สวัสดีมิตรรักชาว ppantip.com ครับ ถ้าถามว่าในช่วงห้าปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ มีอะไรบ้างที่ได้รับความนิยม และยังคงทะยานต่อไปเรื่อยๆ ต้องบอกว่าคำตอบนั้น ก็คือ ‘รถยนต์ไฮบริด’ ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ตลาดรถยนต์ไฮบริดทวีดีกรีความนิยม ได้แก่ ความแรงในการขับขี่ ความประหยัดค่าเชื้อเพลิง และการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บวกกับถ้าย้อนกลับไปสักเมื่อสิบปีก่อน การจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฮบริดสักคัน บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมนุษย์เงินเดือน ด้วยค่าครองชีพที่สูงลิ่ว รวมถึงการมีค่าบำรุงรักษารถยนต์ในระยะยาวที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ทำให้การคิดจะซื้อรถยนต์ไฮบริดมาใช้งาน เกิดความรู้สึกไม่คุ้มค่า และมองว่ายังเป็นเรื่องที่ไกลตัวอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างพัฒนาก้าวหน้า เทคโนโลยีขับเคลื่อนเหนือชั้นสวนทางกับราคา ไม่แปลกใจเลยที่ทำให้วันนี้ รถยนต์ไฮบริด กลายเป็น Choice ลำดับต้นๆ ในการเลือกซื้อรถยนต์
และด้วยปัจจัยที่ว่ามา ทำให้ชั่วโมงนี้ตลาดรถยนต์ไฮบริดมีตัวเลือกหลากหลายมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่น่าสนใจ ก็คือ รถยนต์ไฮบริดจากค่ายฮอนด้า และเมื่อพูดถึง ‘รถยนต์ไฮบริด’ จาก ฮอนด้า เชื่อว่าหลายคนน่าจะต้องเคยผ่านตาผ่านหูกับ ‘e:HEV’ กันมาบ้าง จากโฆษณาออนไลน์ก็ดี จากกูรูรถยนต์ก็ดี แล้ว e:HEV คืออะไร? ทำไมต้องเป็น e:HEV? แล้วถ้าเราบอกว่า e:HEV เป็นที่สุดแห่งความแรง ล้ำ และประหยัดเกินใคร เชื่อหรือไม่? ทุกคำถามที่ว่ามา เราพร้อมที่จะมีคำตอบให้แล้วในบทความนี้
e:HEV คืออะไร?
e:HEV คือชื่อที่ใช้เรียกผลิตภัณฑ์ของฮอนด้า ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD เป็น Full Hybrid ให้อัตราเร่งที่ทรงพลัง ขับสนุก แต่ยังคงไว้ซึ่งความประหยัดพลังงาน แน่นอนว่าด้วยความเป็นไฮบริดที่ผสานการทำงาน ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ไม่ต้องกังวล สามารถเดินทางขับขี่ไปได้ทุกที่ที่ต้องการ อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทำไมต้องเป็น e:HEV?
e:HEV จากค่ายฮอนด้า ต้องขอกล่าวคำว่า ‘แตกต่าง’ จากไฮบริดทั่วไป เพราะ e:HEV มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD ที่มีจุดเด่นอยู่ที่
• มี 2 มอเตอร์ไฟฟ้า โดยตัวแรกจะเป็น Generator เพื่อสร้างกระแสไฟ ขณะที่มอเตอร์ตัวที่สอง ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนล้อ โดยทั้งหมดเสริมการทำงานกับเครื่องยนต์ให้ทั้งความแรง และทรงพลังมากขึ้น
• แบตเตอรี่ Lithium-ion อีกหนึ่งหัวใจสำคัญ โดยแบตเตอรี่ที่ติดตั้งในรถยนต์ฮอนด้า ถูกพัฒนาให้เก็บประจุไฟฟ้า ชาร์จไฟได้เร็ว และจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม ทำให้ขับขี่ต่อเนื่องได้ยาวนานขึ้น รวมถึงมีน้ำหนักเบา และขนาดกะทัดรัด
เอาล่ะ...เดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว ได้คำตอบแล้วว่า e:HEV คืออะไร และทำไมต้องเป็น e:HEV เรียบร้อย พร้อมหรือยัง? ที่จะออกเดินทางต่อ เพราะเราจะพาทุกคนไปสัมผัสกับการทำงานของระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD ที่สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่ให้ทั้งความแรงและความประหยัด ตอกย้ำความเป็น ‘รถยนต์ไฮบริดจากฮอนด้า’ ไปอีกขั้น
ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD แบ่งการทำงานเป็น 6 โหมดการขับขี่ ดังนี้
•
ขณะที่รถหยุดนิ่ง : เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน* แต่ระบบแอร์ยังทำงานอยู่ โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่
*ถ้าระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไม่เพียงพอเครื่องยนต์จะกลับมาทำงาน
•
ขณะออกตัวและเพิ่มความเร็ว : รถจะออกตัวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยเครื่องยนต์ยังหยุดทำงานอยู่* และเมื่อเพิ่มความเร็วระบบจะเข้าสู่โหมดไฮบริด
*ถ้าระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไม่เพียงพอเครื่องยนต์จะเริ่มมาทำงานและออกตัวด้วยโหมดไฮบริด
•
ขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ/ปานกลางคงที่ : จะเข้าสู่โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และเลือกสลับกับโหมดการขับขี่แบบไฮบริดตามระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่
•
ขณะเร่งแซง : เครื่องยนต์จะทำงาน และเข้าสู่โหมดการขับขี่แบบไฮบริด เพื่อเพิ่มกำลังในการเร่งแซง
•
ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่ : จะเข้าสู่โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ และตัดสลับการทำงานกับโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 100% ตามระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่
•
ขณะลดความเร็ว : ระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นจากการลดความเร็วให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่
จะเห็นได้ว่า ด้วยการทำงานของระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD เป็นคำตอบที่ทำให้ e:HEV ของฮอนด้าแตกต่าง แต่ครบถ้วนในแง่ High Performance ขับสนุก ด้วยอัตราเร่งที่ทรงพลัง, High Saving มีการปรับโหมดการขับขี่ให้เหมาะกับทุกการเดินทางอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี และสุดท้ายคือ High Confidence ถึงทุกจุดหมายที่ต้องการได้แบบใจต้องการ มั่นใจทุกการขับขี่ ไม่กังวลเรื่องการชาร์จไฟ
ตอบครบทุกคำถาม ก็ถึงเวลาที่พลขับอย่างเราต้องขอตัว แต่ก่อนจะกดปุ่มสตาร์ทเพื่อออกเดินทางต่อก็ขอทิ้งท้ายว่า การเลือกซื้อรถสักคันก็เหมือนกับการเลือกคบใครสักคน ต้องเริ่มจากการทำความรู้จัก ศึกษาก่อนที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น ครั้งนี้เราอาสาที่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ e:HEV ชื่อที่ใช้เรียกผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD แล้ว หลังจากนี้ไปก็เป็นช่วงเวลาจะต้องศึกษาและสัมผัสด้วยตัวเอง เพื่อค้นหาว่า e:HEV จาก Honda เป็นคำตอบแห่งความแรง ล้ำเกินคาด ประหยัดเกินใคร มั่นใจทุกการขับขี่ของวันนี้ จริงอย่างที่พวกเราบอกหรือเปล่า?
คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://bit.ly/3d1G3VV
[Advertorial]
[BR] รู้จัก e:HEV จากฮอนด้า คำตอบที่ใช่ สำหรับการขับขี่ของวันนี้
บวกกับถ้าย้อนกลับไปสักเมื่อสิบปีก่อน การจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฮบริดสักคัน บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมนุษย์เงินเดือน ด้วยค่าครองชีพที่สูงลิ่ว รวมถึงการมีค่าบำรุงรักษารถยนต์ในระยะยาวที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ทำให้การคิดจะซื้อรถยนต์ไฮบริดมาใช้งาน เกิดความรู้สึกไม่คุ้มค่า และมองว่ายังเป็นเรื่องที่ไกลตัวอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างพัฒนาก้าวหน้า เทคโนโลยีขับเคลื่อนเหนือชั้นสวนทางกับราคา ไม่แปลกใจเลยที่ทำให้วันนี้ รถยนต์ไฮบริด กลายเป็น Choice ลำดับต้นๆ ในการเลือกซื้อรถยนต์
e:HEV คือชื่อที่ใช้เรียกผลิตภัณฑ์ของฮอนด้า ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD เป็น Full Hybrid ให้อัตราเร่งที่ทรงพลัง ขับสนุก แต่ยังคงไว้ซึ่งความประหยัดพลังงาน แน่นอนว่าด้วยความเป็นไฮบริดที่ผสานการทำงาน ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ไม่ต้องกังวล สามารถเดินทางขับขี่ไปได้ทุกที่ที่ต้องการ อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทำไมต้องเป็น e:HEV?
e:HEV จากค่ายฮอนด้า ต้องขอกล่าวคำว่า ‘แตกต่าง’ จากไฮบริดทั่วไป เพราะ e:HEV มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD ที่มีจุดเด่นอยู่ที่
• มี 2 มอเตอร์ไฟฟ้า โดยตัวแรกจะเป็น Generator เพื่อสร้างกระแสไฟ ขณะที่มอเตอร์ตัวที่สอง ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนล้อ โดยทั้งหมดเสริมการทำงานกับเครื่องยนต์ให้ทั้งความแรง และทรงพลังมากขึ้น
• แบตเตอรี่ Lithium-ion อีกหนึ่งหัวใจสำคัญ โดยแบตเตอรี่ที่ติดตั้งในรถยนต์ฮอนด้า ถูกพัฒนาให้เก็บประจุไฟฟ้า ชาร์จไฟได้เร็ว และจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม ทำให้ขับขี่ต่อเนื่องได้ยาวนานขึ้น รวมถึงมีน้ำหนักเบา และขนาดกะทัดรัด
ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD แบ่งการทำงานเป็น 6 โหมดการขับขี่ ดังนี้
• ขณะที่รถหยุดนิ่ง : เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน* แต่ระบบแอร์ยังทำงานอยู่ โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่
*ถ้าระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไม่เพียงพอเครื่องยนต์จะกลับมาทำงาน
• ขณะออกตัวและเพิ่มความเร็ว : รถจะออกตัวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยเครื่องยนต์ยังหยุดทำงานอยู่* และเมื่อเพิ่มความเร็วระบบจะเข้าสู่โหมดไฮบริด
*ถ้าระดับไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไม่เพียงพอเครื่องยนต์จะเริ่มมาทำงานและออกตัวด้วยโหมดไฮบริด
• ขณะเร่งแซง : เครื่องยนต์จะทำงาน และเข้าสู่โหมดการขับขี่แบบไฮบริด เพื่อเพิ่มกำลังในการเร่งแซง
• ขณะลดความเร็ว : ระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นจากการลดความเร็วให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่
คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3d1G3VV
[Advertorial]
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน