สวัสดีค่ะทุกคนเราอยากแชร์ประสบการณ์ไปหาจิตแพทย์ในช่วงโควิดว่าเป็นยังไง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เผื่อเป็นทางเลือกให้กับทุกคน มีใครอยากอ่านมั้ยคะกลัวเขียนแล้วไม่มีคนอ่าน 😊😊
แชร์ประสบการณ์ไปหาจิตแพยท์เพราะมีอาการเครียด วิตกกังวล ทำร้ายตัวเอง คิดว่าตัวเองไร้ค่า เก็บตัว เบื่ออาหาร ในช่วงโควิดที่มานั่งทำเพราะตัวเองหาข้อมูลแบบละเอียดไม่ได้เลย เลยเขียนเองซะเลย โดยเราไปสถาบันประสาทวิทยา
ขอเล่าก่อนว่าเราตัดสินใจไปเพราะแฟนช่วงแรกๆที่คบกันแฟนมีอาการ เครียด ดิ่งตอนกลางคืนบ้างก่อนนอน วิตกกังวลบ้างเรื่อง หลังจากนั้นช่วงมี.ค. เราเริ่มมีอาการเหมือนแฟนและหนักกว่าจนถึงขั้นทำลายตัวเอง เราโชคดีอยู่อย่างที่มีแฟนเป็นเซฟโซนของเรา และเป็นคนบังคับให้เราไป และเค้าจะเข้าพบด้วยเราจะได้ไม่รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว (แต่คนละหมอ) และสิ่งที่ทำให้เรามาถึงจุดหนักนี้คือครอบครัว การเรียน อาการที่เราเป็นเราจะคิดเสมอว่าถ้าไม่มีเราครอบครัวจะสบายกว่านี้ มีเงินเก็บมากกว่านี้ ไม่ต้องมาคิดมากเพราะเรา เราเป็นคนที่ไม่เอาไหนที่บ้านไม่ควรมีลูกที่แย่แบบเราซึ่งทุกเรื่องที่เราเก็บมาคิดคือเรื่องที่มีเหตุผลรองรับทุกเรื่องแต่กลับเป็นเราที่ยังคิดอยู่อย่างนั้น เรามาเริ่มการเดินทางกันดีกว่า
เราเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ค่าใช้จ่ายทางด่วนไปกลับ 100 บาท แต่ถ้าคนที่ไม่รีบวิ่งทางธรรมดาได้เลยจ้า ออกบ้านตั้งแต่6โมงครึ่ง ไปถึงวนไปหาที่จอดรถที่ประสาทวิทยาไม่มีที่จอด เราเลยไปจอดที่ รพ. สงฆ์ ค่าจอดรถ 150 บาท (จอดประมาณ4ชม ค่าจอดจุกมากๆ 55555)ลงลิฟมา โบกวินไปสถาบันประสาทวิทยาขาไป 30 บาทจอดหน้าประสาทฯที่ชื่อตึกเฉลิมพระเกียรติ (ตึกใหม่) แต่ขากลับไปรพ.สงฆ์ 20 บาทงงมาก 555555
เมื่อไปถึงเข้าไปที่ทำบัตรที่ตึกเก่า ตอนแรกถามพี่ๆพยาบาลแถวนั้น ว่า ‘จะมาพบจิตแพทย์พต้องไปตึกไหน’ เค้าก็แนพนำดีนำดีมาก ให้เดินไปแรกของอีกฝั่งคืถ้าจำไม่ผิดชื่ออาคารรัชมงคล พอถึงจะมีจุดคัดกรอกตอนนั้นถึงประมาณ 7:55 น. พอวัดไข้มีให้เขียนว่าเรามาจากจังหวัดไหนอำเภออะไร แล้วก็ถามว่ามีคนใกล้ชิดเป็นโควิดมั้ยก็ตอบตามความจริงๆ เราไม่มีใครเป็นโควิด เค้าก็ให้เข้าไปที่จุดคัดกรอกผู้ป่วยใหม่ เป็นเคาร์เตอร์ มีพี่ค่อยรับเรื่องอยู่เค้าก็ถามเคยมามั้ย