รีโนเวทบ้านไม้ริมแม่น้ำ อดีตเรือนหอคุณทวด

สวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอบคุณเพื่อนๆชาวพันทิพทุกท่านที่ให้ข้อคิดและความรู้ หลังจากที่เคยมาตั้งกระทู้ถามเพื่อนๆ ตั้งแต่เริ่มรีโนเวทบ้านเมื่อปีที่แล้ว ช่วงโควิดรอบแรก จนตอนนี้โควิดรอบ3 บ้านก็เสร็จสมบูรณ์ (ตามกำลังทรัพย์และเศรษฐกิจ) พวกเราตั้งชื่อบ้านนี้ว่า "บ้านอาภรณ์" ซึ่งเป็นชื่อของคุณตาครับ บ้านนี้อยู่ที่จังหวัดนนทบุรีครับ ฝั่งไทรม้า ตรงข้ามกระทรวงพานิชย์ (สนามบินน้ำ)

(รูปวันแต่งงานคุณตา-คุณยาย ที่บ้านหลังนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2499) 


(ด้านหลังรูปคือมุมที่จัดพิธีแต่งงาน)

ก่อนอื่นจะขอเล่าประวัติคร่าวๆ ของบ้านหลังนี้ก่อนนะครับ คุณยายเล่าว่าบ้านหลังนี้ เดิมเป็นเรือนหอของคุณทวด ตัวเรือนหลักเป็นไม้สัก แยกเป็นสองส่วน ส่วนแรกเป็นจั่วสูงแบบบ้านเรือนไทย อีกส่วนเป็นจั่วเตี้ย มีช่องลมฉลุลาย และบานหน้าต่างแบบบานกระทุ้ง สำหรับระบายความร้อน และรับลมจากแม่น้ำ ต่อมาคุณทวดยกบ้านหลังนี้ให้เป็นเรือนหอของคุณตา-คุณยาย อีกทอดหนึ่ง ซึ่งท่านก็อยู่บ้านหลังนี้มาเรื่อยๆ คุณแม่-คุณป้าของผมก็เกิดที่บ้านหลังนี้เช่นกัน จนเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ได้ย้ายออกไปปลูกบ้านใหม่ริมถนนรัตนาธิเบศร์ในปัจจุบัน เนื่องจากความไม่สะดวกในสมัยนั้น และยังไม่มีถนนตัดผ่านหลังบ้าน ต้องเดินทางโดยเรือ เข้าจากหน้าบ้านที่ติดแม่น้ำเป็นหลัก ทั้งครอบครัวของคุณยาย พี่ๆน้องๆคุณยาย และคุณทวด ก็ย้ายออกจากตรงนั้นไปอยู่ที่อื่นเช่นกัน

(หน้าบ้าน ก่อนและหลังรีโนเวท)

(หน้าบ้านช่วงกลางคืน)

(หน้าบ้าน ช่วงกลางวัน)
  
หลังจากที่คุณตา-คุณยาย ได้ย้ายออกมาปลูกบ้านใหม่ บ้านหลังนี้ก็ถูกทิ้งไว้หลายปี จนให้ญาติๆที่รู้จักกันไปพักอยู่บ้าง จนน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 บ้านนี้ก็จมน้ำอยู่ครึ่งหลัง ร่วมๆ 3 เดือน โชคดีที่โครงสร้างบ้านส่วนใหญ่จะเป็นไม้สัก และไม้เนื้อแข็ง ทำให้บ้านอยู่มาได้ จนถึงทุกวันนี้

(ร่องรอยคราบน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 ทำสีไม้เดิมเปลี่ยนไป)
 
