ขอถามก่อนเลยนะครับ ว่าบริษัทไหนบ้างครับที่มีพนักงานติดเชื้อโควิดแล้วไม่ปิดทำการครับ อย่างน้อยๆ ถ้ามี พนง. ติดเชื้อ บริษัท หรือ ออฟฟิศนั้น ต้องปิดการดำเนินการ 14 วัน เพื่อเป็นการเฝ้าระวังการเเพร่เชื้อ เเละ ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ พร้อมทั้งทำความสะอาดฆ่าเชื้อให้เรียบร้อบ เเจ้งกรมสาธารณะสุข ให้ พนง. ทุกคนไปตรวจหาเชื้อ เขาต้องทำกันอย่างนี้ถูกต้องไหมครับ แต่....ที่บริษัทของผมไม่ใช่เเบบนั้นครับ (ขอเล่าในย่อหน้าถัดไป)
บริษัทที่ผมทำงานอยู่ มี พนง.คนนึงติดเชื้อโควิด เเละได้เข้ารักษาตัวที่ รพ. พนง.คนนี้เป็นแผนกที่พบปะผู้คนทั่วทั้งบริษัท (บริษัทไม่ใหญ่นะครับ) ผู้ติดเชื้อได้มีการเเจ้งผู้บริหารว่า ตนไม่สามารถมาทำงานได้เนื่องจาก รถฉุกเฉินมารับตัว เพื่อไปรักษาตัวที่ รพ. เป็นช่วงวันอาทิตย์ที่ทุกคนในบริษัททราบ เเละมีการกระจายข่าวนี้ไป เพื่อทุกคนจะได้ระมัดระวังตัวมากขึ้น เเละเตรียมตัว WFH บริษัทสั่งหยุดเป็นเวลา 4 วัน เพื่อทำความสะอาด เเละให้พนักงานได้ไปตรวจโควิด เเละเเจ้งผล
บริษัมเรา ด้วยความเป็นบริษัทขนาดเล็ก การบริหารจัดการของทีมบริหารก็ยังไม่ดีพอ ที่จะทำให้การทำงานมันราบลื่น เเต่ก็นั้นล่ะครับ เพราะไม่ได้มีการวางเเผนใดๆในการรับมือ จึงเกิดการ WFH ที่ไม่ใช่การ เกิดขึ้น
ในส่วนของผู้บริหารเอง ก็ดูไม่ได้กลัวการเเพร่ระบาดของเชื้อโควิด ยังมีการตาม พนง. ให้เข้าไปทำงาน พร้อมทั้งขู่เรื่องเงิน ว่าหากไม่ทำงานจะหักเงินให้หมด มันสร้งความกลัว เเละความวิตกกังวลให้ พนง. หลายคน ในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรเห็นใจกันไม่ใช่หรอ ในทางฝั่ง พนง. ก็ใช่ว่าจะไม่ทำงานให้ เพราะทุกคนก็ได้รับงานที่มอบหมายมาให้ทำ การที่ โดนพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไร้ความเมตตา หลายครั้งที่ทำให้ พนง. อย่างผม ต้องมานั่งคิดว่า ทางทีมผู้บริหาร จิตใตเขาเป็นอย่างไร เหตุใดถึงไม่เข้าใจในสถานการณ์ ในช่วงที่ทุกคนต้องคอยซัพพอตกัน ผมเเละเพื่อนหลายคน รับไม่ได้จริงๆนะครับ กับพูดบางคำพูดที่ทางทีมบิรหารเขาพูดออกมา มันทำให้ถดถอย ท้อในการทำงาน เพราะทำงานเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย มีเเต่จ้องจับผิดทั้งในเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ บางครั้งเรื่องที่มันไม่ใช่ปัญหา กลับเป็นปํญหาเสียได้ ผมจากคนที่ยอมมาตลอด หลังๆผมก็เริ่มทนไม่ไหวกับการกระทำของผู้บริหาร เหนื่อยครับ เหนื่อยมาก ถ้าเทียบกับเงินเดือนที่ได้ ผมว่าผมไม่คุ้มเลย เเต่ในช่วงที่มันลำบาก การหางานใหม่ก็คงยาก ยังไงผมก็คงต้องอดทนเเละทำต่อไป
