1. เราคบกับแฟนมา 4 ปีค่ะ ตอนนี้มีแพลนที่แฟนจะยื่นกู้ซื้อบ้าน จึงคุยๆกันเรื่องนี้แฟนจึงเล่าให้ฟังว่าเค้าเคยติดเครดิตบูโรตั้งแต่ปี 2559 เลยไม่แน่ใจว่าตอนนี้หลุดจากฐานข้อมูลหรือยัง ซึ่งเป็นการติดค้างชำระบัตรเครดิตของธนาคารแห่งหนึ่ง
2. ในส่วนของการค้างชำระบัตรเครดิตนี้ได้เข้าสู่กระบวนการบังคับคดี และมีหนังสือแจ้งอายัดสิทธิเรียกร้องจากกรมบังคับคดีถึงบริษัทที่แฟนทำงานอยู่ ณ ขณะนั้น เพื่อแจ้งให้ทำการหักเงินเดือนไปชำระหนี้ และทางบริษัทได้มีการหักเงินเดือนไปแล้วตั้งแต่เดือน มี.ค. - มิ.ย. 2560 (ยอดหนี้ตอนนั้นเป็นเงิน 46,XXX บาท)
3. หลังจากนั้นแฟนคิดว่าเรื่องจบแล้ว เพราะทางบริษัทได้ทำการหักชำระเงินไปเรียบร้อยแล้ว จึงเปลี่ยนงานใหม่ ซึ่งตอนที่เปลี่ยนงานใหม่ช่วงปลายปี 2560 นั้นมีการตรวจเครดิตบูโรอีกครั้งพบว่าในรายงานผลเครดิตบูโรยังมียอดค้างชำระ 4X,XXX บาท จึงได้โทรสอบถามกับธนาคารเจ้าของบัตรทางพนักงานแจ้งว่ายังค้างอยู่เนื่องจากเครดิตบูโรจะค้างข้อมูลไว้ประมาณ 3 ปี (ถ้าจำไม่ผิดจะประมาณนี้)
4. ขณะเดียวกันช่วงปลายปี 2560 แฟนได้มีการกู้ซื้อรถยนต์ราคามากกว่า 1 ล้านบาท โดยใช้เงินดาวน์มากกว่า 60% ของราคารถ สามารถซื้อได้ไม่ติดปัญหาอะไรและไม่ต้องมีคนค้ำประกัน แฟนจึงไม่ได้สนใจในประเด็นการติดเครดิตบูโรบัตรเครดิตนี้
5. หลังจากนั้นในปี 2561 - ปัจจุบันแฟนใช้ชีวิตปกติ แต่เราพยาพยามถามเค้าตลอดว่าเรื่องบัตรเครดิตจบแล้วแน่ๆใช่ไหม ลองไปตรวจเครดิตบูโรใหม่หรือยัง แฟนก็ยืนยันว่าจบแล้ว
6. เรามีแพลนว่าจะให้แฟนเป็นผู้กู้ซื้อบ้านใหม่เพื่อวางแผนครอบครัว จึงให้แฟนไปยื่นตรวจเครดิตบูโรอีกครั้งเพื่อเช็คประวัติทางการเงินของเค้าให้เรียบร้อยก่อน ผลการตรวจพบว่าบัตรเครดิตใบที่เป็นปัญหานั้นยังคงติดอยู่ โดยมีการค้างชำระมากกว่า 300 วัน ขอแนบรายละเอียดดังรูปด้านล่าง
7. เราค่อนข้างตกใจว่าแฟนบอกว่าทุกอย่างจบแล้ว แต่ทำไมยังมียอดค้างชำระและติดเครดิตบูโรมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งถามรายละเอียดแฟนแล้วเค้าไม่สามารถตอบอะไรได้เลย บอกว่าไม่รู้รายละเอียด ยืนยันได้แค่ว่ามีการหักชำระไปแล้วในปี 2560 ตามที่เล่าด้านบนซึ่งเค้ายังคงเก็บเอกสารที่กรมบังคับคดีส่งมาและเอกสารการหักเงินเดือนไว้
8. เมื่อเราดูข้อมูลแล้วเห็นว่ายอดวงเงินที่ใช้ 4X,XXX ยังอยู่และในปี 2562 ยังเพิ่มมาถึง 70,XXX บาท และลดลงเหลือ 20,XXX บาท ตามรูป ทั้งที่เราไม่เคยเห็นแฟนเอาบัตรเครดิตมาใช้เลย และคิดว่าไม่น่าใช่อัตราดอกเบี้ยเพราะมียอดเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
