ห่วงหนี้ครัวเรือนไทย 90% ตามรอยโควิด ระเบิดเวลา ศก.-สังคมไทย
https://www.matichon.co.th/economy/news_2777992
นาย
บุรินทร์ อดุลวัฒนะ หัวหน้าทีมนักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อนาคตเศรษฐกิจไทยเวลานี้ เหมือนกับการเดินทรงตัวบนเส้นเชือก เพราะผลจากการระบาดของโควิดระลอก 3 ที่มีความรุนแรงกว่ารอบที่ผ่านมาอย่างมาก ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะฟื้นตัวช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศไทยพึ่งพาธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นหลัก สิ่งที่จะช่วยให้การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้ดีคือการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยรัฐบาลไทยประกาศเป้าหมายการฉีดวัคซีนที่ 50 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ หากบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ประเทศไทยก็มีโอกาสที่จะสามารถเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้ เช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรที่มีตัวเลขการฉีดวัคซีนมาก ทำให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติได้แล้ว สำหรับปัจจัยที่คาดว่าจะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในปีนี้ไว้ได้คือ การส่งออก เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่ง โดยการส่งออกไทยปีนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตมากกว่า 10%
นาย
บุรินทร์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อโควิดจบลง ประเทศไทยยังคงมีความท้าทายต้องเผชิญต่อไป คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง จำนวนประชากรผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น และปัญหาความไม่เท่าเทียบกันของรายได้ ซึ่งปัจจุบันหนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ในระดับที่ใกล้เคียง 90% ของจีดีพี ถือว่าค่อนข้างสูงสำหรับเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ โดยภาระหนี้ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยในสังคม ถ้าหากปล่อยไว้โดยไม่มีการเข้ามาควบคุมดูแล ปัญหานี้อาจจะกลายเป็นระเบิดเวลาสำหรับเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต
พิษโควิดทำถังแตกแห่เข้าโรงตึ๊ง จำนำทุกสิ่งแม้แต่'ขัน'
https://www.dailynews.co.th/regional/850271
ประชาชนขนเครื่องทำมาหากิน แม้แต่ขันเงินเข้าโรงจำนำ หลังประสบวิกฤติโควิดและรับเปิดเทอมลูกหลาน ขณะที่โรงรับจำนำสำรองเงินกว่า 200 ล้านรองรับคาดเพียงพอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม บรรยากาศช่วงเปิดเทอมสัปดาห์แรก ท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาด ส่งผลกระทบต่อ พ่อ-แม่ผู้ปกครอง ยังคงได้รับความเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจ ทั้งตกงาน ขาดรายได้ สร้างความเดือดร้อนประสบปัญหาค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดภาคเรียน ส่งผลให้หันไปใช้บริการโรงรับจำนำ หรือสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองนครพนม คึกคัก มียอดรับจำนำทะลุกว่าวันละ 2 ล้านบาท
โดยทางสถานธนานุบาล เทศบาลเมืองนครพนม ได้เตรียมวงเงินไว้รองรับการบริการกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งยังคงมีวงเงินมากกกว่า 100 ล้านบาท และสามารถขยายวงเงินรับเพิ่มได้อีกหากไม่เพียงพอ จากการตรวจสอบพบว่าส่วนใหญ่ มี ประชาชน พ่อแม่ ผู้ปกครอง นำสิ่งของมีค่า เครื่องยนต์การเกษตร เครื่องมือช่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า ทองคำรูปพรรณ รวมไปถึงเครื่องเงิน แม้กระทั่งขันโบราณ มูลค่าราคาประมาณ 1,000 บาท มาจำนำ เพื่อไปหมุนเวียนในช่วงเปิดภาคเรียน ทั้งนี้ ทางโรงรับจำนำเทศบาลเมืองนครพนม ได้วางแนวทางช่วยเหลือ ทั้งการขยายเวลา ไถ่ถอนยาวถึง 4-5 เดือน รวมถึงลดดอกเบี้ย สำหรับ ยอดจำนำ ไม่เกิน 5,000 บาท คิดดอกเบี้ย ร้อยละ 25 สตางค์
ด้าน นาย
อุดร แก้วสุพรรณ ผู้จัดการสถานธนานุบาล เทศบาลเมืองนครพนม กล่าวว่า ยอมรับในช่วงนี้เป็นช่วงเปิดเทอม ทำให้ประชาชน พ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องใช้จ่ายค่าเล่าเรียน รวมถึงค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ยิ่งสถานการณ์โควิดระบาด ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ ทางโรงรับจำนำ ได้เตรียมพร้อมในการเตรียมวงเงินสำรอง ไว้รับบริการหมุนเวียนมากกว่า 100 ล้านบาท คาดว่าจะเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่
เป็นเสียเอง!อดีตพนง.การไฟฟ้า ลักตัดสายไฟริมถนน
https://www.dailynews.co.th/crime/850278
อดีตพนักงานการไฟฟ้าควงคู่หูขับ จยย. ลักตัดสายไฟทั่วเมืองนนทบุรี ส่งผลทำไฟฟ้าดับเกือบทั้งเมือง ด้านเจ้าตัวสารภาพพึ่งทำครั้งแรก เพราะต้องการหาเงินจ่ายค่าเทอมลูก
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. พ.ต.อ.
โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.
วันชัย ชูจิตร ผกก.สภ.บางศรีเมือง พ.ต.ท.
เศรษฐหาญ เศรษฐภากรณ์ รอง ผกก.สส. ร่วมแถลงจับกุมตัว นาย
มณฑล หรือ
เบิร์ด ผิวเจริญ อายุ 34 ปี อดีตพนักงานการไฟฟ้า และนาย
ศรณรงค์ หรือ
ปอ คล้ายประยูร อายุ 46 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ในข้อหา "
ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม" พร้อมของกลาง สายไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง ยาวประมาณ 8 เมตร มูลค่าประมาณ 8,000 บาท และรถจยย. จำนวน 1 คัน
สืบเนื่องจากภาพกล้องวงจรปิด วันที่ 6 มิ.ย. 64 เวลาประมาณ 16.30 น. สามารถจับภาพคนร้ายเป็นชาย 2 คน แต่งตัวคล้ายพนักงานการไฟฟ้า ได้ร่วมกันก่อเหตุตัดสายไฟฟ้าที่บริเวณริมถนนสุขาภิบาล หมู่ที่ 5 ต.บางศรีเมือง อ.เมืองนนทบุรี โดยคนร้ายขับรถจยย. มาจอดบริเวณใกล้เสาไฟฟ้า ก่อนที่คนซ้อนท้ายจะเปิดเบาะรถจยย. หยิบอุปกรณ์ที่เตรียมมา เป็นสายคาดเอวของเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเอาไว้ใช้ปีนเสา จากนั้นคนร้ายเดินมาเอาบันไดที่ซ่อนไว้ แบกไปพาดกับเสาไฟฟ้าและปีนขึ้นไปตัดสายไฟด้านบน โดยคนร้ายอีกคนคอยดูต้นทางอยู่ด้านล่าง ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ที่บริเวณแยกบางพลู เขตพื้นที่ สภ.บางบัวทอง พบอุปกรณ์คีม และอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับในการตัดสายไฟฟ้า จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางศรีเมือง ดำเนินคดีตามกฏหมาย
นาย
มณฑล ให้การรับสารภาพว่า ได้เคยร่วมกันก่อเหตุตัดสายไฟฟ้าในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว ที่บริเวณแถววัดโชติการาม หมู่ที่ 3 ต.บางไผ่ อ.เมืองนนทบุรี และที่บริเวณสามแยกท่าน้ำบางศรีเมือง หมู่ที่ 1 ต.บางกร่าง อ.เมืองนนทบุรี โดยจะนำสายไฟฟ้าที่ตัดมาได้ ไปขายตามร้านรับซื้อของเก่า และนำเงินมาแบ่งกันไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่วนเงินที่ได้ตนเอาไปจ่ายค่าเทอมลูก และเพิ่งทำเป็นครั้งแรก ที่ตนทำไปเพราะกำลังตกงานอยู่และไม่มีเงิน พร้อมขอโทษทุกคนที่ทำให้เดือดร้อนจากการกระทำส่งผลทำให้ไฟดับทั้งเมือง.