ตอบไม่เคยค่ะ เค้ายื่นกระดาษให้เขียนประวัติ พอเสร็จยืนให้พี่เค้า ก็ให้ไปวัดน้ำหนัก ความดัน จากนั้นเค้าจะเอาใบไปที่อีกเคาร์เตอร์ไม่ใกล้กันอยู่ตรงข้าม พอยื่นให้พี่เค้าจะกรอกสมุดเขียวให้ โดยจะมีการขอบัตรประชาชน ส่วนเราบัตรประชาชนหาย ได้ถามพี่คนแรกที่อยู่จุดคัดกรอกไปแล้วว่าไม่มี บชช มีใบขับขี่ ใช้ได้มั้ยคะ เค้าก็บอกว่าได้ รอพี่ที่กรอกสมุดเขียวให้เสร็จ รอประมาณ 5-10 นาที หลังจากนั้นให้เอาสมุดเขียวไปส่งให้จุดคัดกรอกอีกครั้งแต่ครั้งนี้ให้ไปวางใส่ตระกร้า รอเรียน ไม่ถึง5นาที โดนเรียก จะถามอาการเบื้องต้น
ตรงนี้เราว่าสำคัญก่อนไปเราควรสังเกตตัวเองไปด้วยมันจะทำให้เร็วขึ้น และตอบให้เร็วเผื่อจะไม่เสียเวลาคนอื่น เพราะแฟนเราไม่ได้เตรียมคำตอบไปเลยตอบแบบงงนิดๆ เช่นตอบไปเลยว่า เครียดนอนไม่หลับกังวล อยากพอจิตแพทย์ เค้าจะถามประจำเดือนมาเมื่อไหร่กินเหล้าสูบบุหรี่มั้ย (อันนี้แฟนเราโดนถาม) พอเสร็จพี่เค้าจะเอาสมุดเขียวใส่แฟ้มอันใหญ่พร้อมกับคิวกับเลขห้องที่ให้ไปตรวจ บอกให้ไปตึกเฉลิมพระเกียรติชั้นสอง เอ่อพี่เค้าถามด้วยเลือกหมอมั้ยถ้าเลือกก็ระบุชื่อไปเลย ถ้าหมอเข้าก็จะได้ตรวจกับหมอคนนั้นๆ แต่เราไม่เลือกก็เลยได้ตรวจเลย พอของเราเสร็จถึงของแฟน พี่เค้าก็ถามคล้ายๆกัน และถามเราทั้งคู่ว่าจะเอาหมอคนเดียวกันหรือแยก เราตัดสินใจแยกค่ะ เพื่อที่จะได้กล้าพูด จากนั้นก็พากันเดินไปตึกเฉลิมพระเกียรติพอขึ้นไปก็ไปยื่นให้โต๊ะแรกเลยเค้าให้ไปนั่งรอเรียกชื่อ ตรงนั้นคือทุกคนปกติ ไม่มีมองเราแปลกๆ ส่วนมากเป็นคนสูงอายุ
นั่งรอเรียกอยู่ปนะมาณครึ่งชม. พอเรียกเราเข้าไป ตื่นเต้นนิดๆ พอเข้าไปหมอเป็นผู้หญิงและเป็นกันมาก
หมอ : วันนี้หมอคุยด้วยได้ไม่นานนะคะ ไหนเป็นไรมาเล่าให้หมอฟังหน่อยได้มั้ย
เรา : นอนไม่หลับเครียด เบื่อ เศร้า ทำร้ายตัวเองไม่อยากอยู่แล้ว เพราะรู้สึกตัวเองไร้ค่าสุดๆ
หมอ : ทำไมถึงคิดแบบนั้นเกิดจากอะไร
เรา : ครอบครัวค่ะ คิดว่าเราทำให้เค้าเปลืองตัง ทำให้เค้าหนักใจอยู่เรื่อยๆ
จากนั้นหมอก็ถามอาการเรื่อยๆ เหมือนหมอมีลิตคำถามอยู่แล้วคำถามจะคล้ายๆกับแบบทดสอบ “คุณเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่?” ของรพ.รามา อาการมันตรงหมดทุกข้อ หมอ : โอเคชัดเจนเลย หนูเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ
เราไม่ตกใจค่ะเพราะเตรียมใจมาบ้างแล้ว หมอก็อธิบายว่าโรคเป็นยังไง รักษายังไง โดยการรักษาใช้เวลาประมาณ2ปี หมอบอกโรคนี้หายได้แน่นอน หมอไม่ขายฝันแน่นอน เราขำเลยค่ะ 555555 และอีกประโยคคือ รพ. เราไม่ใช่ รพ จิตเวช แต่เป็นโรงบาลเกี่ยวกับโรคประสาท สมอง หมอก็ถามว่ามีสิทธิรักษามั้ย ของเราสิทธิอยู่จังหวัด สป. หมอเลยบอกว่า รพ.สป. ก็มีจิตแพทย์ ถ้าจะเอายาไปเอาที่นั้นได้เลยจะได้ไม่เปลืองตัง ยามี3ตัวที่จะให้ไปนะ
1.เป็นตัวลดความฟุ้ง ความดิ่ง ความคิดมาก ตั้งแต่วันนี้ให้กินครึ่งเม็ดไปประมาณ 5 วัน หลังจากนั้นค่อยกินเต็มเม็ดให้ร่างกายปรับตัวก่อน ถึงจะกินวันละ1เม็ด
2.ยารักษาโรคซึมเศร้า 80% ของคนไทยกินยาตัวนี้แล้วหาย (มีรายละเอียดอีกนิดหน่อยแต่ลืม555555) กินวันละสองครั้งเช้าเย็น
มันจะมีสักตัวนี้แหละในสองตัวนี้ หมอบอกว่า ต้องกินสัก3-4 สัปดาห์นะ ช่วงที่กินจะมีอาการข้างเคียงคือจะดิ่งลง คิดทำร้ายตัวเองมากขึ้น แต่แนะนำอย่างหยุดยา หรือคิดว่าตัวเองไหวแล้วแล้วหยุดยาเอง อาจทำให้ดื้อยา และต้องเริ่มใหม่อาจจะหนักกว่าเดิม
3. ยานอนหลับกินเฉพาะตอนง่วง ไม่ต้องกลัวติดเพราะเราจะกินเฉพาะตอนง่วงจริงๆ แต่ช่วงนี้กินไปก่อนสัก1อาทิตย์ให้สมองมันได้พัก แต่ถ้ากินทุกๆจนถึงสองอาทิตย์อันนี้อาจจะเสี่ยงติดได้
พอถามเรื่องสิทธิหมอ “เดี๋ยวหมอจะให้ถ่ายเอกสารการรักษาวันนี้ไปให้นะ ไปที่รพ.สป.ได้เลย จะเขียนเน้นไห้ ทุกอย่างเหมือนกันเลย หมอจะไม่นัดแล้วน้า และยิ้มด้วยสายตา” พอเรียบร้อยหมอก็ปริ้นเอกสารให้เอาไปถ่าย พอออกมาแฟนบอกเธอเข้าไปตั้ง14นาทีแนะ ตกใจมากเพราะมันไม่นานเลยยยยย แปบเดียวมากๆๆๆ จากนั้นเราก็ไปจ่ายตัง หมอให้ยามากิน1เดือนค่าใช่ทั้งหมด 400 บาท ค่าหมอ 100 ค่ายามี3ตัว 300 บาท ถูกมากๆ เราคิดว่าจะแพงกว่านี้ (ตรงนี้ใครค่าใช้จ่ายไม่พอถามหมอได้เลยนะคะว่าค่าใช้จ่ายวันนี้เท่าไหร่ หมอจะบอกและถามว่าเราจ่ายไหวมั้ย)
เมื่อเราเดินกลับมาหาแฟน แฟนยังไม่ได้เข้า ของแฟนรอประมาณชม. กว่าๆ พอเข้าไปของแฟนไม่ถึง5นาที ซึ่งมันเร็วมากเมื่อเทียบกับเราแต่ที่มันเร็วเพราะแฟนเป็นน้อยกว่าเราค่ะ แฟนได้ยามา2ตัว
1.แก้ฟุ้งเหมือนของเราแต่น่าจะคนละยี่ห้อและคนละตัวยา
2.ยานอนหลับตัวเดียวกัน
ค่าใช้จ่ายของแฟน300บาทจ้า
ข้อดีและข้อเสียของการไปหาหมอครั้งนี้
ข้อดี
1.เหมือนปลดล๊อกตัวเอง ให้แน่ใจว่าเราเป็นอะไร และเราสามารถรับมือกับมันอย่างไรได้บ้าง
2.มีสิทธิหายมากขึ้นเพราะได้รับยา
3.เข้าใจตัวเองได้มากขึ้น
ข้อเสีย
1.มันค่อนข้างเหนื่อย5555 เราไปหาหมอมา 2ที่กับอีก 3 วัน ไปที่
1.รพ.เลิดสินสาเหตุที่ไปเพราะลองหารีวิวอ่านแล้วเค้าว่าดี แต่พอไปคนเยอะมาก ได้นัดวันอื่นจากวันที่ไป1อาทิตย์ และพยาบาทพูดว่าทำไมไม่ไปหาที่อื่นที่นี้คนไข้เยอะนะ อาจจะคุยได้ไม่นาน วันนั้นเสียค่าทำบัตรกับ100 แล้วเราตกลงกับแฟนว่าจะไม่ไปตามนัดเนาะ ไปประสาทดีกว่าน่าจะจบ
2.วันต่อมาไปที่สถาบันประสาทวิทยา วันที่สองดันออกช้าออก8โมงถึงนู้นวนหาที่จอดรถ ถึง9โมงกว่าเกือบ10 โมง พี่ที่จุดคัดกรอกบอกว่า คิวเต็มแล้ว หมอรับคนไข้ใหม่แค่6คน พรุ่งนี้มาประมาณ 8 โมงนะ เซ็งสุดๆ
และวันที่ 3 ก็โอเคไปถึงก็ทำเรื่องประมาณที่เล่าไปเลยจ้า
ใครอ่านจบเก่งมาก หวังว่าที่เล่ามาจะทำให้หลายๆคนกล้าที่ไปพบหมอกันนะคะ สำหรับเรามันเป็นผลดีนะถ้าไม่นับเรื่องการเดินทาง อาจมีตกหล่นไปนิดหน่อย ถ้าใครอยากได้ข้อมูลส่วนไหนเพิ่มทักแชทได้เลยน้าพร้อมให้คำปรึกษา และถ้ามีส่วนไหนที่ผิดแนะนำกันได้นะคะ เพราะเราจำได้ประมาณนี้ 555555 เราเขียนรีวิวกินยาวันแรกไว้ด้วยมีใครอยากอ่านมั้ยเราจะได้เขียนเพิ่ม หรือถ้าใครอยากรู้เลยทักหาเราได้เลยจ้า 😊😊
แชร์ประสบการณ์ไปพบจิตแพทย์เพราะมีสภาวะซึมเศร้าในช่วงโควิด
แชร์ประสบการณ์ไปหาจิตแพยท์เพราะมีอาการเครียด วิตกกังวล ทำร้ายตัวเอง คิดว่าตัวเองไร้ค่า เก็บตัว เบื่ออาหาร ในช่วงโควิดที่มานั่งทำเพราะตัวเองหาข้อมูลแบบละเอียดไม่ได้เลย เลยเขียนเองซะเลย โดยเราไปสถาบันประสาทวิทยา
ขอเล่าก่อนว่าเราตัดสินใจไปเพราะแฟนช่วงแรกๆที่คบกันแฟนมีอาการ เครียด ดิ่งตอนกลางคืนบ้างก่อนนอน วิตกกังวลบ้างเรื่อง หลังจากนั้นช่วงมี.ค. เราเริ่มมีอาการเหมือนแฟนและหนักกว่าจนถึงขั้นทำลายตัวเอง เราโชคดีอยู่อย่างที่มีแฟนเป็นเซฟโซนของเรา และเป็นคนบังคับให้เราไป และเค้าจะเข้าพบด้วยเราจะได้ไม่รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว (แต่คนละหมอ) และสิ่งที่ทำให้เรามาถึงจุดหนักนี้คือครอบครัว การเรียน อาการที่เราเป็นเราจะคิดเสมอว่าถ้าไม่มีเราครอบครัวจะสบายกว่านี้ มีเงินเก็บมากกว่านี้ ไม่ต้องมาคิดมากเพราะเรา เราเป็นคนที่ไม่เอาไหนที่บ้านไม่ควรมีลูกที่แย่แบบเราซึ่งทุกเรื่องที่เราเก็บมาคิดคือเรื่องที่มีเหตุผลรองรับทุกเรื่องแต่กลับเป็นเราที่ยังคิดอยู่อย่างนั้น เรามาเริ่มการเดินทางกันดีกว่า
เราเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ค่าใช้จ่ายทางด่วนไปกลับ 100 บาท แต่ถ้าคนที่ไม่รีบวิ่งทางธรรมดาได้เลยจ้า ออกบ้านตั้งแต่6โมงครึ่ง ไปถึงวนไปหาที่จอดรถที่ประสาทวิทยาไม่มีที่จอด เราเลยไปจอดที่ รพ. สงฆ์ ค่าจอดรถ 150 บาท (จอดประมาณ4ชม ค่าจอดจุกมากๆ 55555)ลงลิฟมา โบกวินไปสถาบันประสาทวิทยาขาไป 30 บาทจอดหน้าประสาทฯที่ชื่อตึกเฉลิมพระเกียรติ (ตึกใหม่) แต่ขากลับไปรพ.สงฆ์ 20 บาทงงมาก 555555
เมื่อไปถึงเข้าไปที่ทำบัตรที่ตึกเก่า ตอนแรกถามพี่ๆพยาบาลแถวนั้น ว่า ‘จะมาพบจิตแพทย์พต้องไปตึกไหน’ เค้าก็แนพนำดีนำดีมาก ให้เดินไปแรกของอีกฝั่งคืถ้าจำไม่ผิดชื่ออาคารรัชมงคล พอถึงจะมีจุดคัดกรอกตอนนั้นถึงประมาณ 7:55 น. พอวัดไข้มีให้เขียนว่าเรามาจากจังหวัดไหนอำเภออะไร แล้วก็ถามว่ามีคนใกล้ชิดเป็นโควิดมั้ยก็ตอบตามความจริงๆ เราไม่มีใครเป็นโควิด เค้าก็ให้เข้าไปที่จุดคัดกรอกผู้ป่วยใหม่ เป็นเคาร์เตอร์ มีพี่ค่อยรับเรื่องอยู่เค้าก็ถามเคยมามั้ย ตอบไม่เคยค่ะ เค้ายื่นกระดาษให้เขียนประวัติ พอเสร็จยืนให้พี่เค้า ก็ให้ไปวัดน้ำหนัก ความดัน จากนั้นเค้าจะเอาใบไปที่อีกเคาร์เตอร์ไม่ใกล้กันอยู่ตรงข้าม พอยื่นให้พี่เค้าจะกรอกสมุดเขียวให้ โดยจะมีการขอบัตรประชาชน ส่วนเราบัตรประชาชนหาย ได้ถามพี่คนแรกที่อยู่จุดคัดกรอกไปแล้วว่าไม่มี บชช มีใบขับขี่ ใช้ได้มั้ยคะ เค้าก็บอกว่าได้ รอพี่ที่กรอกสมุดเขียวให้เสร็จ รอประมาณ 5-10 นาที หลังจากนั้นให้เอาสมุดเขียวไปส่งให้จุดคัดกรอกอีกครั้งแต่ครั้งนี้ให้ไปวางใส่ตระกร้า รอเรียน ไม่ถึง5นาที โดนเรียก จะถามอาการเบื้องต้น
ตรงนี้เราว่าสำคัญก่อนไปเราควรสังเกตตัวเองไปด้วยมันจะทำให้เร็วขึ้น และตอบให้เร็วเผื่อจะไม่เสียเวลาคนอื่น เพราะแฟนเราไม่ได้เตรียมคำตอบไปเลยตอบแบบงงนิดๆ เช่นตอบไปเลยว่า เครียดนอนไม่หลับกังวล อยากพอจิตแพทย์ เค้าจะถามประจำเดือนมาเมื่อไหร่กินเหล้าสูบบุหรี่มั้ย (อันนี้แฟนเราโดนถาม) พอเสร็จพี่เค้าจะเอาสมุดเขียวใส่แฟ้มอันใหญ่พร้อมกับคิวกับเลขห้องที่ให้ไปตรวจ บอกให้ไปตึกเฉลิมพระเกียรติชั้นสอง เอ่อพี่เค้าถามด้วยเลือกหมอมั้ยถ้าเลือกก็ระบุชื่อไปเลย ถ้าหมอเข้าก็จะได้ตรวจกับหมอคนนั้นๆ แต่เราไม่เลือกก็เลยได้ตรวจเลย พอของเราเสร็จถึงของแฟน พี่เค้าก็ถามคล้ายๆกัน และถามเราทั้งคู่ว่าจะเอาหมอคนเดียวกันหรือแยก เราตัดสินใจแยกค่ะ เพื่อที่จะได้กล้าพูด จากนั้นก็พากันเดินไปตึกเฉลิมพระเกียรติพอขึ้นไปก็ไปยื่นให้โต๊ะแรกเลยเค้าให้ไปนั่งรอเรียกชื่อ ตรงนั้นคือทุกคนปกติ ไม่มีมองเราแปลกๆ ส่วนมากเป็นคนสูงอายุ
