หลังความผิดหวังอย่างรุนแรงในคัดบอลโลกที่เพิ่งจะจบไป ปกติผมจะชอบมาสนทนาประสาแฟนบอลอยู่ ก็เลยไปหลบพายุชั่วคราว เพราะทั้งบอร์ดคงเต็มไปด้วยกระทู้ถล่มทีมชาติยับเยินแน่ คุยอะไรไปคงฟลัดหายไปหมด ตอนนี้พายุน่าจะซาลงแล้ว ก็เลยอยากมาแลกเปลี่ยนความเห็นหน่อย
ส่วนตัวในมุมมองของผม มีข้อสรุป 3 อย่างที่ทีมชาติเราน่าจะต้องปรับ เพื่อทำให้ทีมชาติไทยเราดีขึ้นต่อไปในอนาคต
-------------------------------------------------------------------------------
ทัศนคติการเล่นแบบธนวัฒน์
เจ้ากัน กลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในความน่าผิดหวังของการแข่งขันคราวนี้ เราเห็นคลาสของนักเตะที่ไปฝึกมาจากระดับโลก คือ
ทัศนคติในการเล่น ทั้งเวลามีบอลและไม่มีบอล ซึ่งสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่เจ้าเจเอง ตอนไปเจลีกใหม่ๆก็บอกบ่อยๆว่า ตัวเองต้องไปเรียนรู้อย่างหนัก กว่าเจ้าเจจะอัพเกรดตัวเองกลายเป็นกองกลางจอมทัพได้ แต่เจ้ากันมาแค่นัดแรก ก็ทำให้เห็นอย่างเป็นธรรมชาติเลย บอลออกจากเท้าทุกลูกหวังผลได้ ไม่มีส่งแบบไม่คิด แล้วในขณะที่เพื่อนคนอื่นไม่วิ่ง เจ้ากันวิ่งเพื่อแย่งบอลกลับคืนมาให้ทีมให้เร็วที่สุด อยู่ไปทั่วสนาม และในวันที่ฟอร์มอาจจะไม่เฉิดฉายในนัดมาเลเซีย ตัวเองก็ยังมีอาวุธที่ไว้ขู่ฝั่งตรงข้ามได้ ลูกฟรีคิก ลูกตั้งเตะที่ออกจากเท้าเจ้ากัน หวังผลได้แทบทุกลูก ยังไม่นับเรื่องร่างกายที่ดูบึกสมส่วนกว่านักเตะไทยคนอื่น นี่ขนาดว่าเจ้ากันเป็นแค่ตัวในทีมสำรองของเลสเตอร์นะ (ที่จริงยังงงด้วยว่า นิชิโนะเปลี่ยนเจ้ากันออกทำไม เพราะในเวลาที่ทีมต้องการประตูอย่างมากแบบนั้น เจ้ากันยังมีไอเดียที่จะสร้างสรรค์ทำให้เกิดได้)
อย่าลืมว่า การเตะทีมชาติมันไม่เหมือนสโมสร ต่อให้รวมตัวกันนาน มันก็ไม่เข้าขากันเต็มร้อยแบบสโมสรอยู่ดี เพราะหลายคนก็มาจากต่างสโมสรกัน ดังนั้น ต้องคิดต้องเข้าใจเร็ว รู้เลยว่าโค้ชกำลังต้องการอะไร พอลงสนามตัวเองจะต้องไปทำอะไร ทำไมเจ้ากันมีเวลาเท่าๆคนอื่น แต่รู้ว่าจะเล่นยังไงให้เกิดประโยชน์กับทีมได้ ขนาดเจ้าเจยังชมแบบเหมือนแอบติงเพื่อนคนอื่นไปอ้อมๆว่า เจ้ากันไม่มีบอลก็ไปวิ่งไล่เอาบอลคืนมา มันคือ
ทัศนคติการเล่นเพื่อทีม ที่ไม่ใช่แค่เล่นตามแผน แต่เมื่อบอลไม่อยู่กับตัว จะต้องคิดเร็วทำเร็วให้บอลกลับมา ซึ่งคนอื่นอาจจะทำแล้ว แต่ยังคิดและทำได้ไม่ดีเท่า
กองหลัง ปัญหาโลกแตก ต้องรีบปั้นโดยด่วน
ให้ลองนึกย้อนไปว่า กองหลังไทยที่เราเคยไว้ใจได้มากที่สุดที่เราจะอ๋อนึกชื่อออกในทันทีมีใครบ้าง 1..2..3...