JJNY : ห่วงหนี้ครัวเรือนไทย90%│จำนำทุกสิ่งแม้แต่'ขัน'│อดีตพนง.การไฟฟ้าลักตัดสายไฟ│ตาวัย85 ปีเสียชีวิต หลังฉีดวัคซีน 2วัน
https://www.matichon.co.th/economy/news_2777992
นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ หัวหน้าทีมนักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อนาคตเศรษฐกิจไทยเวลานี้ เหมือนกับการเดินทรงตัวบนเส้นเชือก เพราะผลจากการระบาดของโควิดระลอก 3 ที่มีความรุนแรงกว่ารอบที่ผ่านมาอย่างมาก ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะฟื้นตัวช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศไทยพึ่งพาธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นหลัก สิ่งที่จะช่วยให้การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้ดีคือการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยรัฐบาลไทยประกาศเป้าหมายการฉีดวัคซีนที่ 50 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ หากบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ประเทศไทยก็มีโอกาสที่จะสามารถเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้ เช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรที่มีตัวเลขการฉีดวัคซีนมาก ทำให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติได้แล้ว สำหรับปัจจัยที่คาดว่าจะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในปีนี้ไว้ได้คือ การส่งออก เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่ง โดยการส่งออกไทยปีนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตมากกว่า 10%
นายบุรินทร์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อโควิดจบลง ประเทศไทยยังคงมีความท้าทายต้องเผชิญต่อไป คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง จำนวนประชากรผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น และปัญหาความไม่เท่าเทียบกันของรายได้ ซึ่งปัจจุบันหนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ในระดับที่ใกล้เคียง 90% ของจีดีพี ถือว่าค่อนข้างสูงสำหรับเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ โดยภาระหนี้ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยในสังคม ถ้าหากปล่อยไว้โดยไม่มีการเข้ามาควบคุมดูแล ปัญหานี้อาจจะกลายเป็นระเบิดเวลาสำหรับเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต
พิษโควิดทำถังแตกแห่เข้าโรงตึ๊ง จำนำทุกสิ่งแม้แต่'ขัน'
https://www.dailynews.co.th/regional/850271
ประชาชนขนเครื่องทำมาหากิน แม้แต่ขันเงินเข้าโรงจำนำ หลังประสบวิกฤติโควิดและรับเปิดเทอมลูกหลาน ขณะที่โรงรับจำนำสำรองเงินกว่า 200 ล้านรองรับคาดเพียงพอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม บรรยากาศช่วงเปิดเทอมสัปดาห์แรก ท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาด ส่งผลกระทบต่อ พ่อ-แม่ผู้ปกครอง ยังคงได้รับความเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจ ทั้งตกงาน ขาดรายได้ สร้างความเดือดร้อนประสบปัญหาค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดภาคเรียน ส่งผลให้หันไปใช้บริการโรงรับจำนำ หรือสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองนครพนม คึกคัก มียอดรับจำนำทะลุกว่าวันละ 2 ล้านบาท
