ขนาดยางเป็นหัวใจสำคัญเรื่องหนึ่งของอาการทรงตัวของรถ
ถ้าอยากได้รถอาการแบบไหน ก็ต้องเลือกยางที่ให้อาการแบบนั้น
อยากได้รถนั่งนิ่ม แต่ไปเลือกยางกระด้าง มันก็คงจะนิ่มได้ยาก
อยากได้รถเลี้ยวคม แต่ไปเลือกยางย้วย มันก็คงจะเลี้ยวให้คมไม่ได้
เพื่อความง่ายใจการพิจารณา ผมจะจัดขนาดยางออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มแรก คือ ยางแก้มบาง คือ ยางที่มีขนาดความหนายางน้อยกว่า 110 mm
ยางแก้มบาง จะให้ตัวได้น้อย ก็จะช่วยให้เลี้ยวได้แม่นยำขึ้น
แต่ก็ต้องแลกกับความกระด้างที่มากขึ้น ยางยิ่งบางยิ่งเลี้ยวคมยิ่งกระด้าง
ยางในกลุ่มนี้เวลาขับใช้งานก็ต้องระวังมากขึ้น
ถ้าไปกระแทกหลุมแรงๆก็จะรอดยาก ยางแตก ยางบวม ล้อคต ล้อแตก
บางคนที่กลัวเหตุการณ์เหล่านี้ ก็จะแก้ปัญหาโดยการเติมลมให้เยอะๆ
ซึ่งมันก็จะพอช่วยได้ แต่ก็ต้องแลกกับความกระเทือนที่มากขึ้น และยางก็จะเกาะถนนแย่ลง
กลุ่มสอง คือ ยางแก้มหนา คือ ยางที่มีขนาดความหนายางมากกว่า 120 mm
ยางแก้มหนาจะให้ตัวได้เยอะ ซับแรงกระแทก แรงสั่นสะเทือนได้ดี
แต่ก็ต้องแลกกับความย้วยของมัน ยางยิ่งหนายิ่งนุ่มยิ่งย้วย
กลุ่มสาม คือ ยางแก้มกลางๆ คือยางที่มีขนาดความหนายางอยู่ในช่วง 110-120 mm
อาการมันจะอยู่ระหว่างยางสองกลุ่มข้างบน ซึ่งยางในกลุ่มนี้ มันก็จะมีไม่กี่เบอร์
เอาขนาดช่วงที่คนใช้กันทั่วไป ก็จะมีตามนี้
175/65 ความหนาแก้มยาง 113.75 mm
185/60 ความหนาแก้มยาง 111.00 mm
195/60 ความหนาแก้มยาง 117.00 mm
205/55 ความหนาแก้มยาง 112.75 mm
215/55 ความหนาแก้มยาง 118.25 mm
225/50 ความหนาแก้มยาง 112.50 mm
235/50 ความหนาแก้มยาง 117.50 mm
นอกจากขนาดเบอร์ยางที่ผมกล่าวไว้ข้างบน มันก็จะมีอีก 2 เรื่องที่เกี่ยวข้อง ที่ส่งผลกับอาการของยาง คือ
1. แรงดันลม เติมลมแข็งขึ้นก็จะช่วยให้ยางย้วยน้อยลง เติมลมอ่อนลงก็จะช่วยให้ยางนิ่มขึ้น
แต่ลมยาง ไม่สามารถเติมได้แบบตามใจส่งเดช เพราะมันจะมีช่วงแรงดันลมที่เติมได้อยู่แค่ช่วงนึง
โดยพิจารณาจากค่า Load Index ของยาง และน้ำหนักของรถที่กดลงในแต่ละล้อ
2. รุ่นยาง ยางเบอร์เดียวกัน เอาในยี่ห้อเดียวกัน ระดับราคาพอๆกัน ถ้าเป็นยาง Sport ก็จะเลี้ยวคมและกระด้างกว่ายาง Comfort
แต่ถ้าเป็นยางต่างยี่ห้อ ราคาต่างกันเยอะๆ ก็อาจะเห็นยาง Comfort แพงๆ เลี้ยวคมกว่ายาง Sport ถูกๆ
หรือยาง Sport แพงๆ กระด้างน้อยกว่ายาง Comfort ถูกๆก็ได้
เคล็ดไม่ลับ ในการเลือกใช้ขนาดยางรถเก๋ง ให้เหมาะสมกับความต้องการ !!!???