ความทรงจำของผมในวัยเด็ก กับบ้านหลังนี้ เท่าที่จำได้คือคุณตาพามาเล่นน้ำ แล้วก็ขี่ท่อนซุงที่คุณตาเก็บไว้ใต้ถุนบ้าน คุณตาเล่าว่าเก็บจากเรือที่ลากซุงสมัยก่อน แล้วจะมีท่อนซุงบางส่วนที่หลุดออกมาจากแพที่ลากจูงตามน้ำมา นี่คือสิ่งเดียวที่ผมจำได้ แล้วผมก็แทบจะลืมบ้านหลังนี้ไปเลยจากความทรงจำ จนมีอยู่วันนึงที่ไปทานก๋วยเตี๋ยวกับคุณแม่ เป็นร้านฝั่งตรงข้ามบ้าน ก็เลยคุยกันถึงบ้านนี้ ซึ่งตอนนั้นยังนึกไม่ออกเลยว่าอยู่ตรงไหน แค่จำได้ว่ามีบ้านหลังนี้อยู่ริมแม่น้ำ แล้วนึกสนุกชวนกันนั่งเรือเข้ามา เพราะคุณแม่บอกว่าตอนนี้ที่บ้านให้คนขับเรือหางยาวข้ามฝากไปอยู่ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็กลัวจะไม่มีใครดูแล ตอนแรกก็คิดว่าจะแค่เข้ามาดูเฉยๆ เพราะจำไม่ได้เลยว่าบ้านนี้หน้าตาเป็นอย่างไร

(สะพานไม้หน้าบ้าน วันแรกที่นั่งเรือเข้ามาดูบ้าน)


(จ้างคนงานมาตัดหญ้าหน้าบ้าน เยอะมากๆ ต้องรีบทำช่วงน้ำลง แข่งกับเวลาสุดๆ)

วันแรกที่นั่งเรือเข้ามา ด้วยความทุลักทุเล และสะพานไม้ที่ชำรุดหน้าบ้าน บางช่วงถึงกับต้องค่อยๆคลานเข้ามา เพราะกลัวจะตกน้ำไป นึกย้อนไปก็ขำ วันนั้นแว่บแรกคิดในใจว่า ไม่น่าหาเรื่องเข้ามาเล้ยยยย แต่พอมาถึงตัวบ้าน เปิดเข้ามาเจอรูปคุณตา ลายช่องลมฉลุ และส่วนต่างๆของบ้านที่ยังคงสภาพดีอยู่มาก ทำให้ผมต้องคิดเสียดายอยู่ในใจ ว่าทำไมปล่อยให้บ้านสวยๆแบบนี้ปิดไว้เป็นสิบๆปี อีกทั้งวิวริมแม่น้ำหน้าบ้าน ที่ชวนให้อยากนั่งมองตลอดเวลา 

จากวันนั้นก็อีกเกือบปี ที่กลับมานั่งคิดนอนคิด ว่าจะทำอย่างไรกับบ้านนี้ดี ด้วยความที่บ้านไม่มีคนอยู่มานาน น้ำประปาถูกตัดไปนานแล้ว (คนขับเรือที่เฝ้าบ้าน จะรองน้ำฝนไว้ใช้) แต่ยังโชคดีที่ยังมีไฟฟ้าอยู่ คิดแล้วคิดอีก จนเกือบเลิกล้มความตั้งใจ ทั้งเรื่องเงินที่จะเอามารีโนเวทและดีดบ้าน อีกทั้งระบบน้ำที่ต้องขอเดินท่อเข้ามาผ่านที่ของเพื่อนบ้าน
(ในบ้านวันแรกที่เข้ามาที่บ้าน ทั้งฝุ่น ทั้งหยากไย่ และรอยน้ำท่วม)
 