นึกแทบไม่ออกเลยใช่ไหม ก็นั่นแหละ ถ้าแฟนบอลรุ่นเก่าอาจจะนึกชื่อ
นที ทองสุขแก้ว ที่เป็นตำนานกองหลังไทยตำแหน่ง CB ได้ แต่มันนานแค่ไหนแล้วล่ะ นานมากจนน้านทีแกจะเข้าวัยเกษียณอยู่แล้ว หลังจากนั้น ทีมชาติเราทุกชุด ถึงจะมีกองกลางกองหน้าระดับพระกาฬ มีแบ็คที่เป็นดาวเอเชียอย่างน้าโอ่ง เจ้าอุ้ม แต่กองหลัง CB แทบหาดีไม่มีอีกเลย หลายนัดสำคัญ เวลาเราเสียประตูแบบไม่น่าเสีย ก็มักจะมาจากความผิดพลาดของกองหลังทั้งนั้น ตอนยุคราเยวัช เราเกือบจะได้พรรษา-เฉลิมพงษ์ เป็นคู่หูใหม่ แต่ไปๆมาๆ ทั้งคู่ก็กลับรักษาฟอร์มให้ดีระยะยาวไม่ค่อยได้ ขนาดกองหลังต้องหวังว่าให้เจ้าอุ้มกลับมา ผลคงจะดีกว่านี้เนี่ย ก็ผิดฝาผิดตัวแล้ว เพราะเจ้าอุ้มโดยตำแหน่งก็ไม่ใช่จอมทัพแดนหลัง แล้วเจ้าอุ้มมาคนเดียว ก็คงช่วยหลังรั่วๆตอนนี้ไม่ได้ ยิ่งมองไปในสโมสรก็เหนื่อยใจ เพราะทีมกองหลังดี มีแต่ตัวต่างชาติเป็นตัวหลักแทบทั้งนั้น นักเตะไทยแทบไม่มี
ทีมที่จะประสบความสำเร็จ ต้องมีกองหลังที่แข็งแกร่ง เพราะต่อให้ยิงให้ตายยังไง เสียประตูทุกนัดมันก็ไม่ไหว ต่อจะให้ปรับแผนเป็น 3-5-2 ที่นักเตะไทยดูจะถนัด อัดหลังสามมีวิงแบ็คคอยช่วย แต่ถ้ากองหลังยังมีจังหวะพร้อมจะเสียประตูง่ายๆ แผนการเล่นไหนก็ช่วยไม่ไหว นี่เป็นวาระแห่งชาติที่สโมสรไทยจะต้องรีบปั้นกองหลังไทยออกมาโดยด่วน กองกลางกองหน้าเรามีความสามารถกันดีแล้ว ขนาดโกลล์ดีๆเรายังพอมีเลย แต่ทำไมเราไม่มีกองหลังดีๆเลย
ทีมชาติต้องการโค้ชที่มีรูปแบบการเล่นชัดเจน มีนิสัยที่ไปกับคนไทยได้
อย่างลุงนิชิโนะ เรื่องฝีมือแกน่ะดีแน่ ไม่งั้นคงไม่เคยเกือบพาญี่ปุ่นล้มเบลเยี่ยมได้ แต่แกมาจากญี่ปุ่นที่ทุกอย่างมันเป็นระบบเป๊ะไปหมด อย่างที่เราคงจะเคยได้ยินว่า
ญี่ปุ่นระบบการเล่นดีมาก แต่นักเตะขาดครีเอทีฟไปหน่อย ซึ่งมันค่อนข้างจะตรงข้ามกับบ้านเราที่คนไม่ค่อยจะมีระบบระเบียบเท่าไหร่ แต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันได้เหลือเชื่อจริงๆ ญี่ปุ่นเล่นบอลเพรสซิ่ง โดยที่ระบบมันถูกวางมาไว้เป็นลำดับขั้นมายาวนานแล้ว ซึ่งลุงโนะเองแกก็อยู่ตั้งแต่จุดเริ่มต้นนั้นด้วย แต่ว่ากับทีมชาติเรา มันคงจะรอเวลาปั้นกันขนาดนั้นไม่ได้ เพราะถ้าผลงานขึ้นๆลงๆ มันมีผลต่อเรื่องอันดับทีมชาติและโอกาสในการแข่งขันระดับสูงไปด้วย