นั่งรอเรียกอยู่ปนะมาณครึ่งชม. พอเรียกเราเข้าไป ตื่นเต้นนิดๆ พอเข้าไปหมอเป็นผู้หญิงและเป็นกันมาก
หมอ : วันนี้หมอคุยด้วยได้ไม่นานนะคะ ไหนเป็นไรมาเล่าให้หมอฟังหน่อยได้มั้ย
เรา : นอนไม่หลับเครียด เบื่อ เศร้า ทำร้ายตัวเองไม่อยากอยู่แล้ว เพราะรู้สึกตัวเองไร้ค่าสุดๆ
หมอ : ทำไมถึงคิดแบบนั้นเกิดจากอะไร
เรา : ครอบครัวค่ะ คิดว่าเราทำให้เค้าเปลืองตัง ทำให้เค้าหนักใจอยู่เรื่อยๆ
จากนั้นหมอก็ถามอาการเรื่อยๆ เหมือนหมอมีลิตคำถามอยู่แล้วคำถามจะคล้ายๆกับแบบทดสอบ “คุณเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่?” ของรพ.รามา อาการมันตรงหมดทุกข้อ หมอ : โอเคชัดเจนเลย หนูเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ
เราไม่ตกใจค่ะเพราะเตรียมใจมาบ้างแล้ว หมอก็อธิบายว่าโรคเป็นยังไง รักษายังไง โดยการรักษาใช้เวลาประมาณ2ปี หมอบอกโรคนี้หายได้แน่นอน หมอไม่ขายฝันแน่นอน เราขำเลยค่ะ 555555 และอีกประโยคคือ รพ. เราไม่ใช่ รพ จิตเวช แต่เป็นโรงบาลเกี่ยวกับโรคประสาท สมอง หมอก็ถามว่ามีสิทธิรักษามั้ย ของเราสิทธิอยู่จังหวัด สป. หมอเลยบอกว่า รพ.สป. ก็มีจิตแพทย์ ถ้าจะเอายาไปเอาที่นั้นได้เลยจะได้ไม่เปลืองตัง ยามี3ตัวที่จะให้ไปนะ
1.เป็นตัวลดความฟุ้ง ความดิ่ง ความคิดมาก ตั้งแต่วันนี้ให้กินครึ่งเม็ดไปประมาณ 5 วัน หลังจากนั้นค่อยกินเต็มเม็ดให้ร่างกายปรับตัวก่อน ถึงจะกินวันละ1เม็ด
2.ยารักษาโรคซึมเศร้า 80% ของคนไทยกินยาตัวนี้แล้วหาย (มีรายละเอียดอีกนิดหน่อยแต่ลืม555555) กินวันละสองครั้งเช้าเย็น
มันจะมีสักตัวนี้แหละในสองตัวนี้ หมอบอกว่า ต้องกินสัก3-4 สัปดาห์นะ ช่วงที่กินจะมีอาการข้างเคียงคือจะดิ่งลง คิดทำร้ายตัวเองมากขึ้น แต่แนะนำอย่างหยุดยา หรือคิดว่าตัวเองไหวแล้วแล้วหยุดยาเอง อาจทำให้ดื้อยา และต้องเริ่มใหม่อาจจะหนักกว่าเดิม
3. ยานอนหลับกินเฉพาะตอนง่วง ไม่ต้องกลัวติดเพราะเราจะกินเฉพาะตอนง่วงจริงๆ แต่ช่วงนี้กินไปก่อนสัก1อาทิตย์ให้สมองมันได้พัก แต่ถ้ากินทุกๆจนถึงสองอาทิตย์อันนี้อาจจะเสี่ยงติดได้