ในที่สุดด้วยความที่มีเพื่อนบ้านที่น่ารัก และรู้จักกันมานานตั้งแต่สมัยคุณตา-คุณยาย คุณแม่ก็ไปคุยจนได้ขอเดินท่อน้ำประปาเข้ามา อีกเรื่องคือการขอผ่านที่ดินของเจ้าของใหม่ ที่คุณตา-คุณยาย ได้ขายที่หลังบ้านไปแล้ว จะเหลือแค่ตัวบ้านที่อยู่บนน้ำเท่านั้น ที่ยังถือครองกรรมสิทธิ์อยู่ ด้วยความอนุเคราะห์ของเจ้าของที่ใหม่ ที่ท่านก็ยังไม่ได้ทำอะไรกับที่ผืนนี้ ก็อนุญาติให้เราผ่านที่เข้ามาทำการรีโนเวทบ้านได้ เพราะของที่ต้องใช้มีทั้ง หิน ทราย เสาเข็ม เสาบ้าน ไม้ และวัสดุต่างๆอีกมากมาย ซึ่งถ้าให้ขนมาทางเรือนั้นก็คงจะลำบาก และมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามไปด้วย

(วัสดุมาส่ง เตรียมรีโนเวท แต่ติดช่วงโควิด ช่างมาไม่ได้อยู่ดี T_T)

ขั้นตอนต่อไปคือการหาช่างมาดีดบ้านและเปลี่ยนเสาไม้ทั้งหมด ให้เป็นเสาปูน ช่วงนี้ก็หาและคุยกับช่างอยู่หลายเจ้ามากๆ จนได้ทีมงานช่างธนกร แต่ก็มีปัญหาช่วงโควิดรอบแรก เดินทางข้ามจังหวัดไม่ได้ เลยต้องรออยู่หลายเดือน แต่ในที่สุดทีมช่างก็เข้ามา และใช้เวลาส่วนนี้ประมาณ 1 เดือนเต็มๆ สำหรับการดีดบ้านส่วนที่ทรุด และเปลี่ยนจากเสาไม้เป็นเสาปูนทั้งหมด รวมถึงทำชานหลังบ้านสำหรับวางแทงค์น้ำ และชานหน้าบ้าน

(ช่างเริ่มดีดบ้าน และเปลี่ยนเสาไม้เป็นเสาปูน)
 
งานแรกคือการดีดบ้านส่วนที่ทรุดและปรับระดับให้เท่ากันทุกส่วน รวมถึงเปลี่ยนจากเสาไม้เป็นเสาปูน รวมๆทั้งหมดเกือบ 50 ต้น ปัญหาและอุปสรรคหลักๆคือดินเลนโคลนใต้บ้าน และช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง ซึ่งมีผลต่อการทำงานมาก ต่างจากการดีดบ้านบนดิน แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ

(ช่างกำลังทำชานหน้าบ้าน และหลังบ้าน)

งานต่อมาคือการซ่อมสะพานไม้หน้าบ้าน ที่ยาวถึง 60 กว่าเมตร จากชานหน้าบ้านยาวไปถึงบันไดลงแม่น้ำด้านหน้า สำหรับขึ้นลงเรือ ด้วยความที่เสาไม้เก่ายังดีอยู่ แต่เป็นเสาเดี่ยว และปัจจุบันกรมเจ้าท่าห้ามปักเสาใดๆ รุกล้ำลงไปในส่วนของแม่น้ำ ทำให้ต้องซ่อมโดยยังคงของรูปแบบเสาเดี่ยว แต่เสริมคานใหม่ และใช้ไม้ใหม่เกือบทั้งหมดมาทำพื้น ขับรถไปหาไม้เก่าหลายที่มากๆ มาได้ไม้เก่าที่เค้ารื้อมาจากบ้านเก่า ขายยกหลัง แถวๆแยกบางพลู แต่ก็ยังไม่พอ เพราะสะพานค่อนข้างยาวมาก ต้องหาที่ซื้อขายไม้เก่าอีก 2-3 ที่ กว่าจะได้ไม้ครบทุกส่วน ก็หาอยู่หลายวัน การซ่อมส่วนนีทีมช่างใช้เวลาอีกประมาณ 1 อาทิตย์ครับ