9. ตั้งแต่คบกับมาเราเป็นคนบริหารจัดการเงินเดือนให้แฟนทุกอย่างเพราะเรารู้ตั้งแต่เริ่มคบกันว่าเค้าเคยติดปัญหานี้เราจึงอาสาจัดการให้เค้าเองเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำอีกครั้ง แต่ตอนนี้เราเครียดมาก ทั้งเครียดที่แฟนไม่มีความรับผิดชอบและไม่ใส่ใจในเรื่องที่สำคัญๆแบบนี้ และเครียดว่าเราจะร่วมฝากชีวิตไว้กับคนแบบนี้จริงๆหรือไม่เพราะแม้แต่เรื่องเล็กๆกับเงินก้อนน้อยๆนี้เค้ายังไม่สามารถบริหารจัดการอะไรได้เลย
จึงขอสอบถามผู้ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ว่า กรณีตามที่เราเล่ามานี้การที่ยังมียอดค้างชำระค้างอยู่ และมีการเพิ่มขึ้นลดลงอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้เกิดจากสาเหตุใดหรือน่าจะเป็นเพราะอะไรได้บ้าง ซึ่งตอนนี้ส่วนเราคิดว่าแฟนเปิดบัตรเครดิตนี้ให้แฟนเก่าใช้ หลังจากที่เค้าเลิกกันไปทางนั้นอาจยังใช้บัตรเครดิตใบนี้แต่ไม่จ่ายชำระให้หรือเปล่าแต่ใจนึงก็คิดว่าการที่บังคับคดีไปแล้วบัตรเครดิตนี้ต้องถูกอายัดไม่ให้ใช้งานหรือไม่ เราสับสนมากจึงขอสอบถามจากผู้ที่มีความรู้ด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอสอบถามเรื่องเครดิตบูโรและการค้างชำระบัตรเครดิต
2. ในส่วนของการค้างชำระบัตรเครดิตนี้ได้เข้าสู่กระบวนการบังคับคดี และมีหนังสือแจ้งอายัดสิทธิเรียกร้องจากกรมบังคับคดีถึงบริษัทที่แฟนทำงานอยู่ ณ ขณะนั้น เพื่อแจ้งให้ทำการหักเงินเดือนไปชำระหนี้ และทางบริษัทได้มีการหักเงินเดือนไปแล้วตั้งแต่เดือน มี.ค. - มิ.ย. 2560 (ยอดหนี้ตอนนั้นเป็นเงิน 46,XXX บาท)
3. หลังจากนั้นแฟนคิดว่าเรื่องจบแล้ว เพราะทางบริษัทได้ทำการหักชำระเงินไปเรียบร้อยแล้ว จึงเปลี่ยนงานใหม่ ซึ่งตอนที่เปลี่ยนงานใหม่ช่วงปลายปี 2560 นั้นมีการตรวจเครดิตบูโรอีกครั้งพบว่าในรายงานผลเครดิตบูโรยังมียอดค้างชำระ 4X,XXX บาท จึงได้โทรสอบถามกับธนาคารเจ้าของบัตรทางพนักงานแจ้งว่ายังค้างอยู่เนื่องจากเครดิตบูโรจะค้างข้อมูลไว้ประมาณ 3 ปี (ถ้าจำไม่ผิดจะประมาณนี้)
4. ขณะเดียวกันช่วงปลายปี 2560 แฟนได้มีการกู้ซื้อรถยนต์ราคามากกว่า 1 ล้านบาท โดยใช้เงินดาวน์มากกว่า 60% ของราคารถ สามารถซื้อได้ไม่ติดปัญหาอะไรและไม่ต้องมีคนค้ำประกัน แฟนจึงไม่ได้สนใจในประเด็นการติดเครดิตบูโรบัตรเครดิตนี้
