ดุสิตธานีเตรียมพร้อมเปิดรับ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ยกระดับบริการ “ดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต” มั่นใจสร้างประสบการณ์สุดพิเศษ

กระทู้ข่าว
กลุ่มดุสิตธานีเตรียมพร้อมกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวภายใต้โมเดล “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ผ่านโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต หลังจากพนักงานรับวัคซีนครบ 100% เผยระหว่างรอนักท่องเที่ยวกลับมาเยือน เดินหน้าปรับปรุงทั้งพื้นที่และกิจกรรมต่างๆ อย่างหลากหลายเพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวสุดพิเศษ พร้อมจัดแพคเกจรองรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ


นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดุสิตธานีมีความพร้อมรับกับโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีแผนให้จังหวัดภูเก็ตเป็นพื้นที่นำร่องการเดินทางท่องเที่ยวโดยไม่กักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว โดยสามารถท่องเที่ยวพักอาศัยในจังหวัดภูเก็ตได้ 14 วัน ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มดุสิตธานีได้ดำเนินการปรับปรุงทั้งพื้นที่และกิจกรรมต่างๆ ของโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต เพื่อรองรับกับโมเดลดังกล่าว และเพื่อพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป ตามไทม์ไลน์ของ ททท.

“เราได้เตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวกับโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ทั้งในส่วนของที่พักและบุคลากร โดยโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต เป็นสถานประกอบการที่ได้รับ SHA Plusขง Certificate  คือเป็นสถานประกอบการที่ได้รับสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัย SHA และบุคคลากรได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ครบ 100% แล้ว ในขณะที่พนักงานส่วนของอีลิธ เฮเวนส์ (Elite Havens) ที่ภูเก็ต สมุย และพังงา ก็ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 100 % เช่นเดียวกัน  นอกจากนี้ เรายังได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ และสร้างสรรกิจกรรมใหม่ๆ ในโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต โดยยึดแนวคิดของ Dusit Graciousness หรือการให้บริการอันเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มดุสิตธานีที่ให้ความสำคัญกับ 4 แกนหลัก คือ   บริการที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า (Service)  บริการที่ตอบสนองการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาวะที่ดีทั้งกายและใจ (Well-being)   บริการที่เข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับชุมชนและคนรอบข้าง (Locality) และบริการที่คำนึงถึงสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (Sustainability)” นางศุภจีกล่าว


ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี กล่าวด้วยว่า ตัวอย่างรูปแบบกิจกรรมต่างๆ ที่เราเตรียมไว้รองรับนักท่องเที่ยว จะเป็นการนำเอาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันเปี่ยมเสน่ห์และเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของท้องถิ่นมาตีความและออกแบบใหม่ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวในศตวรรษที่ 21 ที่มองหาประสบการณ์การพักผ่อนที่มีคุณค่า เข้าถึงความเป็นท้องถิ่นอย่างแท้จริง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน เช่น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สัมผัสและสนับสนุนอาชีพของคนท้องถิ่น เช่น วิถีชีวิตชาวประมงชายฝั่ง การจัดกิจกรรมเวิร์คช้อปแบบยั่งยืน เช่น การทำผ้ามัดย้อมธรรมชาติจากดอกไม้ การลองหัดทำอาหารพื้นบ้านจากสูตรดั้งเดิม พร้อมกับเรียนรู้แหล่งที่มาของวัตถุดิบพื้นถิ่นที่ปลอดสารพิษและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ตลอดจน การเรียนรู้ศิลปะวัฒนธรรมไทยแขนงอื่นๆ นอกจากนี้ เรายังเพิ่มโปรแกรมดูแลสุขภาพกายและใจแบบองค์รวมที่หลากหลาย อาทิเช่น โยคะ Mindfulness ในชีวิตประจำวัน ดนตรีบำบัด กิจกรรมทางน้ำอย่าง Stand up paddle board รวมไปถึงกิจกรรมสนุกสนานสำหรับเด็กๆ อย่าง Kid’s Camp เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้วย รวมที่หลากหลาย อาทิเช่น โยคะ Mindfulness ในชีวิตประจำวัน ดนตรีบำบัด กิจกรรมทางน้ำอย่าง Stand up paddle board รวมไปถึงกิจกรรมสนุกสนานสำหรับเด็กๆ อย่าง Kid’s Camp เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้วย