พอถามเรื่องสิทธิหมอ “เดี๋ยวหมอจะให้ถ่ายเอกสารการรักษาวันนี้ไปให้นะ ไปที่รพ.สป.ได้เลย จะเขียนเน้นไห้ ทุกอย่างเหมือนกันเลย หมอจะไม่นัดแล้วน้า และยิ้มด้วยสายตา” พอเรียบร้อยหมอก็ปริ้นเอกสารให้เอาไปถ่าย พอออกมาแฟนบอกเธอเข้าไปตั้ง14นาทีแนะ ตกใจมากเพราะมันไม่นานเลยยยยย แปบเดียวมากๆๆๆ จากนั้นเราก็ไปจ่ายตัง หมอให้ยามากิน1เดือนค่าใช่ทั้งหมด 400 บาท ค่าหมอ 100 ค่ายามี3ตัว 300 บาท ถูกมากๆ เราคิดว่าจะแพงกว่านี้ (ตรงนี้ใครค่าใช้จ่ายไม่พอถามหมอได้เลยนะคะว่าค่าใช้จ่ายวันนี้เท่าไหร่ หมอจะบอกและถามว่าเราจ่ายไหวมั้ย)
เมื่อเราเดินกลับมาหาแฟน แฟนยังไม่ได้เข้า ของแฟนรอประมาณชม. กว่าๆ พอเข้าไปของแฟนไม่ถึง5นาที ซึ่งมันเร็วมากเมื่อเทียบกับเราแต่ที่มันเร็วเพราะแฟนเป็นน้อยกว่าเราค่ะ แฟนได้ยามา2ตัว
1.แก้ฟุ้งเหมือนของเราแต่น่าจะคนละยี่ห้อและคนละตัวยา
2.ยานอนหลับตัวเดียวกัน
ค่าใช้จ่ายของแฟน300บาทจ้า
ข้อดีและข้อเสียของการไปหาหมอครั้งนี้
ข้อดี
1.เหมือนปลดล๊อกตัวเอง ให้แน่ใจว่าเราเป็นอะไร และเราสามารถรับมือกับมันอย่างไรได้บ้าง
2.มีสิทธิหายมากขึ้นเพราะได้รับยา
3.เข้าใจตัวเองได้มากขึ้น
ข้อเสีย
1.มันค่อนข้างเหนื่อย5555 เราไปหาหมอมา 2ที่กับอีก 3 วัน ไปที่
1.รพ.เลิดสินสาเหตุที่ไปเพราะลองหารีวิวอ่านแล้วเค้าว่าดี แต่พอไปคนเยอะมาก ได้นัดวันอื่นจากวันที่ไป1อาทิตย์ และพยาบาทพูดว่าทำไมไม่ไปหาที่อื่นที่นี้คนไข้เยอะนะ อาจจะคุยได้ไม่นาน วันนั้นเสียค่าทำบัตรกับ100 แล้วเราตกลงกับแฟนว่าจะไม่ไปตามนัดเนาะ ไปประสาทดีกว่าน่าจะจบ
2.วันต่อมาไปที่สถาบันประสาทวิทยา วันที่สองดันออกช้าออก8โมงถึงนู้นวนหาที่จอดรถ ถึง9โมงกว่าเกือบ10 โมง พี่ที่จุดคัดกรอกบอกว่า คิวเต็มแล้ว หมอรับคนไข้ใหม่แค่6คน พรุ่งนี้มาประมาณ 8 โมงนะ เซ็งสุดๆ
และวันที่ 3 ก็โอเคไปถึงก็ทำเรื่องประมาณที่เล่าไปเลยจ้า
ใครอ่านจบเก่งมาก หวังว่าที่เล่ามาจะทำให้หลายๆคนกล้าที่ไปพบหมอกันนะคะ สำหรับเรามันเป็นผลดีนะถ้าไม่นับเรื่องการเดินทาง อาจมีตกหล่นไปนิดหน่อย ถ้าใครอยากได้ข้อมูลส่วนไหนเพิ่มทักแชทได้เลยน้าพร้อมให้คำปรึกษา และถ้ามีส่วนไหนที่ผิดแนะนำกันได้นะคะ เพราะเราจำได้ประมาณนี้ 555555 เราเขียนรีวิวกินยาวันแรกไว้ด้วยมีใครอยากอ่านมั้ยเราจะได้เขียนเพิ่ม หรือถ้าใครอยากรู้เลยทักหาเราได้เลยจ้า 😊😊