ใครอยู่ในตู้
โดย ล. วิลิศมาหรา
อ้นกับอั้มเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน อ้นวัยสิบสองปีมักถือตัวว่าเป็นพี่ เวลาเล่นด้วยกันจึงชอบแกล้งอั้มซึ่งมีอายุน้อยกว่าไปสองปี จนอั้มต้องวิ่งร้องไห้ไปฟ้องแม่ตัวเองอยู่บ่อย ๆ แต่ถึงจะโดนพี่แกล้ง อั้มก็ยังรักพี่อ้น และยังชอบเล่นซ่อนแอบกับพี่อ้นทุกวัน
เด็กชายทั้งสองมีบ้านอยู่ใกล้กัน ไปโรงเรียนด้วยกัน วิ่งเล่นกันมาตั้งแต่ยังเล็ก มีทะเลาะกันบ้าง ตีกันบ้างเป็นบางครั้ง ส่วนมากเป็นเพราะอ้นที่นิสัยไม่ดี ชอบแกล้งคน โดยเฉพาะแกล้งอั้ม ถ้ารู้ว่าอั้มกลัวอะไร อ้นมักจะไม่รีรอ ชอบจัดหนัก นำมาแกล้งให้อั้มตกใจกลัว แล้วตัวเองก็รอดู หัวเราะชอบอกชอบใจน้ำหูน้ำตาไหล แต่ถึงอย่างนั้น แม้จะทะเลาะกันบ่อย ยังไม่ทันข้ามวัน เดี๋ยวลูกพี่ลูกน้องสองคนนี้ก็ดีกันแล้ว เพราะถ้าไม่ดีกันก็ไม่รู้จะไปเล่นกับใคร แถวนี้ไม่ค่อยมีเด็กอายุเท่ากันให้เล่นด้วยสักเท่าไหร่
มีบ้านร้างหลังหนึ่งอยู่แถวใกล้บ้านของอ้น บ้านใครก็ไม่รู้ อยู่ตรงนั้นมานานมาก เจ้าของบ้านไม่เคยมาดูแลเลย เป็นบ้านไม้เก่าแก่หลังย่อม ยกใต้ถุนสูง ไม่มีรั้วบ้าน มันร้างมานานจนตัวบ้านไม้เริ่มผุพัง ประตูหน้าต่างหลุดหายไปตามสภาพ หลังคาบางส่วนกระเบื้องเปิดออกเป็นรูโบ๋ หญ้าขึ้นรกถึงหน้าแข้ง บริเวณบ้านล้อมรอบด้วยต้นฝรั่ง สูงถึงหลังคาบ้าน ผู้คนร่ำลือกันว่าบ้านหลังนี้มีอะไรที่น่ากลัว แต่เพราะมีต้นฝรั่งที่มีลูกดกคอยดึงดูดใจ และสภาพใต้ถุนบ้านที่โล่ง เหมาะแก่การเข้ามาวิ่งเล่น เด็กทั้งคู่กลับไม่รู้สึกว่าน่ากลัวอะไรเลย ชอบเข้ามาวิ่งเล่นบริเวณใต้ถุนบ้านเสียด้วยซ้ำ ปีนต้นฝรั่งขึ้นไปเก็บลูกมันมากิน ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด
หลังเลิกเรียนในวันนี้ก็เหมือนกัน เด็กสองคนมาปีนต้นฝรั่งเล่นอีก ปีนเสร็จก็มาเล่นซ่อนแอบกันต่อ ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน
เวลาเล่นกัน เด็กทั้งสองมักซ่อนแอบอยู่แถวใต้ถุนบ้าน ไม่งั้นก็รอบ ๆ ตัวบ้านที่มีสิ่งของตั้งระเกะระกะขวางอยู่ ไม่เคยขึ้นไปถึงบนบ้านเลยสักครั้ง อ้นมักจะแกล้งอั้ม แกล้งโผล่ออกมาหลอกให้ตกใจบ้างล่ะ แกล้งทำเสียงแปลก ๆ ตอนอั้มเป็นคนหามั่งล่ะ แล้วหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนทำหน้าซีด ครั้งนี้ก็เช่นกัน อ้นแอบย่องมาข้างหลังอั้มที่กำลังเดินหาตัวเองอยู่ แล้วยื่นมือไปคว้าบ่าอั้มหมับ!