โดยทางสถานธนานุบาล เทศบาลเมืองนครพนม ได้เตรียมวงเงินไว้รองรับการบริการกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งยังคงมีวงเงินมากกกว่า 100 ล้านบาท และสามารถขยายวงเงินรับเพิ่มได้อีกหากไม่เพียงพอ จากการตรวจสอบพบว่าส่วนใหญ่ มี ประชาชน พ่อแม่ ผู้ปกครอง นำสิ่งของมีค่า เครื่องยนต์การเกษตร เครื่องมือช่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า ทองคำรูปพรรณ รวมไปถึงเครื่องเงิน แม้กระทั่งขันโบราณ มูลค่าราคาประมาณ 1,000 บาท มาจำนำ เพื่อไปหมุนเวียนในช่วงเปิดภาคเรียน ทั้งนี้ ทางโรงรับจำนำเทศบาลเมืองนครพนม ได้วางแนวทางช่วยเหลือ ทั้งการขยายเวลา ไถ่ถอนยาวถึง 4-5 เดือน รวมถึงลดดอกเบี้ย สำหรับ ยอดจำนำ ไม่เกิน 5,000 บาท คิดดอกเบี้ย ร้อยละ 25 สตางค์
ด้าน นายอุดร แก้วสุพรรณ ผู้จัดการสถานธนานุบาล เทศบาลเมืองนครพนม กล่าวว่า ยอมรับในช่วงนี้เป็นช่วงเปิดเทอม ทำให้ประชาชน พ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องใช้จ่ายค่าเล่าเรียน รวมถึงค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ยิ่งสถานการณ์โควิดระบาด ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ ทางโรงรับจำนำ ได้เตรียมพร้อมในการเตรียมวงเงินสำรอง ไว้รับบริการหมุนเวียนมากกว่า 100 ล้านบาท คาดว่าจะเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่
เป็นเสียเอง!อดีตพนง.การไฟฟ้า ลักตัดสายไฟริมถนน
https://www.dailynews.co.th/crime/850278
อดีตพนักงานการไฟฟ้าควงคู่หูขับ จยย. ลักตัดสายไฟทั่วเมืองนนทบุรี ส่งผลทำไฟฟ้าดับเกือบทั้งเมือง ด้านเจ้าตัวสารภาพพึ่งทำครั้งแรก เพราะต้องการหาเงินจ่ายค่าเทอมลูก
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.วันชัย ชูจิตร ผกก.สภ.บางศรีเมือง พ.ต.ท.เศรษฐหาญ เศรษฐภากรณ์ รอง ผกก.สส. ร่วมแถลงจับกุมตัว นายมณฑล หรือ เบิร์ด ผิวเจริญ อายุ 34 ปี อดีตพนักงานการไฟฟ้า และนายศรณรงค์ หรือปอ คล้ายประยูร อายุ 46 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ในข้อหา " ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม" พร้อมของกลาง สายไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง ยาวประมาณ 8 เมตร มูลค่าประมาณ 8,000 บาท และรถจยย. จำนวน 1 คัน
สืบเนื่องจากภาพกล้องวงจรปิด วันที่ 6 มิ.ย. 64 เวลาประมาณ 16.30 น. สามารถจับภาพคนร้ายเป็นชาย 2 คน แต่งตัวคล้ายพนักงานการไฟฟ้า ได้ร่วมกันก่อเหตุตัดสายไฟฟ้าที่บริเวณริมถนนสุขาภิบาล หมู่ที่ 5 ต.บางศรีเมือง อ.เมืองนนทบุรี โดยคนร้ายขับรถจยย. มาจอดบริเวณใกล้เสาไฟฟ้า ก่อนที่คนซ้อนท้ายจะเปิดเบาะรถจยย. หยิบอุปกรณ์ที่เตรียมมา เป็นสายคาดเอวของเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเอาไว้ใช้ปีนเสา จากนั้นคนร้ายเดินมาเอาบันไดที่ซ่อนไว้ แบกไปพาดกับเสาไฟฟ้าและปีนขึ้นไปตัดสายไฟด้านบน โดยคนร้ายอีกคนคอยดูต้นทางอยู่ด้านล่าง ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ที่บริเวณแยกบางพลู เขตพื้นที่ สภ.บางบัวทอง พบอุปกรณ์คีม และอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับในการตัดสายไฟฟ้า จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางศรีเมือง ดำเนินคดีตามกฏหมาย
นายมณฑล ให้การรับสารภาพว่า ได้เคยร่วมกันก่อเหตุตัดสายไฟฟ้าในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว ที่บริเวณแถววัดโชติการาม หมู่ที่ 3 ต.บางไผ่ อ.เมืองนนทบุรี และที่บริเวณสามแยกท่าน้ำบางศรีเมือง หมู่ที่ 1 ต.บางกร่าง อ.เมืองนนทบุรี โดยจะนำสายไฟฟ้าที่ตัดมาได้ ไปขายตามร้านรับซื้อของเก่า และนำเงินมาแบ่งกันไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่วนเงินที่ได้ตนเอาไปจ่ายค่าเทอมลูก และเพิ่งทำเป็นครั้งแรก ที่ตนทำไปเพราะกำลังตกงานอยู่และไม่มีเงิน พร้อมขอโทษทุกคนที่ทำให้เดือดร้อนจากการกระทำส่งผลทำให้ไฟดับทั้งเมือง.