ปืนนายแบบสัปดาห์นี้ เป็น 686-6 รุ่นล่าสุด ความพิเศษคือ ด้ามที่แบนบาง จับถนัดพกพาสะดวก, ลำกล้องคัดพิเศษ คว้านเก็บเหลี่ยมทางเข้าหน้าโม่
สมิธแอนด์เวสสัน ออกแบบกระสุนขนาด .38 สเปเชียลในปี 1898 เพื่อเสนอขายให้กองทัพสหรัฐใช้แทน .38 Long Colt ที่อำนาจหยุดยั้งค่อนข้างต่ำ การออกแบบก็เพียงใช้ปลอกที่ยาวกว่าเดิม จุดินปืนได้มากขึ้น ซึ่งมีผลพลอยได้คือ หยิบจับถนัด บรรจุได้เร็วกว่ากระสุนปลอกสั้น ๆ ของเดิม ส่งผลให้ปืนลูกโม่ขนาด .38 สเปเชียล ขึ้นแท่นเป็นปืนยอดนิยมของตำรวจทั่วโลกอยู่เกือบร้อยปี ก่อนที่ปืน “เก้าลูกดก” ระบบกึ่งอัตโนมัติจะมาแทน
ปืน .38 สเปเชียลรุ่นแรก ๆ โครงปืนใหญ่ เน้นความแข็งแรง ช่วยให้นักเล่นปืนในสหรัฐสามารถทดลองอัดดินปืนเพิ่มให้แรงขึ้นไปอีก จนถึงปี 1935 สมิธ จึงเพิ่มความยาวปลอก ออกเป็นกระสุนขนาดใหม่ ใช้หน้าตัดจริงของหัวกระสุนตั้งเป็นชื่อ คือ .357 แม็กนั่ม และเป็นกระสุนปืนสั้นขนาดแรกที่ใช้คำ “Magnum” ในชื่อ ปืนสมิธสำหรับกระสุนขนาดใหม่นี้คือ “รีจิสเตอร์
แม็กนั่ม” (Registered Magnum) ที่ต่อมาได้รหัสเป็น โมเดล 27
วงการตำรวจชอบกระสุน .357 นี้มาก แต่ติว่าตัวปืนใหญ่และหนักเกินจำเป็น สมิธฯ จึงออกรุ่น “คอมแบ็ตแม็กนั่ม” โมเดล 19 ใช้โครงขนาดกลางในปี 1955 แต่ในปีเดียวกันนั้นเอง โคลท์ ออกรุ่น ไพธ่อน ที่ขนาดและน้ำหนักตัว อยู่ตรงกลางระหว่าง โมเดล 27 กับ โมเดล 19 รูปลักษณ์โดดเด่นด้วยฝักหุ้มก้านคัดปลอกยาวตลอด และสันลำกล้องแบบสะพานโปร่ง ประกอบกับฝีมือผลิตที่โคลท์ทุ่มเทเต็มที่ สร้างชื่อให้ไพ
ธ่อนว่าเป็นปืนที่ทั้งแม่นยำ ทนทาน ยิงได้นุ่มนวล ลงตัวที่สุดสำหรับกระสุน .357 แม็กนั่ม
เมื่อเห็นความต้องการของตลาด ว่า โมเดล 27 โครง N ใหญ่และหนักเกินไป ส่วนโมเดล 19 โครง K ก็เบาเกินไป ยิงลูก .357 มาก ๆ ไม่เหมาะ สมิธ จึงออกแบบโครง L ให้อยู่ตรงกลาง คือด้ามเท่าโครง K แต่โม่ใหญ่ขึ้นเกือบเท่าโครง N ออกเป็นรุ่น 586 เหล็กดำ 686 สเตนเลส เพิ่มฝักหุ้มก้านคัดปลอกยาวตลอดเหมือนไพธ่อน ต่างกันที่สันลำกล้องทึบแบบ “หลังถนน” ไม่เจาะโปร่งแบบหลังสะพาน สมิธ 686 กลายเป็นรุ่นยอดนิยมจนถึงปัจจุบัน มีการเพิ่มแบบย่อย “แม็กนั่มพลัส” โม่ 7 นัด และรุ่นพิเศษแต่งโดยศูนย์เพิ่มสมรรถนะอีกหลายรุ่น ล่าสุดคือการพัฒนาเป็น โมเดล 69 ใช้กระสุนขนาด .44 แม็กนั่ม ลดความจุเหลือ 5 นัด