มันคงต้องปรับจากสิ่งที่เรามีในตอนนี้ ซึ่งลุงโนะแกมาจากที่ที่มีระบบระเบียบเป๊ะตามลำดับ มีการวางแผนระยะยาว จะให้มาปรับหน้างานแล้วยังได้ผลการแข่งที่ต้องการแบบทีมชาติญี่ปุ่นมันก็ลำบากหน่อย คือถ้าแกมาคุมในช่วงเวลาที่ทีมชาติเรามีทรัพยากรนักเตะที่พร้อมมากแล้ว มันอาจจะได้ผลลัพธ์อีกแบบ ไหนจะคาแรกเตอร์สไตล์นิ่งๆตามแบบฉบับญี่ปุ่นของแกอีก (ยังไม่นับว่าแกดันมาคนเดียว ไม่มีผู้ช่วยมาด้วยอีกนะ)
อันที่จริงถ้าจะระบุรูปแบบโค้ชที่น่าจะเข้ากับนักเตะไทยเราได้ดีมาก คงเป็นโค้ช
รูปแบบอย่าง เจอร์เก้น คลอปป์ (เน้นนะครับว่ารูปแบบ ไม่ใช่ตัวเจอร์เก้น คลอปป์) ที่นิสัยส่วนตัวเฮฮาเข้าถึงง่าย แต่พอเรื่องซ้อมก็เอาจริงแบบสุดๆ แพชชั่นแรงสุดพร้อมกระตุ้นลูกทีมตลอดเวลา รูปแบบฟุตบอลชัดเจน คือเกเก้นเพรสซิ่ง และปรับรายละเอียดได้ตลอดเวลา (
ที่จริงเราเคยมีซิโก้ที่ใกล้เคียงที่สุด แต่เรื่องรูปแบบการเล่น ความแพรวพราวด้านแท็กติคยังมีข้อจำกัดในการทำทีมไปอีกระดับในเวลานั้น ก็รอดูผลงานกับฮองอันใน ACL ว่าแกจะอัพเกรดขึ้นไปอีกระดับรึยัง)
นักเตะเรา คนไทยเราชอบคนที่เข้าถึงได้ง่าย แต่การทำงานก็ต้องมีคนคอยคุมให้อยู่ในระเบียบ แล้วโค้ชคนนั้นต้องมีแพชชั่นในการกระตุ้นลูกทีมสูงด้วย เพราะบางทีคนไทยพอใจเสียก็มักจะใจหดง่ายๆ ซึ่งถ้าจะตั้งโจทย์โค้ชคนต่อไป นอกจากรูปแบบฟุตบอลที่ต้องชัดเจนมากๆแล้ว เรื่องคาแรกเตอร์ส่วนตัวของโค้ชเองก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่สมาคมจะต้องไม่ลืมว่า
โค้ชจะต้องมีผู้ช่วยที่รู้ใจ ต้องจัดให้ได้ คงจะมาทำแบบให้โค้ชไทยเป็นผู้ช่วยเรียนรู้จากโค้ชเก่งไม่ได้อีกแล้ว ขนาดโค้ชระดับโลก พอขาดผู้ช่วยรู้ใจ ทีมก็พังเหมือนกันหมด
-------------------------------------------------------------------------------
ก็มองว่า ถ้าเราแก้ 3 อย่างนี้ได้ ทีมชาติเราน่าจะดีขึ้นในระยะยาว เพื่อนๆมีความเห็นแตกต่างกันไปอย่างไร มาแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ เอาแบบคุยกันอย่างไม่ไบแอสเน้นความรู้ ไม่เอาอารมณ์มาโยนใส่กันนะ เราโยนอารมณ์ใส่กันมามากพอแล้ว
[ฟุตบอลทีมชาติไทย] ทัศนคติการเล่น-กองหลัง-โค้ชแบบคลอปป์: 3 อย่างที่ควรเปลี่ยนเพื่อทีมชาติเราที่ดีขึ้น