5. หลังจากนั้นในปี 2561 - ปัจจุบันแฟนใช้ชีวิตปกติ แต่เราพยาพยามถามเค้าตลอดว่าเรื่องบัตรเครดิตจบแล้วแน่ๆใช่ไหม ลองไปตรวจเครดิตบูโรใหม่หรือยัง แฟนก็ยืนยันว่าจบแล้ว
6. เรามีแพลนว่าจะให้แฟนเป็นผู้กู้ซื้อบ้านใหม่เพื่อวางแผนครอบครัว จึงให้แฟนไปยื่นตรวจเครดิตบูโรอีกครั้งเพื่อเช็คประวัติทางการเงินของเค้าให้เรียบร้อยก่อน ผลการตรวจพบว่าบัตรเครดิตใบที่เป็นปัญหานั้นยังคงติดอยู่ โดยมีการค้างชำระมากกว่า 300 วัน ขอแนบรายละเอียดดังรูปด้านล่าง
7. เราค่อนข้างตกใจว่าแฟนบอกว่าทุกอย่างจบแล้ว แต่ทำไมยังมียอดค้างชำระและติดเครดิตบูโรมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งถามรายละเอียดแฟนแล้วเค้าไม่สามารถตอบอะไรได้เลย บอกว่าไม่รู้รายละเอียด ยืนยันได้แค่ว่ามีการหักชำระไปแล้วในปี 2560 ตามที่เล่าด้านบนซึ่งเค้ายังคงเก็บเอกสารที่กรมบังคับคดีส่งมาและเอกสารการหักเงินเดือนไว้
8. เมื่อเราดูข้อมูลแล้วเห็นว่ายอดวงเงินที่ใช้ 4X,XXX ยังอยู่และในปี 2562 ยังเพิ่มมาถึง 70,XXX บาท และลดลงเหลือ 20,XXX บาท ตามรูป ทั้งที่เราไม่เคยเห็นแฟนเอาบัตรเครดิตมาใช้เลย และคิดว่าไม่น่าใช่อัตราดอกเบี้ยเพราะมียอดเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
9. ตั้งแต่คบกับมาเราเป็นคนบริหารจัดการเงินเดือนให้แฟนทุกอย่างเพราะเรารู้ตั้งแต่เริ่มคบกันว่าเค้าเคยติดปัญหานี้เราจึงอาสาจัดการให้เค้าเองเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำอีกครั้ง แต่ตอนนี้เราเครียดมาก ทั้งเครียดที่แฟนไม่มีความรับผิดชอบและไม่ใส่ใจในเรื่องที่สำคัญๆแบบนี้ และเครียดว่าเราจะร่วมฝากชีวิตไว้กับคนแบบนี้จริงๆหรือไม่เพราะแม้แต่เรื่องเล็กๆกับเงินก้อนน้อยๆนี้เค้ายังไม่สามารถบริหารจัดการอะไรได้เลย
จึงขอสอบถามผู้ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ว่า กรณีตามที่เราเล่ามานี้การที่ยังมียอดค้างชำระค้างอยู่ และมีการเพิ่มขึ้นลดลงอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้เกิดจากสาเหตุใดหรือน่าจะเป็นเพราะอะไรได้บ้าง ซึ่งตอนนี้ส่วนเราคิดว่าแฟนเปิดบัตรเครดิตนี้ให้แฟนเก่าใช้ หลังจากที่เค้าเลิกกันไปทางนั้นอาจยังใช้บัตรเครดิตใบนี้แต่ไม่จ่ายชำระให้หรือเปล่าแต่ใจนึงก็คิดว่าการที่บังคับคดีไปแล้วบัตรเครดิตนี้ต้องถูกอายัดไม่ให้ใช้งานหรือไม่ เราสับสนมากจึงขอสอบถามจากผู้ที่มีความรู้ด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