คนยืนหันหลังให้สะดุ้งขึ้นทั้งตัว หันขวับมามองหน้าอ้น ด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดราวกระดาษ
“ไอ้อั้ม เอ็งกลัวผี” อ้นชี้นิ้วล้อน้อง
“ฉันไม่ได้กล้ว ฉันตกใจพี่”
“ไม่เชื่อ เอ็งกลัวจนป๊อด หน้าซีดเป็นไก่ต้มเลย ฮ่า ๆ ๆ”
อั้มทำหน้าเคือง ไม่ชอบที่อ้นมาล้อตัวเองว่ากลัวผี บอกไม่กลัว...ไม่กลัว แต่อีกฝ่ายก็หัวเราะร่า บอกว่าไม่เชื่อ พอถามว่าทำยังไงถึงจะเชื่อ อ้นจึงท้าอั้มให้ขึ้นไปเล่นซ่อนแอบกันบนเรือนไม้ เพื่อเป็นการท้าพิสูจน์
เมื่ออั้มตอบตกลง อ้นก็จูงมืออั้มขึ้นมาเล่นซ่อนหาบนเรือนไม้ตามคำท้า ถึงตาอ้นเป็นคนหาบ้าง เขาเอามือปิดหน้าหันหลังให้อั้ม ปากก็นับเลขไปเรื่อย ๆ พอนับหนึ่งถึงสิบก็เอามือลง หันมากวาดตามองหาอั้มไปรอบ ๆ
...ไอ้อั้มมันเป็นเด็ก คิดอะไรมักไม่รอบคอบ โน่น! ในห้องข้างในนั่นแหละ เพราะมีที่ซ่อนเยอะที่สุด ต้องเป็นที่นั่นแน่...
ไม่รอช้า อ้นตรงดิ่งเข้าไปทางห้องข้างในทันที
แต่แล้วอ้นก็ต้องผิดหวัง หลังจากเดินหาอั้มจนทั่วบ้านก็ไม่เห็นมี ชะโงกหน้าดูทุกห้องก็ไม่เจอ วนเวียนหาอยู่หลายรอบจนเริ่มเบื่อ เลยนั่งลงคาธรณีประตูทางเข้าบ้าน มองไปยังห้องโถงซึ่งเป็นห้องโล่ง ๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นใด นอกจากตู้ไม้เก่าคร่ำคร่าขนาดค่อนข้างใหญ่ใบหนึ่ง ตั้งชิดผนังห้องด้านหนึ่ง
มอง ๆ ดูด้วยความสนใจ ในลักษณะของตัวตู้ที่ยังดูใช้ได้ เป็นตู้ไม้โบราณดี สีไม้ออกจะซีดไปแล้วเพราะความเก่า ทันทีนั้นเอง ประตูตู้ก็มีเสียงดังกุกกัก เหมือนมีคนอยู่ข้างใน อ้นเขม้นมองพร้อมเงี่ยหูฟัง
“แกอยู่ในตู้นั้น ฉันหาแกพบแล้ว แกแพ้แล้ว”
บานประตูตู้แง้มออกเล็กน้อย เหมือนคนข้างในกำลังจะเปิดออกมา พร้อมเสียงเด็กผู้ชายถามนำมาก่อน
“รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ในตู้”.
“ไอ้ปัญญาอ่อนเอ้ย! ก็แกพูดอยู่ในตู้ แล้วทำไมฉันจะไม่รู้”
ว่าแล้วอ้นก็ลุกไปกระชากบานประตูตู้เปิดออกทั้งสองบาน ก่อนตกตะลึง ชะงักจังงัง ยืนตัวแข็ง เบิกตากว้าง จ้องมองข้างในตู้ซึ่งว่างเปล่า ไม่มีแม้เงาของอั้มอยู่ข้างในนั้นเลย อย่างที่ตัวเองเข้าใจ...แล้วใครอยู่ในตู้
“พี่อ้น”
จู่ ๆ ก็มีเสียงทักของอั้มดังขึ้นที่ระเบียงหน้าประตูบ้าน ก่อนลงบันไดไปด้านล่าง
“พี่ขึ้นมาบนบ้านทำไม ฉันเก็บฝรั่งรออยู่ข้างล่างตั้งนาน ไหนว่าจะเล่นซ่อนหากันไง”
อ้นไม่ตอบ ปิดประตูตู้ดังปัง! หันหลังกลับ วิ่งแจ้นไปที่ประตูบ้าน ผ่านหน้าอั้มลงบันไดไป พร้อมเสียงร้องโวยวายดังลั่น
“โอ้ยยยย ไอ้อั้ม รีบวิ่งตามกูมา”
อั้มยืนงงว่าอ้นวิ่งโวยวายลงไปทำไม แต่เมื่อหันไปมองทางห้องโถงใหม่ เห็นบานประตูตู้ค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ พร้อมกับมีขาดำยาว ก้าวแหย่ออกมาก่อน เห็นเต็มตาเข้าแบบนั้น อั้มก็ไม่รอช้า ปาลูกฝรั่งในมือทิ้ง วิ่งพรวดลงบันไดตามพี่ชายไปทันที
และหลังจากเรื่องของเด็กชายทั้งสองแพร่สะพัดออกไป ตู้ใบนั้นก็ได้ถูกเคลื่อนย้าย นำไปไว้ที่วัดกลางหมู่บ้าน สำหรับใช้ใส่ของในวัดนั้น
แต่คิดไหมว่าจะมีใครกล้าเปิดประตูตู้ออกดู....
จบ
เรื่องเล่าในคืนหลอน...ใครอยู่ในตู้
โดย ล. วิลิศมาหรา
อ้นกับอั้มเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน อ้นวัยสิบสองปีมักถือตัวว่าเป็นพี่ เวลาเล่นด้วยกันจึงชอบแกล้งอั้มซึ่งมีอายุน้อยกว่าไปสองปี จนอั้มต้องวิ่งร้องไห้ไปฟ้องแม่ตัวเองอยู่บ่อย ๆ แต่ถึงจะโดนพี่แกล้ง อั้มก็ยังรักพี่อ้น และยังชอบเล่นซ่อนแอบกับพี่อ้นทุกวัน
เด็กชายทั้งสองมีบ้านอยู่ใกล้กัน ไปโรงเรียนด้วยกัน วิ่งเล่นกันมาตั้งแต่ยังเล็ก มีทะเลาะกันบ้าง ตีกันบ้างเป็นบางครั้ง ส่วนมากเป็นเพราะอ้นที่นิสัยไม่ดี ชอบแกล้งคน โดยเฉพาะแกล้งอั้ม ถ้ารู้ว่าอั้มกลัวอะไร อ้นมักจะไม่รีรอ ชอบจัดหนัก นำมาแกล้งให้อั้มตกใจกลัว แล้วตัวเองก็รอดู หัวเราะชอบอกชอบใจน้ำหูน้ำตาไหล แต่ถึงอย่างนั้น แม้จะทะเลาะกันบ่อย ยังไม่ทันข้ามวัน เดี๋ยวลูกพี่ลูกน้องสองคนนี้ก็ดีกันแล้ว เพราะถ้าไม่ดีกันก็ไม่รู้จะไปเล่นกับใคร แถวนี้ไม่ค่อยมีเด็กอายุเท่ากันให้เล่นด้วยสักเท่าไหร่
มีบ้านร้างหลังหนึ่งอยู่แถวใกล้บ้านของอ้น บ้านใครก็ไม่รู้ อยู่ตรงนั้นมานานมาก เจ้าของบ้านไม่เคยมาดูแลเลย เป็นบ้านไม้เก่าแก่หลังย่อม ยกใต้ถุนสูง ไม่มีรั้วบ้าน มันร้างมานานจนตัวบ้านไม้เริ่มผุพัง ประตูหน้าต่างหลุดหายไปตามสภาพ หลังคาบางส่วนกระเบื้องเปิดออกเป็นรูโบ๋ หญ้าขึ้นรกถึงหน้าแข้ง บริเวณบ้านล้อมรอบด้วยต้นฝรั่ง สูงถึงหลังคาบ้าน ผู้คนร่ำลือกันว่าบ้านหลังนี้มีอะไรที่น่ากลัว แต่เพราะมีต้นฝรั่งที่มีลูกดกคอยดึงดูดใจ และสภาพใต้ถุนบ้านที่โล่ง เหมาะแก่การเข้ามาวิ่งเล่น เด็กทั้งคู่กลับไม่รู้สึกว่าน่ากลัวอะไรเลย ชอบเข้ามาวิ่งเล่นบริเวณใต้ถุนบ้านเสียด้วยซ้ำ ปีนต้นฝรั่งขึ้นไปเก็บลูกมันมากิน ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด
หลังเลิกเรียนในวันนี้ก็เหมือนกัน เด็กสองคนมาปีนต้นฝรั่งเล่นอีก ปีนเสร็จก็มาเล่นซ่อนแอบกันต่อ ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน
เวลาเล่นกัน เด็กทั้งสองมักซ่อนแอบอยู่แถวใต้ถุนบ้าน ไม่งั้นก็รอบ ๆ ตัวบ้านที่มีสิ่งของตั้งระเกะระกะขวางอยู่ ไม่เคยขึ้นไปถึงบนบ้านเลยสักครั้ง อ้นมักจะแกล้งอั้ม แกล้งโผล่ออกมาหลอกให้ตกใจบ้างล่ะ แกล้งทำเสียงแปลก ๆ ตอนอั้มเป็นคนหามั่งล่ะ แล้วหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนทำหน้าซีด ครั้งนี้ก็เช่นกัน อ้นแอบย่องมาข้างหลังอั้มที่กำลังเดินหาตัวเองอยู่ แล้วยื่นมือไปคว้าบ่าอั้มหมับ!
คนยืนหันหลังให้สะดุ้งขึ้นทั้งตัว หันขวับมามองหน้าอ้น ด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดราวกระดาษ
“ไอ้อั้ม เอ็งกลัวผี” อ้นชี้นิ้วล้อน้อง
“ฉันไม่ได้กล้ว ฉันตกใจพี่”
“ไม่เชื่อ เอ็งกลัวจนป๊อด หน้าซีดเป็นไก่ต้มเลย ฮ่า ๆ ๆ”
อั้มทำหน้าเคือง ไม่ชอบที่อ้นมาล้อตัวเองว่ากลัวผี บอกไม่กลัว...ไม่กลัว แต่อีกฝ่ายก็หัวเราะร่า บอกว่าไม่เชื่อ พอถามว่าทำยังไงถึงจะเชื่อ อ้นจึงท้าอั้มให้ขึ้นไปเล่นซ่อนแอบกันบนเรือนไม้ เพื่อเป็นการท้าพิสูจน์
เมื่ออั้มตอบตกลง อ้นก็จูงมืออั้มขึ้นมาเล่นซ่อนหาบนเรือนไม้ตามคำท้า ถึงตาอ้นเป็นคนหาบ้าง เขาเอามือปิดหน้าหันหลังให้อั้ม ปากก็นับเลขไปเรื่อย ๆ พอนับหนึ่งถึงสิบก็เอามือลง หันมากวาดตามองหาอั้มไปรอบ ๆ
...ไอ้อั้มมันเป็นเด็ก คิดอะไรมักไม่รอบคอบ โน่น! ในห้องข้างในนั่นแหละ เพราะมีที่ซ่อนเยอะที่สุด ต้องเป็นที่นั่นแน่...
ไม่รอช้า อ้นตรงดิ่งเข้าไปทางห้องข้างในทันที
แต่แล้วอ้นก็ต้องผิดหวัง หลังจากเดินหาอั้มจนทั่วบ้านก็ไม่เห็นมี ชะโงกหน้าดูทุกห้องก็ไม่เจอ วนเวียนหาอยู่หลายรอบจนเริ่มเบื่อ เลยนั่งลงคาธรณีประตูทางเข้าบ้าน มองไปยังห้องโถงซึ่งเป็นห้องโล่ง ๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นใด นอกจากตู้ไม้เก่าคร่ำคร่าขนาดค่อนข้างใหญ่ใบหนึ่ง ตั้งชิดผนังห้องด้านหนึ่ง
มอง ๆ ดูด้วยความสนใจ ในลักษณะของตัวตู้ที่ยังดูใช้ได้ เป็นตู้ไม้โบราณดี สีไม้ออกจะซีดไปแล้วเพราะความเก่า ทันทีนั้นเอง ประตูตู้ก็มีเสียงดังกุกกัก เหมือนมีคนอยู่ข้างใน อ้นเขม้นมองพร้อมเงี่ยหูฟัง
“แกอยู่ในตู้นั้น ฉันหาแกพบแล้ว แกแพ้แล้ว”
บานประตูตู้แง้มออกเล็กน้อย เหมือนคนข้างในกำลังจะเปิดออกมา พร้อมเสียงเด็กผู้ชายถามนำมาก่อน
“รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ในตู้”.
“ไอ้ปัญญาอ่อนเอ้ย! ก็แกพูดอยู่ในตู้ แล้วทำไมฉันจะไม่รู้”
ว่าแล้วอ้นก็ลุกไปกระชากบานประตูตู้เปิดออกทั้งสองบาน ก่อนตกตะลึง ชะงักจังงัง ยืนตัวแข็ง เบิกตากว้าง จ้องมองข้างในตู้ซึ่งว่างเปล่า ไม่มีแม้เงาของอั้มอยู่ข้างในนั้นเลย อย่างที่ตัวเองเข้าใจ...แล้วใครอยู่ในตู้
“พี่อ้น”
จู่ ๆ ก็มีเสียงทักของอั้มดังขึ้นที่ระเบียงหน้าประตูบ้าน ก่อนลงบันไดไปด้านล่าง
“พี่ขึ้นมาบนบ้านทำไม ฉันเก็บฝรั่งรออยู่ข้างล่างตั้งนาน ไหนว่าจะเล่นซ่อนหากันไง”
อ้นไม่ตอบ ปิดประตูตู้ดังปัง! หันหลังกลับ วิ่งแจ้นไปที่ประตูบ้าน ผ่านหน้าอั้มลงบันไดไป พร้อมเสียงร้องโวยวายดังลั่น
“โอ้ยยยย ไอ้อั้ม รีบวิ่งตามกูมา”
อั้มยืนงงว่าอ้นวิ่งโวยวายลงไปทำไม แต่เมื่อหันไปมองทางห้องโถงใหม่ เห็นบานประตูตู้ค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ พร้อมกับมีขาดำยาว ก้าวแหย่ออกมาก่อน เห็นเต็มตาเข้าแบบนั้น อั้มก็ไม่รอช้า ปาลูกฝรั่งในมือทิ้ง วิ่งพรวดลงบันไดตามพี่ชายไปทันที
และหลังจากเรื่องของเด็กชายทั้งสองแพร่สะพัดออกไป ตู้ใบนั้นก็ได้ถูกเคลื่อนย้าย นำไปไว้ที่วัดกลางหมู่บ้าน สำหรับใช้ใส่ของในวัดนั้น
แต่คิดไหมว่าจะมีใครกล้าเปิดประตูตู้ออกดู....