ถ้าอยากได้รถอาการแบบไหน ก็ต้องเลือกยางที่ให้อาการแบบนั้น
อยากได้รถนั่งนิ่ม แต่ไปเลือกยางกระด้าง มันก็คงจะนิ่มได้ยาก
อยากได้รถเลี้ยวคม แต่ไปเลือกยางย้วย มันก็คงจะเลี้ยวให้คมไม่ได้
เพื่อความง่ายใจการพิจารณา ผมจะจัดขนาดยางออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มแรก คือ ยางแก้มบาง คือ ยางที่มีขนาดความหนายางน้อยกว่า 110 mm
ยางแก้มบาง จะให้ตัวได้น้อย ก็จะช่วยให้เลี้ยวได้แม่นยำขึ้น
แต่ก็ต้องแลกกับความกระด้างที่มากขึ้น ยางยิ่งบางยิ่งเลี้ยวคมยิ่งกระด้าง
ยางในกลุ่มนี้เวลาขับใช้งานก็ต้องระวังมากขึ้น
ถ้าไปกระแทกหลุมแรงๆก็จะรอดยาก ยางแตก ยางบวม ล้อคต ล้อแตก
บางคนที่กลัวเหตุการณ์เหล่านี้ ก็จะแก้ปัญหาโดยการเติมลมให้เยอะๆ
ซึ่งมันก็จะพอช่วยได้ แต่ก็ต้องแลกกับความกระเทือนที่มากขึ้น และยางก็จะเกาะถนนแย่ลง
กลุ่มสอง คือ ยางแก้มหนา คือ ยางที่มีขนาดความหนายางมากกว่า 120 mm
ยางแก้มหนาจะให้ตัวได้เยอะ ซับแรงกระแทก แรงสั่นสะเทือนได้ดี
แต่ก็ต้องแลกกับความย้วยของมัน ยางยิ่งหนายิ่งนุ่มยิ่งย้วย
กลุ่มสาม คือ ยางแก้มกลางๆ คือยางที่มีขนาดความหนายางอยู่ในช่วง 110-120 mm
อาการมันจะอยู่ระหว่างยางสองกลุ่มข้างบน ซึ่งยางในกลุ่มนี้ มันก็จะมีไม่กี่เบอร์
เอาขนาดช่วงที่คนใช้กันทั่วไป ก็จะมีตามนี้
175/65 ความหนาแก้มยาง 113.75 mm
185/60 ความหนาแก้มยาง 111.00 mm
195/60 ความหนาแก้มยาง 117.00 mm
205/55 ความหนาแก้มยาง 112.75 mm
215/55 ความหนาแก้มยาง 118.25 mm
225/50 ความหนาแก้มยาง 112.50 mm
235/50 ความหนาแก้มยาง 117.50 mm
นอกจากขนาดเบอร์ยางที่ผมกล่าวไว้ข้างบน มันก็จะมีอีก 2 เรื่องที่เกี่ยวข้อง ที่ส่งผลกับอาการของยาง คือ
1. แรงดันลม เติมลมแข็งขึ้นก็จะช่วยให้ยางย้วยน้อยลง เติมลมอ่อนลงก็จะช่วยให้ยางนิ่มขึ้น
แต่ลมยาง ไม่สามารถเติมได้แบบตามใจส่งเดช เพราะมันจะมีช่วงแรงดันลมที่เติมได้อยู่แค่ช่วงนึง
โดยพิจารณาจากค่า Load Index ของยาง และน้ำหนักของรถที่กดลงในแต่ละล้อ
2. รุ่นยาง ยางเบอร์เดียวกัน เอาในยี่ห้อเดียวกัน ระดับราคาพอๆกัน ถ้าเป็นยาง Sport ก็จะเลี้ยวคมและกระด้างกว่ายาง Comfort
แต่ถ้าเป็นยางต่างยี่ห้อ ราคาต่างกันเยอะๆ ก็อาจะเห็นยาง Comfort แพงๆ เลี้ยวคมกว่ายาง Sport ถูกๆ
หรือยาง Sport แพงๆ กระด้างน้อยกว่ายาง Comfort ถูกๆก็ได้