คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
สิ่งที่ทำให้รูปแบบมวยแต่ละเวทีมีลักษณะการต่อสู้ที่เห็นในปัจจุบันคือกติกา
กติกาเปลี่ยน รูปแบบการต่อสู้ที่เห็นก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
มวยไทยเวทีถ้าเพิ่มหัวโขกแบบเลธเว่ย การจดจ้อง การระวัง การออกอาวุธก็เปลี่ยนไป
มวยไทยเวทีถ้าเหลือ 3 ยก นับคะแนน การเดินหน้าสู้ก็เปลี่ยนไปจาก 5 ยก
มวยไทยเวทีถ้าเปลี่ยนนวมเป็นแบบเปิดนิ้ว การยืนจรดมวยก็จะห่างออกไปอีกหน่อยแบบ MMA เพราะต้องระวังอาวุธที่จะเข้ามาเร็วขึ้น
จะว่ามวยไทยมีจุดอ่อนที่ชัดเจนก็คงไม่ใช่ เพราะว่ามันสมบูรณ์ในแบบกติกามวยไทยเมื่ออยู่ในเวที ล้มก็ให้ลุกขึ้นก่อนค่อยสู้กันต่อ
พอไปอยู่ในกรงแบบ MMA มันจึงไม่ใช่ท่ามวยไทยชัดเจน เพราะต้องปรับให้เข้ากับกติกาซึ่งต้องระวังถูกรวบลงพื้น
ลองเปลี่ยนกติกา MMA ให้กลับไปยุคก่อนสิ ที่ไม่มียก ซึ่งส่วนใหญ่จบด้วยท่านอน พอนอนสู้แล้วก็เลื้อยกันไปยาวๆ รับรองการฝึกแบบ Striking จะถูกลดความสำคัญลงทันที นักสู้แต่จะคนจะหันไปฝึกหนักแต่ Grappling เป็นหลักเพราะกติกา
กติกา MMA ในปัจจุบันมีหมดยกมาช่วย พลาดถูกรวบลงพื้น ถ้าประคองเอาตัวรอดมาได้ ยกหน้าค่อยว่ากันใหม่ สำหรับผมคิดว่าดูสนุกกว่าแต่ก่อนที่มียกเดียวยาวๆ ที่ลงพื้นแล้วเลื้อยไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะถ้าคุมตำแหน่งได้เปรียบไว้ตลอดเหนื่อยยังพัก และตอดเผาแรงอีกฝ่ายได้เรื่อยๆ จนแพ้ไป ซึ่งกว่าจะจบบางทีนานมากไป
กติกาเปลี่ยน รูปแบบการต่อสู้ที่เห็นก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
มวยไทยเวทีถ้าเพิ่มหัวโขกแบบเลธเว่ย การจดจ้อง การระวัง การออกอาวุธก็เปลี่ยนไป
มวยไทยเวทีถ้าเหลือ 3 ยก นับคะแนน การเดินหน้าสู้ก็เปลี่ยนไปจาก 5 ยก
มวยไทยเวทีถ้าเปลี่ยนนวมเป็นแบบเปิดนิ้ว การยืนจรดมวยก็จะห่างออกไปอีกหน่อยแบบ MMA เพราะต้องระวังอาวุธที่จะเข้ามาเร็วขึ้น
จะว่ามวยไทยมีจุดอ่อนที่ชัดเจนก็คงไม่ใช่ เพราะว่ามันสมบูรณ์ในแบบกติกามวยไทยเมื่ออยู่ในเวที ล้มก็ให้ลุกขึ้นก่อนค่อยสู้กันต่อ
พอไปอยู่ในกรงแบบ MMA มันจึงไม่ใช่ท่ามวยไทยชัดเจน เพราะต้องปรับให้เข้ากับกติกาซึ่งต้องระวังถูกรวบลงพื้น
ลองเปลี่ยนกติกา MMA ให้กลับไปยุคก่อนสิ ที่ไม่มียก ซึ่งส่วนใหญ่จบด้วยท่านอน พอนอนสู้แล้วก็เลื้อยกันไปยาวๆ รับรองการฝึกแบบ Striking จะถูกลดความสำคัญลงทันที นักสู้แต่จะคนจะหันไปฝึกหนักแต่ Grappling เป็นหลักเพราะกติกา