ส่วนตัวในมุมมองของผม มีข้อสรุป 3 อย่างที่ทีมชาติเราน่าจะต้องปรับ เพื่อทำให้ทีมชาติไทยเราดีขึ้นต่อไปในอนาคต
-------------------------------------------------------------------------------
ทัศนคติการเล่นแบบธนวัฒน์
เจ้ากัน กลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในความน่าผิดหวังของการแข่งขันคราวนี้ เราเห็นคลาสของนักเตะที่ไปฝึกมาจากระดับโลก คือ ทัศนคติในการเล่น ทั้งเวลามีบอลและไม่มีบอล ซึ่งสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่เจ้าเจเอง ตอนไปเจลีกใหม่ๆก็บอกบ่อยๆว่า ตัวเองต้องไปเรียนรู้อย่างหนัก กว่าเจ้าเจจะอัพเกรดตัวเองกลายเป็นกองกลางจอมทัพได้ แต่เจ้ากันมาแค่นัดแรก ก็ทำให้เห็นอย่างเป็นธรรมชาติเลย บอลออกจากเท้าทุกลูกหวังผลได้ ไม่มีส่งแบบไม่คิด แล้วในขณะที่เพื่อนคนอื่นไม่วิ่ง เจ้ากันวิ่งเพื่อแย่งบอลกลับคืนมาให้ทีมให้เร็วที่สุด อยู่ไปทั่วสนาม และในวันที่ฟอร์มอาจจะไม่เฉิดฉายในนัดมาเลเซีย ตัวเองก็ยังมีอาวุธที่ไว้ขู่ฝั่งตรงข้ามได้ ลูกฟรีคิก ลูกตั้งเตะที่ออกจากเท้าเจ้ากัน หวังผลได้แทบทุกลูก ยังไม่นับเรื่องร่างกายที่ดูบึกสมส่วนกว่านักเตะไทยคนอื่น นี่ขนาดว่าเจ้ากันเป็นแค่ตัวในทีมสำรองของเลสเตอร์นะ (ที่จริงยังงงด้วยว่า นิชิโนะเปลี่ยนเจ้ากันออกทำไม เพราะในเวลาที่ทีมต้องการประตูอย่างมากแบบนั้น เจ้ากันยังมีไอเดียที่จะสร้างสรรค์ทำให้เกิดได้)
อย่าลืมว่า การเตะทีมชาติมันไม่เหมือนสโมสร ต่อให้รวมตัวกันนาน มันก็ไม่เข้าขากันเต็มร้อยแบบสโมสรอยู่ดี เพราะหลายคนก็มาจากต่างสโมสรกัน ดังนั้น ต้องคิดต้องเข้าใจเร็ว รู้เลยว่าโค้ชกำลังต้องการอะไร พอลงสนามตัวเองจะต้องไปทำอะไร ทำไมเจ้ากันมีเวลาเท่าๆคนอื่น แต่รู้ว่าจะเล่นยังไงให้เกิดประโยชน์กับทีมได้ ขนาดเจ้าเจยังชมแบบเหมือนแอบติงเพื่อนคนอื่นไปอ้อมๆว่า เจ้ากันไม่มีบอลก็ไปวิ่งไล่เอาบอลคืนมา มันคือ ทัศนคติการเล่นเพื่อทีม ที่ไม่ใช่แค่เล่นตามแผน แต่เมื่อบอลไม่อยู่กับตัว จะต้องคิดเร็วทำเร็วให้บอลกลับมา ซึ่งคนอื่นอาจจะทำแล้ว แต่ยังคิดและทำได้ไม่ดีเท่า
กองหลัง ปัญหาโลกแตก ต้องรีบปั้นโดยด่วน
ให้ลองนึกย้อนไปว่า กองหลังไทยที่เราเคยไว้ใจได้มากที่สุดที่เราจะอ๋อนึกชื่อออกในทันทีมีใครบ้าง 1..2..3...