ขอบคุณทุกท่านที่เข้าความแสดงความเห็นนะครับ ผมเหนื่อยครับ ผมแค่อยากระบาย
ขอบคุณครับ
โควิด 19 ทำให้เราได้เห็นความเมตตาของคนมากขึ้น พูดแล้วน้ำตาแทบไหลเป็นสายเลือด
บริษัทที่ผมทำงานอยู่ มี พนง.คนนึงติดเชื้อโควิด เเละได้เข้ารักษาตัวที่ รพ. พนง.คนนี้เป็นแผนกที่พบปะผู้คนทั่วทั้งบริษัท (บริษัทไม่ใหญ่นะครับ) ผู้ติดเชื้อได้มีการเเจ้งผู้บริหารว่า ตนไม่สามารถมาทำงานได้เนื่องจาก รถฉุกเฉินมารับตัว เพื่อไปรักษาตัวที่ รพ. เป็นช่วงวันอาทิตย์ที่ทุกคนในบริษัททราบ เเละมีการกระจายข่าวนี้ไป เพื่อทุกคนจะได้ระมัดระวังตัวมากขึ้น เเละเตรียมตัว WFH บริษัทสั่งหยุดเป็นเวลา 4 วัน เพื่อทำความสะอาด เเละให้พนักงานได้ไปตรวจโควิด เเละเเจ้งผล
บริษัมเรา ด้วยความเป็นบริษัทขนาดเล็ก การบริหารจัดการของทีมบริหารก็ยังไม่ดีพอ ที่จะทำให้การทำงานมันราบลื่น เเต่ก็นั้นล่ะครับ เพราะไม่ได้มีการวางเเผนใดๆในการรับมือ จึงเกิดการ WFH ที่ไม่ใช่การ เกิดขึ้น
ในส่วนของผู้บริหารเอง ก็ดูไม่ได้กลัวการเเพร่ระบาดของเชื้อโควิด ยังมีการตาม พนง. ให้เข้าไปทำงาน พร้อมทั้งขู่เรื่องเงิน ว่าหากไม่ทำงานจะหักเงินให้หมด มันสร้งความกลัว เเละความวิตกกังวลให้ พนง. หลายคน ในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรเห็นใจกันไม่ใช่หรอ ในทางฝั่ง พนง. ก็ใช่ว่าจะไม่ทำงานให้ เพราะทุกคนก็ได้รับงานที่มอบหมายมาให้ทำ การที่ โดนพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไร้ความเมตตา หลายครั้งที่ทำให้ พนง. อย่างผม ต้องมานั่งคิดว่า ทางทีมผู้บริหาร จิตใตเขาเป็นอย่างไร เหตุใดถึงไม่เข้าใจในสถานการณ์ ในช่วงที่ทุกคนต้องคอยซัพพอตกัน ผมเเละเพื่อนหลายคน รับไม่ได้จริงๆนะครับ กับพูดบางคำพูดที่ทางทีมบิรหารเขาพูดออกมา มันทำให้ถดถอย ท้อในการทำงาน เพราะทำงานเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย มีเเต่จ้องจับผิดทั้งในเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ บางครั้งเรื่องที่มันไม่ใช่ปัญหา กลับเป็นปํญหาเสียได้ ผมจากคนที่ยอมมาตลอด หลังๆผมก็เริ่มทนไม่ไหวกับการกระทำของผู้บริหาร เหนื่อยครับ เหนื่อยมาก ถ้าเทียบกับเงินเดือนที่ได้ ผมว่าผมไม่คุ้มเลย เเต่ในช่วงที่มันลำบาก การหางานใหม่ก็คงยาก ยังไงผมก็คงต้องอดทนเเละทำต่อไป
ขอบคุณทุกท่านที่เข้าความแสดงความเห็นนะครับ ผมเหนื่อยครับ ผมแค่อยากระบาย
ขอบคุณครับ