กติกา MMA ในปัจจุบันมีหมดยกมาช่วย พลาดถูกรวบลงพื้น ถ้าประคองเอาตัวรอดมาได้ ยกหน้าค่อยว่ากันใหม่ สำหรับผมคิดว่าดูสนุกกว่าแต่ก่อนที่มียกเดียวยาวๆ ที่ลงพื้นแล้วเลื้อยไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะถ้าคุมตำแหน่งได้เปรียบไว้ตลอดเหนื่อยยังพัก และตอดเผาแรงอีกฝ่ายได้เรื่อยๆ จนแพ้ไป ซึ่งกว่าจะจบบางทีนานมากไป
แสดงความคิดเห็น
จุดอ่อนของมวยไทยที่เห็นได้ชัด จากเวที mma
grappling martial art เป็นศิลปะที่ไม่ค่อยแพร่หลายในไทยเท่าไหร่นัก ด้วยผมเห็นจากหลายๆคอมเมต์เชิงว่า "น่าเบื่อ" "มวยอะไรเหมือนหมากัดกัน" "มวยไร้ศิลปะ" แต่ในความคิดของผมแล้วการที่คนๆนึงจะสามารถ react ต่อการพุ่งเข้ามานั้นยาก เพราะว่าสมองของเราไม่ได้ตอบสนองได้เร็วขนาดนั้น หลบหมัดอาจทำได้แบบอาลีหรือสามารถ(ที่พริ้วจนจะเป็นน้ำอยู่ละ) แต่จะหลบการจับที่มีรัศมีกว้างกว่าก็ค่อนข้างยาก ไม่ต้องคิดถึงเรื่องศอกดิ่งหรือเข่าดัก แทบจะไม่มีเวลาให้ทำได้เลย พวกศาสตร์อย่าง bjj ที่เน้นการเข้าประชิดตัวมีวิธีการป้องกันอยู่แล้ว
มวยไทยกับมวยสาล อีกประเด็นที่มีบางคนชอบพูดแซะมวยสากลว่าเป็นมวยกระจอก เนื่องจากการต่อสู้มีแค่หมัดไม่สามารถทำอะไรนัมวยไทยที่มีทั้ง หมัด เท้า เข่า ศอกได้หรอก แต่อยากให้ทราบไว้ครับว่า "ผมไม่กลัวคนที่ฝึกเตะ 10,000 ท่าในครั้งเดียวหรอก แต่ผมกลัวคนที่ฝึกเตะท่าเดียว 10,000 ครั้ง" อันนี้มาจากบรูซลี ครับ มวยสากลแม้จะมีแค่หมัด แค่ใน mma วิชานี้เป็นวิชาพื้นฐานที่สุดที่นักสู้ mma เรียนมาแทบทุกคน จุดแข็งคือเป็นวิชาที่หมัดรวดเร็วมาก รุนแรงมาก เดาทางยาก ฟุตเวิร์กแน่น อีกทั้งยังมีระบบปอดกับหัวใจที่แข็งแรงสุดยอด ถ้าเป็นเรื่องหมัดอย่างเดียวมวยสากลกินขาดและยืนตระหง่านเป็นอันดับ1ในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ค่ายมวยไทยสมัยนี้จึงมีการรับมาฝึกออกหมัดให้กับนักมวยไทยจนผลออกมาสุดยอดมาก มวยไทยสามารถกลบจุดอ่อนที่ใช้หมัดได้ไม่ดีไปเยอะ ในการสู้กับนักชก mma ที่ base on boxing นั้นก็ถือเป็นเรื่องอันตราย ถ้านักมวยไทยต้องเผชิญ
มวยไทยกับมวยเลธเหว่ย : จากกระทู้ที่แล้วผมได้มีโอกาส ไปหาข้อมูลมาเพิ่ม จากในยูทูป กระทู้อื่นๆ ฯลฯ คนรักมวยไทยหลายๆคนอาจบอกว่ามวยพม่า"ไม่ได้เรื่อง ,กาก, ไม่มีเชิงเลย" แต่ในความคิดผมไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ มวยในแถบเอเชียอาคเนย์ค่อนข้างจะเหมือนกันหมด(ยกเว้นมาเลย์ที่เป็นสีลัต)สไตล์การชกจึงคล้ายๆกัน ในการต่อยหลายๆครั้งที่จัดขึ้นที่พม่า โดยมีนักมวยไทยไปต่อย จะสังเกตได้ว่าหลายรายมากที่โดนน๊อคโดย headbutt ของมวยเลธเหว่ย ในตอนแรกผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมแค่เพิ่มหัวโขกเข้าไปแล้วจึงทำให้ได้เปรียบ แต่หากสังเกตแล้ว การมีหัวเข้ามาด้วยทำให้มีอาวุธเพิ่มไปอีก 1 คราวนี้ศัตรูนอกจากจะต้องระวังในช่วงตัวแล้ว ยังต้องระวังส่วนหัวอีกที่อาจจะตามมาได้ การโฟกัสจึงต้องกระจายไปมากส่วนขึ้น แทนที่จะไปโฟกัสที่อาวุธหมัด เท้า เข่า ศอก เหมือนเดิม ยังต้องโฟกัสไปยังหัวอีก
อีกศิลปะที่คนรักมวยไทยหลายๆคนบอกว่ากระจอก,เตะเอาแต้ม,เตะไม่มีพลัง,ใช้ไม่ได้จริง คือเทควันโดครับ เทควันโดนี่ก็เป็นอีกศิลปะที่แพร่หลายในไทยมากครับ ไม่สิทั่วโลกเลยด้วยซ้ำ นิยมถึงขั้นได้เข้าโอลิมปิก เทควันโดมีเอกลักษณ์และจุดแข็งอย่างนึงคือความพริ้วของท่า และความรวดเร็วในการเตะที่เร็วมาก บวกกับท่าเตะที่มีหลากหลายมากๆ เดาทางได้ยาก แต่ท่าที่ผมคิดว่าสามารถจัดการนักมวยไทยมาได้หลายคนคืท่า spinning back kick ถ้ามองในมุมของผมแล้ว ท่า spinning back kick เป็นท่าที่เร็ว เดาทางยาก ตรงเข้าจุดตาย พอดีและมวยไทย(เท่าที่ผมทราบ)ไม่มีท่านี้ที่ใช้กัน จึงเป็นเหตุให้ไม่ชินและโดนจัดการโดยง่าย การ์ดของมวยไทยยกขึ้นปิดหน้า การป้องกันลูกเตะทำโดยการยกแข้งขึ้นมาบัง เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมาก คนแข้งไม่แข็งจริงเตะไปรับรองมีเจ็บเอง แต่การป้องกันลูก spinning back kick ไม่น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะการยกขาขึ้นมาก็ต้องใช้เวลาพอสมควร(เทียบในเวลาของการเตะ-ต่อย) และบวกกับความเร็วของ spinning back kick กับการตอบสนองที่ค่อนข้างช้าอีกเช่นเคย การหลบจึงทำได้แค่หมุนตัวไปอีกข้าง แล้วจึงรอจังหวะเคาน์เตอร์
จากที่กล่าวมาทั้งหมดผมก็ยังยืนยันว่าเป็นศาสตร์การต่อสูแนว striking อันดับ 1 อยู่ดี(รวมถึงพวกมวยลาว มวยเขมร เลธเหว่ย) แต่จะสังเกตได้ว่าสไตล์แบบมวยไทยในบ้านเราก็ยังมีข้อเสียเปรียบอยู้เยอะ ถ้าจะนำมวยไทยเพียวๆ ไปลงแข่ง mma ก็คงเป็นไปได้ยากมาก-เป็นไปไม่ได้ เพราะ mma เป็นศาสตร์ที่รวมหลายๆศาสตร์เข้ามา การชิงไหวพริบหรือการเล่นจุดอ่อนของวิชาคู่ต่อสู้จึงเป็นสิ่งที่นัก mma ต้องทำ
สุดท้ายนี้ที่ได้พูดมาทั้งหมด ผมอยากจะให้ผู้รู้หลายๆท่านเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผม หรือว่าถ้ามีตรงใหนในกระทู้นี้ผิดก็สามารถโต้แย้งได้เลยครับ ผมพร้อมเปิดรับความคิดเห็นทั้งหมด ผมอยากเห็นมวยไทยพัฒนาขึ้นอีกและอยากเห็นคนไทยที่ base on มวยไทย สามารถไปโลดแล่นในวงการ mma ได้ครับ
#ขอบพระคุณผู้รู้ทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านและให้ความรู้ครับ
#ขอบพระคุณที่อ่านจนจบครับ