(ซ่อมสะพานเสร็จก่อนหน้าน้ำปีที่แล้วพอดี น้ำขึ้นถึงชานหน้าบ้านเลย)
 
เสร็จจากโครงสร้างหลัก ยังมีส่วนโครงสร้างรองที่รอการซ่อมแซมอีกหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น พื้นไม้ในครัว ฝาบ้านบางจุดที่เสียหายจากน้ำท่วม รางน้ำฝนบางจุดที่รั่วลงมา จนทำให้พื้นไม้สึกกร่อน รวมถึงห้องน้ำที่ต้องเปลี่ยนสุขภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด แต่ยังโชคดีที่ในส่วนของห้องน้ำนั้นเป็นปูน ทำแยกออกมาจากตัวบ้าน โครงสร้างยังแข็งแรงดีมาก รวมถึงกระเบื้องในห้องน้ำ ที่ไม่มีหลุดร่อนสักแผ่น ช่างสมัยก่อนนี่ฝีมือเยี่ยมจริงๆครับ

(เริ่มทำห้องน้ำ โดยยังเก็บกระเบื้องเก่าไว้ทั้งหมด ทั้งพื้นและผนังห้องน้ำ)


ส่วนของห้องน้ำก็ทาสีฝ้าและผนังใหม่ (ทำเองครับ สนุกดี ประหยัดงบด้วย 555) ให้ช่างมาทุบอ่างน้ำอันเก่าออก แล้วทำเป็นเค้าเตอร์อ่างล้างหน้าขึ้นมา เปลี่ยนโถสุขภัณฑ์ใหม่ ฉาบผนังที่มีรูของอิฐบล็อคตรงด้านที่ติดกับห้องครัว รวมถึงเดินท่อประปาใหม่ภายนอกเข้าตามจุดต่างๆ ส่วนนี้ใช้เวลาประมาณ 3 วันครับ 

ต่อมาคือการเดินสายไฟใหม่ทั้งบ้าน ซึ่งของเก่าคือเดินสายไฟเปลือยและตีกิ๊บไว้ ซึ่งช่างไฟไม่นำให้เดินแบบนี้ในปัจจุบัน เลยต้องเปลี่ยนเป็นเดินสายไฟแบบร้อยท่อ ส่วนนี้ใช้เวลาหลายวันครับ ทั้งจากโควิด และทั้งจากคิวช่างด้วย หลังจากเดินสายไฟเสร็จ ก็ต้องมาทาสีน้ำตาลทับท่อสายไฟ ให้ท่อกลมกลืนไปกับสีของบ้านไม้ เนื่องจากท่อเป็นสีขาว ซึ่งตัดกับตัวบ้านที่เป็นไม้มากถ้าไม่ทาสีทับ ส่วนนี้ก็ทาเองอีกเช่นเคยครับ (สกิลการทาสีตอนนี้คืออัพเลเวลมาก)

(คุณยายแอบมาดูช่างติดไฟ)

งานต่อมาคือการทาสีผนัง ซึ่งส่วนนี้ผมก็ทำเองอีกเช่นเคย บางส่วนก็ต้องขัดคราบฝุ่นที่ติดมานานด้วยแปรงทองเหลือง บางส่วนที่ไม่สามารถขัดได้ก็ใช้ผ้าเช็ด เป็นงานที่เหนื่อยมากที่สุด เพราะถ้าไม่ทำความสะอาดก่อน ก็ทาสีไม่ได้ งานส่วนนี้เลยค่อยๆทำมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันนี้ก็ยังทาไม่ครบ ปล่อยให้เห็นร่องรอยความเก่าบ้าง ส่วนการทาสีพื้นบ้าน อันนี้ต้องยอมจ้างช่างครับ เพราะต้องกัดสีเก่า ลงน้ำยาหลายอย่าง เกินความสามารถผมไปจริงๆ
    
เดี๋ยวมาต่อครับ ใกล้สำเร็จแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่