ทั้งนี้ ททท.ได้จัดทำโครงการสำหรับเปิดรับนักท่องเที่ยวซึ่งตามแผนใหม่กำหนดไว้ 10 พื้นที่ โดยเริ่มจากจังหวัดภูเก็ตในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เป็นจังหวัดแรก ซึ่งจะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเท่านั้น จะเดินทางเข้ามาได้โดยที่ไม่ต้องกักตัว โดย ททท.ประเมินว่า หากการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามเป้าหมาย จะทำให้ทั้งปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้ประมาณ 3-4 ล้านคน โดยในการเปิด “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ช่วง 3 เดือน ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคมถึง 30 กันยายนนั้น จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 1.29 แสนคน และจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป

พร้อมกันนี้ กลุ่มดุสิตธานี ยังมีแผนที่จะจัดทำโปรโมชั่นแพคเกจ Back to Paradise  รองรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการกลับมาเที่ยวภูเก็ต และนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ หรือนักธุรกิจที่เดินทางเข้าออกประเทศไทย ที่ต้องการกลับเข้าประเทศไทยแบบไม่ต้องกักตัว ด้วยการเข้าพักและท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตตามข้อกำหนด ก่อนจะเดินทางต่อไปในจังหวัดอื่นๆ ในราคาเริ่มต้นสุทธิที่ 12,800 บาท โดยจะเปิดให้จองระหว่าง 25 มิถุนายน -​ 30 กันยายน และเริ่มเข้าพักได้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2564 Back to Paradise เป็นโปรโมชั่นห้องพักพร้อมอาหารเช้าสำหรับสองท่าน มีให้เลือกหลายรูปแบบตามความต้องการลูกค้า ได้แก่ พัก 3 คืน ฟรี 1 คืน; พัก 7 คืน ฟรี 3 คืน; และพัก 10 คืน ฟรี 4 คืน โดยทุกแพคเกจจะได้รับฟรีเครดิตสำหรับใช้รับประทานอาหารและเครื่องดื่มในโรงแรมตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้มูลค่าสูงสุดถึง 10,000 บาท  นอกจากนี้ หากลูกค้าเดินทางร่วมกับสายการบินพันธมิตร ได้แก่ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ เอทิฮัด แอร์เวย์ และโอมาน แอร์ จะได้รับไมล์สะสมสูงสุดถึง 7,500 แต้ม  และสิทธิพิเศษในการจองห้องพักกับโรงแรมในเครือดุสิตธานี ที่ร่วมรายการ ในราคาพิเศษเพียง 2,000 บาท ได้สูงสุด 30 คืน


อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่รอโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ที่จะเริ่มต้นในครึ่งหลังของปีนี้ ในระหว่างนี้ โรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต ได้จัดบริการฟู้ด ดิลิเวอรี่ โดยนำเสนอเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ มาตรฐาน 5 ดาวในราคาที่จับต้องได้ จากห้องอาหารเรือนไทย และห้องอาหารอิตาเลียน ลาทาทอเรีย อาทิเช่น เมนูไกรสรคาวี (เนื้อโทมาฮอค จิ้มแจ่ว) กั้งสามเกลอ (กั้งทอดพริกกระเทียม) ปูนิ่มแกงแห้ง มัสมั่นเนื้อนาง (มัสมั่นเนื้อเทนเดอร์ลอย) เพื่อให้บริการกับลูกค้าโดยสามารถสั่งอาหารจากโรงแรมจะใช้บริการจัดส่งถึงบ้านได้ ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

“เราหวังว่า เมื่อเริ่มดำเนินการโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” และนักท่องเที่ยวรวมถึงนักธุรกิจสามารถเดินทางเข้ามาได้ การท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตจะดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งในส่วนของดุสิตธานีนั้น ที่ผ่านมาแม้เราจะไม่สามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ เราได้ใช้โอกาสนั้นเรียนรู้ในสิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติม เดินหน้าปรับปรุงส่วนต่างๆ รวมถึงสร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ๆ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยว ส่งมอบประสบการณ์ใหม่ เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจ ซึ่งแน่นอนว่า สิ่งเหล่านี้จะส่งผลอย่างยั่งยืนต่อไปเมื่อการท่องเที่ยวของไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอนาคต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี กล่าว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่