุณพระคุณเจ้าจังหวะที่น้องเขาทาลิปสติกให้ตอนติดไฟแดงเราสวมวิญญาณพระเอกส่งสายตาจ้องมองน้องเขาตลอดหวังว่าน้องเขาจะสบตากลับ  ตอนทาลิปให้  แต่แล้วก็ฟิ่ว เพราะเขามองแต่ปากเรา  ไม่เป็นไรเราสร้างใหม่ได้พอขับรถถึงบางปูเราก็เอาร่มที่เตรียมมากางให้น้องเขาเพราะแดดค่อนข้างจะร้อน สุภาพบุรุษไหมล่ะ  เราเดินคู่กันดีใจมากที่ได้มีโอกาสใกล้ๆกันใจมันเต้นแรงตลอดเวลา  พอถึงจุดชมวิว เราสามารถให้อาหารนกได้โดยไม่อันตรายแต่น้องเขาก็กลัวว่านกจะจิกมือ ลังเลอยู่พักนึงสุดท้ายเราก็ไปซื้ออาหารมาให้น้องเขาป้อนนก  จังหวะที่น้องเขากำลังสนุกสนานกับการให้อาหารนกเราก็บันทึกวีดีโอถ่ายจากด้านหลังอย่าเก็บเป็นภาพความทรงจำการเที่ยวด้วยกันครั้งแรก  ถ่ายไปไม่เท่าไหร่น้องเขาก็มาเห็นแล้วก็ทำท่าจะตีเราเกาะเราไม่ได้ขออนุญาตเขานี่นา  ดูนกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง  เราก็กลับเพื่อที่จะไปหาอะไรทานเราก็ดูในสตอรี่ของน้องว่าชอบทานกุ้งจึงมุ่งเป้าไปร้านชื่อดังแถวทาวน์อินทาวน์  ระหว่างทางรถติดมากจึงเปลี่ยนแผน ไปหาอะไรกินแถวๆโรงหนัง จอดรถง่ายด้วย และดูหนังต่อได้เลยไม่เสียเวลา  พอถึงโรงหนังเราก็ต้องเดินไปร้านอาหารญี่ปุ่นในซอยใกล้ๆเราก็เดินบนพื้นเอียงแล้วคิดว่าน้องเขาจะต้องจับมือเราแต่ผิดคาดครับเรายื่นมือไปน้องเขาบอกไม่ต้องหน้าแหกไปเลย
พอถึงร้านอาหารแล้วก็สั่งอาหารตามปกติ  เราก็มีแอบถ่ายน้องเขาไว้ 3-4 รูป จากนั้นก็ไปดูหนังด้วยกันเรื่อง maleficent จองที่นั่งเบาะโซฟาเลยครับกะว่าต้องได้ใกล้ชิดกันสุดๆ  แล้วมันก็เป็นไปตามคาดครับ เป็นการดูหนังที่ตัวแข็งทื่อตลอดเวลา เรานั่งตัวเกร็งจนน้องเขาขำ พอหนังฉายไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมงน้องเขาก็ขยับมาใกล้ เราก็ไม่รู้ว่าน้องเขาชอบเราหรือเขาหนาวก็เลยมาพิงไหล่ ผมนี้ตัวแข็งทื่อเลยไม่กล้าแม้แต่จะจับมือกลัวน้องเขามองว่าเราฉวยโอกาส  สักพักเท่านั้นแหละ พอมือน้องเค้ามาใกล้ๆ  เราก็ค่อยๆสัมผัสมือ  ดูว่าน้องเค้าโอเคมั้ย  ตามคาดครับ  น้องจับมือกลับด้วย และเราได้กอดน้องด้วยนะ  เพราะกลัวน้องจะหนาว   เป็นการดูหนังที่มีความตื่นเต้นที่สุด และเรารู้ตัวเลยว่า เราเป็นคนที่เชยมากๆ  ก็ไม่เคยพบใครอายุน้อยกว่าตั้ง 9 ปี เหมือน แม่กับพ่อเราเลย  พอหนังจบ เราก็ เดินจับมือไปด้วยกันตลอดจนขึ้นรถ
ได้ไปส่งที่หน้าบ้าน   น้องเค้าอยู่บ้านหลังใหญ่ ราคาแพง พอถึงหน้าบ้าน น้องยังไม่ยอมลงจากรถ  ขอคุยต่อสักพัก เราได้เรียนรู้กันสั้นๆ แต่ความรู้สึกนั้น  เหมือนรู้จักกันมานานหลายปีจริงๆ
ก่อนจากกัน น้องขอ กอดเราในรถ 20 วินาที  ระหว่างที่น้องกอดนั้น เราก็กอดน้องกลับด้วย  รู้สึกได้ถึงความผูกพันธ์ลึกซึ้ง น้องบอกว่าเป็นการกอดทักทายแบบฝรั่ง แต่ ผมก็ไม่เชื่อหรอก  ก็เราคนไทยนี่นา  คิดเข้าข้างตัวเองสักหน่อย  มันประทับใจผมเป็นที่สุด   เพราะเป็นครั้งแรกที่เราถูกละลายพฤติกรรม จากได้รู้จักใครคนหนึ่ง  ที่พิเศษสุดๆ หลังจากนั้น เราก็เติมให้กันเรื่อยมาคุยกัน

ไว้มีเวลา จะมา เล่าต่อ
ผมใช้เวลาทำนานมาก เพราะมีเวลาน้อยจริงๆ
ขออภัยด้วย ถ้าไม่ถูกใจใคร ผมเล่าเรื่องไม่เก่ง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่