นึกแทบไม่ออกเลยใช่ไหม ก็นั่นแหละ ถ้าแฟนบอลรุ่นเก่าอาจจะนึกชื่อ นที ทองสุขแก้ว ที่เป็นตำนานกองหลังไทยตำแหน่ง CB ได้ แต่มันนานแค่ไหนแล้วล่ะ นานมากจนน้านทีแกจะเข้าวัยเกษียณอยู่แล้ว หลังจากนั้น ทีมชาติเราทุกชุด ถึงจะมีกองกลางกองหน้าระดับพระกาฬ มีแบ็คที่เป็นดาวเอเชียอย่างน้าโอ่ง เจ้าอุ้ม แต่กองหลัง CB แทบหาดีไม่มีอีกเลย หลายนัดสำคัญ เวลาเราเสียประตูแบบไม่น่าเสีย ก็มักจะมาจากความผิดพลาดของกองหลังทั้งนั้น ตอนยุคราเยวัช เราเกือบจะได้พรรษา-เฉลิมพงษ์ เป็นคู่หูใหม่ แต่ไปๆมาๆ ทั้งคู่ก็กลับรักษาฟอร์มให้ดีระยะยาวไม่ค่อยได้ ขนาดกองหลังต้องหวังว่าให้เจ้าอุ้มกลับมา ผลคงจะดีกว่านี้เนี่ย ก็ผิดฝาผิดตัวแล้ว เพราะเจ้าอุ้มโดยตำแหน่งก็ไม่ใช่จอมทัพแดนหลัง แล้วเจ้าอุ้มมาคนเดียว ก็คงช่วยหลังรั่วๆตอนนี้ไม่ได้ ยิ่งมองไปในสโมสรก็เหนื่อยใจ เพราะทีมกองหลังดี มีแต่ตัวต่างชาติเป็นตัวหลักแทบทั้งนั้น นักเตะไทยแทบไม่มี
ทีมที่จะประสบความสำเร็จ ต้องมีกองหลังที่แข็งแกร่ง เพราะต่อให้ยิงให้ตายยังไง เสียประตูทุกนัดมันก็ไม่ไหว ต่อจะให้ปรับแผนเป็น 3-5-2 ที่นักเตะไทยดูจะถนัด อัดหลังสามมีวิงแบ็คคอยช่วย แต่ถ้ากองหลังยังมีจังหวะพร้อมจะเสียประตูง่ายๆ แผนการเล่นไหนก็ช่วยไม่ไหว นี่เป็นวาระแห่งชาติที่สโมสรไทยจะต้องรีบปั้นกองหลังไทยออกมาโดยด่วน กองกลางกองหน้าเรามีความสามารถกันดีแล้ว ขนาดโกลล์ดีๆเรายังพอมีเลย แต่ทำไมเราไม่มีกองหลังดีๆเลย
ทีมชาติต้องการโค้ชที่มีรูปแบบการเล่นชัดเจน มีนิสัยที่ไปกับคนไทยได้
อย่างลุงนิชิโนะ เรื่องฝีมือแกน่ะดีแน่ ไม่งั้นคงไม่เคยเกือบพาญี่ปุ่นล้มเบลเยี่ยมได้ แต่แกมาจากญี่ปุ่นที่ทุกอย่างมันเป็นระบบเป๊ะไปหมด อย่างที่เราคงจะเคยได้ยินว่า ญี่ปุ่นระบบการเล่นดีมาก แต่นักเตะขาดครีเอทีฟไปหน่อย ซึ่งมันค่อนข้างจะตรงข้ามกับบ้านเราที่คนไม่ค่อยจะมีระบบระเบียบเท่าไหร่ แต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันได้เหลือเชื่อจริงๆ ญี่ปุ่นเล่นบอลเพรสซิ่ง โดยที่ระบบมันถูกวางมาไว้เป็นลำดับขั้นมายาวนานแล้ว ซึ่งลุงโนะเองแกก็อยู่ตั้งแต่จุดเริ่มต้นนั้นด้วย แต่ว่ากับทีมชาติเรา มันคงจะรอเวลาปั้นกันขนาดนั้นไม่ได้ เพราะถ้าผลงานขึ้นๆลงๆ มันมีผลต่อเรื่องอันดับทีมชาติและโอกาสในการแข่งขันระดับสูงไปด้วย มันคงต้องปรับจากสิ่งที่เรามีในตอนนี้ ซึ่งลุงโนะแกมาจากที่ที่มีระบบระเบียบเป๊ะตามลำดับ มีการวางแผนระยะยาว จะให้มาปรับหน้างานแล้วยังได้ผลการแข่งที่ต้องการแบบทีมชาติญี่ปุ่นมันก็ลำบากหน่อย คือถ้าแกมาคุมในช่วงเวลาที่ทีมชาติเรามีทรัพยากรนักเตะที่พร้อมมากแล้ว มันอาจจะได้ผลลัพธ์อีกแบบ ไหนจะคาแรกเตอร์สไตล์นิ่งๆตามแบบฉบับญี่ปุ่นของแกอีก (ยังไม่นับว่าแกดันมาคนเดียว ไม่มีผู้ช่วยมาด้วยอีกนะ)
อันที่จริงถ้าจะระบุรูปแบบโค้ชที่น่าจะเข้ากับนักเตะไทยเราได้ดีมาก คงเป็นโค้ช รูปแบบอย่าง เจอร์เก้น คลอปป์ (เน้นนะครับว่ารูปแบบ ไม่ใช่ตัวเจอร์เก้น คลอปป์) ที่นิสัยส่วนตัวเฮฮาเข้าถึงง่าย แต่พอเรื่องซ้อมก็เอาจริงแบบสุดๆ แพชชั่นแรงสุดพร้อมกระตุ้นลูกทีมตลอดเวลา รูปแบบฟุตบอลชัดเจน คือเกเก้นเพรสซิ่ง และปรับรายละเอียดได้ตลอดเวลา (ที่จริงเราเคยมีซิโก้ที่ใกล้เคียงที่สุด แต่เรื่องรูปแบบการเล่น ความแพรวพราวด้านแท็กติคยังมีข้อจำกัดในการทำทีมไปอีกระดับในเวลานั้น ก็รอดูผลงานกับฮองอันใน ACL ว่าแกจะอัพเกรดขึ้นไปอีกระดับรึยัง)
นักเตะเรา คนไทยเราชอบคนที่เข้าถึงได้ง่าย แต่การทำงานก็ต้องมีคนคอยคุมให้อยู่ในระเบียบ แล้วโค้ชคนนั้นต้องมีแพชชั่นในการกระตุ้นลูกทีมสูงด้วย เพราะบางทีคนไทยพอใจเสียก็มักจะใจหดง่ายๆ ซึ่งถ้าจะตั้งโจทย์โค้ชคนต่อไป นอกจากรูปแบบฟุตบอลที่ต้องชัดเจนมากๆแล้ว เรื่องคาแรกเตอร์ส่วนตัวของโค้ชเองก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่สมาคมจะต้องไม่ลืมว่า โค้ชจะต้องมีผู้ช่วยที่รู้ใจ ต้องจัดให้ได้ คงจะมาทำแบบให้โค้ชไทยเป็นผู้ช่วยเรียนรู้จากโค้ชเก่งไม่ได้อีกแล้ว ขนาดโค้ชระดับโลก พอขาดผู้ช่วยรู้ใจ ทีมก็พังเหมือนกันหมด
-------------------------------------------------------------------------------
ก็มองว่า ถ้าเราแก้ 3 อย่างนี้ได้ ทีมชาติเราน่าจะดีขึ้นในระยะยาว เพื่อนๆมีความเห็นแตกต่างกันไปอย่างไร มาแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ เอาแบบคุยกันอย่างไม่ไบแอสเน้นความรู้ ไม่เอาอารมณ์มาโยนใส่กันนะ เราโยนอารมณ์ใส่กันมามากพอแล้ว