สำหรับโมเดล 686 มีการปรับเรื่อยมา ดังนี้
686-1 (1986) แต่งหัวสกรู, เปลี่ยนขาเขี่ยโม่
686-2 (1987) เปลี่ยนแบบเข็มติดนกสับ, แป้นรอบเข็มในโครงปืน
686-3 (1988) เปลี่ยนสกรูคุมแกนบานพับโม่
686-4 (1993) เปลี่ยนแบบศูนย์หลัง, แป้นคัดปลอก, ด้ามยาง
686-5 (1997) เพิ่มสันรับท้ายโม่ที่โครง, หลังด้ามเรียบ, เข็มลอย, ชิ้นส่วน MIM
686-6 (2001) เพิ่มกุญแจล็อกเซียร์
ปืนนายแบบสัปดาห์นี้ เป็น 686-6 รุ่นล่าสุด โรงงานเรียกชื่อรุ่นว่า Model 686 SSR Pro Series ตัวย่อ SSR คือ Stock Service Revolver ที่เป็นการจัดรุ่นแข่งของระบบ IDPA ส่วน Pro Series หมายถึงปืนที่บรรจุเข้าสายการผลิตปกติ แต่มีการแต่งเพิ่มให้เหนือกว่ารุ่นมาตรฐาน ซึ่งสำหรับ 686 SSR นี้ ความพิเศษคือ ด้ามที่แบนบาง จับถนัดพกพาสะดวก, ลำกล้องคัดพิเศษ คว้านเก็บเหลี่ยมทางเข้าหน้าโม่ และทำหลุมพร้อมทั้งคว้านเก็บเกลียวปลายลำกล้อง, แต่งสองข้างแบนลดน้ำหนัก, เจาะผนังฝักหุ้มก้านคัดปลอก ซึ่งจุดนี้ช่วยให้งานดูแลบำรุงรักษาง่ายขึ้น.
https://www.dailynews.co.th/article/601358
.......................................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 640 Smith&Wesson 686 SSR โปรซีรีส์.357
สมิธแอนด์เวสสัน ออกแบบกระสุนขนาด .38 สเปเชียลในปี 1898 เพื่อเสนอขายให้กองทัพสหรัฐใช้แทน .38 Long Colt ที่อำนาจหยุดยั้งค่อนข้างต่ำ การออกแบบก็เพียงใช้ปลอกที่ยาวกว่าเดิม จุดินปืนได้มากขึ้น ซึ่งมีผลพลอยได้คือ หยิบจับถนัด บรรจุได้เร็วกว่ากระสุนปลอกสั้น ๆ ของเดิม ส่งผลให้ปืนลูกโม่ขนาด .38 สเปเชียล ขึ้นแท่นเป็นปืนยอดนิยมของตำรวจทั่วโลกอยู่เกือบร้อยปี ก่อนที่ปืน “เก้าลูกดก” ระบบกึ่งอัตโนมัติจะมาแทน
ปืน .38 สเปเชียลรุ่นแรก ๆ โครงปืนใหญ่ เน้นความแข็งแรง ช่วยให้นักเล่นปืนในสหรัฐสามารถทดลองอัดดินปืนเพิ่มให้แรงขึ้นไปอีก จนถึงปี 1935 สมิธ จึงเพิ่มความยาวปลอก ออกเป็นกระสุนขนาดใหม่ ใช้หน้าตัดจริงของหัวกระสุนตั้งเป็นชื่อ คือ .357 แม็กนั่ม และเป็นกระสุนปืนสั้นขนาดแรกที่ใช้คำ “Magnum” ในชื่อ ปืนสมิธสำหรับกระสุนขนาดใหม่นี้คือ “รีจิสเตอร์
แม็กนั่ม” (Registered Magnum) ที่ต่อมาได้รหัสเป็น โมเดล 27
วงการตำรวจชอบกระสุน .357 นี้มาก แต่ติว่าตัวปืนใหญ่และหนักเกินจำเป็น สมิธฯ จึงออกรุ่น “คอมแบ็ตแม็กนั่ม” โมเดล 19 ใช้โครงขนาดกลางในปี 1955 แต่ในปีเดียวกันนั้นเอง โคลท์ ออกรุ่น ไพธ่อน ที่ขนาดและน้ำหนักตัว อยู่ตรงกลางระหว่าง โมเดล 27 กับ โมเดล 19 รูปลักษณ์โดดเด่นด้วยฝักหุ้มก้านคัดปลอกยาวตลอด และสันลำกล้องแบบสะพานโปร่ง ประกอบกับฝีมือผลิตที่โคลท์ทุ่มเทเต็มที่ สร้างชื่อให้ไพ
ธ่อนว่าเป็นปืนที่ทั้งแม่นยำ ทนทาน ยิงได้นุ่มนวล ลงตัวที่สุดสำหรับกระสุน .357 แม็กนั่ม
เมื่อเห็นความต้องการของตลาด ว่า โมเดล 27 โครง N ใหญ่และหนักเกินไป ส่วนโมเดล 19 โครง K ก็เบาเกินไป ยิงลูก .357 มาก ๆ ไม่เหมาะ สมิธ จึงออกแบบโครง L ให้อยู่ตรงกลาง คือด้ามเท่าโครง K แต่โม่ใหญ่ขึ้นเกือบเท่าโครง N ออกเป็นรุ่น 586 เหล็กดำ 686 สเตนเลส เพิ่มฝักหุ้มก้านคัดปลอกยาวตลอดเหมือนไพธ่อน ต่างกันที่สันลำกล้องทึบแบบ “หลังถนน” ไม่เจาะโปร่งแบบหลังสะพาน สมิธ 686 กลายเป็นรุ่นยอดนิยมจนถึงปัจจุบัน มีการเพิ่มแบบย่อย “แม็กนั่มพลัส” โม่ 7 นัด และรุ่นพิเศษแต่งโดยศูนย์เพิ่มสมรรถนะอีกหลายรุ่น ล่าสุดคือการพัฒนาเป็น โมเดล 69 ใช้กระสุนขนาด .44 แม็กนั่ม ลดความจุเหลือ 5 นัด
สำหรับโมเดล 686 มีการปรับเรื่อยมา ดังนี้
686-1 (1986) แต่งหัวสกรู, เปลี่ยนขาเขี่ยโม่
686-2 (1987) เปลี่ยนแบบเข็มติดนกสับ, แป้นรอบเข็มในโครงปืน
686-3 (1988) เปลี่ยนสกรูคุมแกนบานพับโม่
686-4 (1993) เปลี่ยนแบบศูนย์หลัง, แป้นคัดปลอก, ด้ามยาง
686-5 (1997) เพิ่มสันรับท้ายโม่ที่โครง, หลังด้ามเรียบ, เข็มลอย, ชิ้นส่วน MIM
686-6 (2001) เพิ่มกุญแจล็อกเซียร์
ปืนนายแบบสัปดาห์นี้ เป็น 686-6 รุ่นล่าสุด โรงงานเรียกชื่อรุ่นว่า Model 686 SSR Pro Series ตัวย่อ SSR คือ Stock Service Revolver ที่เป็นการจัดรุ่นแข่งของระบบ IDPA ส่วน Pro Series หมายถึงปืนที่บรรจุเข้าสายการผลิตปกติ แต่มีการแต่งเพิ่มให้เหนือกว่ารุ่นมาตรฐาน ซึ่งสำหรับ 686 SSR นี้ ความพิเศษคือ ด้ามที่แบนบาง จับถนัดพกพาสะดวก, ลำกล้องคัดพิเศษ คว้านเก็บเหลี่ยมทางเข้าหน้าโม่ และทำหลุมพร้อมทั้งคว้านเก็บเกลียวปลายลำกล้อง, แต่งสองข้างแบนลดน้ำหนัก, เจาะผนังฝักหุ้มก้านคัดปลอก ซึ่งจุดนี้ช่วยให้งานดูแลบำรุงรักษาง่ายขึ้น.
https://www.dailynews.co.th/article/601358
.......................................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช