เราเรียนมหาลัยแห่งแถวบางพลี ค่าเทอมค่อนข้างเเพง แต่ด้วยความที่ตอนนั้นฐานะทางบ้านไม่ได้แย่เลยพอมีกำลังส่งเราเรียน บวกกับเราทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วยระหว่างเรียน จนวันนึงที่บ้านเริ่มมีปัญหาหมุนเงินไม่ทัน เริ่มไม่ได้ส่งเรา เราจึงต้องกู้ กรอ เพื่อจ่ายค่าเทอม ซึ่งมันไม่พอ เราก็ต้องทำงานหนักขึ้น ทำทุกอย่างที่เขาว่าได้เงินดี ขายเสื้อผ้ามือสองตามตลาดนัดรถไฟ ขายของกิน ขายครีมในเน็ต คือทำทุกอย่าง งานฟรีแลนด์ ใส่ชุดมาตคอต ยืนแจกใบปลิว เป็นแม่บ้าน เพื่อจะได้นำเงินมาจ่ายค่าหอ ค่าเทอมส่วนต่าง ค่ากิน ค่าชีทเรียน ค่ากิจกรรม จนเรามาเจอผู้ชายคนนึงช่วงเราขึ้นปี 3 เหมือนเขามาช่วยเราในทุกๆเรื่องที่เราลำบาก ทำให้เรามีความสุข คบกันมาจนถึงช่วงฝึกงาน ปี 4 ก่อนจบซึ่งเราเริ่มทำพาร์ทไทม์ได้น้อยเพราะเวลาเข้าน้อย บวกกับโควิดห้างปิดเร็ว และเขาเลยกลายเป็นคนจุนเจือเราทุกอย่าง แฟนเราก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเหมือนกันแต่ที่บ้านเขาไม่ได้มีปัญหา แต่เขาเเค่อยากมีเงินเก็บเป็นของตัวเอง ทุกครั้งที่เขาให้ตังค์เราเขาจะบอกว่าเป็นเงินของเค้าเขาหาเองทุกบาทได้มาจากการที่เขาทำงานเองไม่ได้ขอใครมา มันยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าเราดึงเขามาลำบาก ละยิ่งพ่อเเม่เขาถามถึงเรา ว่าที่บ้านเราเป็นยังไง ตัวเราเป็นยังไง เขาบอกว่าแม่เขาพูดเหมือนเขากำลังเลี้ยงเราอยู่ ละถามว่าจะได้ตังค์คืนจากเราไหมถ้าเราได้ทำงานประจำ คือเราจะเริ่มทำงานประจำเดือนหน้า ตอนนี้ทำได้แค่ขายของออนไลน์ มันทำให้เรารู้ว่าแม่เขาไม่ชอบเรา เหมือนไปทำให้ลูกเขาลำบาก เกาะลูกเขากิน ละมันทำให้เรามีปัญหากันทุกครั้งที่เขามาเล่า เขาจะบอกว่าไม่ต้องคิดมาก แต่เราก็คิดพอเราพูดเขาก็จะคิดว่าเราไม่เข้าใจเขาฟังที่เขาพูดแล้วตีความฝ่ายเดียว แต่สำหรับเรามันคิดได้แค่นั้นจริงๆ เราเลยคิดว่าความเหมาะสม ฐานะเงินทองมั้งที่จะต้องตัดสินว่าใครเหมาะกับใคร แค่รักมันคงยังไม่พอจริงๆ เเล้วเราก็ไม่อยากดึงเขามาลำบากไปกับเรา ด้วยเหตุผลอะไรหลายๆอย่างเขาควรได้ใช้ชีวิต ที่มีความสุข ไม่ต้องมาทนลำบากกับเรา
ความรักมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่คนสองคนแต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆด้วยใช่ไหม