รบกวนขอคำปรึกษาเรื่องลาออกจากราชการครับ คือจากการที่ จขกท. ทำงาน ณ หน่วยราชการแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด ซึ่งต้องบอกว่าผู้เขียนไม่ได้ตั้งใจจะทำตั้งแต่แรก คือช่วงนั้นไปสอบที่ต่างๆไว้ แต่ได้ที่นี่ และคิดว่าพอทำงานได้ เลยมาทำ ทว่าพอมาทำแล้วพบว่ามันไม่ใช่เลย ทั้งไม่ตรงกับสาขาที่เรียน และไม่ใช่สายที่ถนัด แม้ว่าจะพยายามปรับตัว ทำทุกอย่างให้เต็มที่มาหลายเดือนแล้ว แต่ว่าผลลัพธ์มันยังไม่น่าพอใจสักที สำหรับตัว จขกท. เอง และสำหรับเพื่อนร่วมงาน รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นตัวถ่วง เลยคิดว่าควรลาออกเพื่อให้คนที่เหมาะสมกว่ามาทำ และหางานที่เหมาะกับตัวเองด้วย ซึ่ง จขกท. มีแผนที่จะอ่านหนังสือเตรียมสอบสนามอื่นที่ต้องการต่อไป (อ่านพร้อมๆกับทำงานเดิมไม่ได้เพราะงานเยอะมาก) และเตรียมที่จะไปทำงานสอนในมหาวิทยาลัย และหาทุนไปศึกษาต่อไปพร้อมๆกัน (เงินทองที่ผู้เขียนเก็บไว้พออยู่ได้อีกหลายเดือน)
ที่ยังติดขัดอยู่คือคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งท่านทั้งคู่เป็นข้าราชการ ย่อมอยากให้ผู้เขียนรับราชการ ซึ่งผู้เขียนเองก็อยากทำ ทว่ากับหน่วยงานที่ทำอยู่มันทำยังไงก็ยังไม่ใช่ เลยคิดจะลาออกไปเตรียมตัวสอบงานใหม่ คือสงสารท่าน ถ้า จขกท. ลาออกเลย ท่านจะเครียด เพราะอยากให้อยู่ที่นี่ เนื่องจากเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว ไม่อยากให้ไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ (เป็นลูกคนเดียว คุณพ่อคุณแม่ค่อนข้างห่วงมาก) และลาออกช่วงนี้ก็คงไม่เหมาะเพราะสถานการณ์ อีกทั้งอาจถูกติฉินนินมาจากคนรอบข้างที่ยังยึดมั่นในระบบราชการได้ ทว่าถ้ายังทนอยู่ต่อไป ท่านก็เครียดอีกเพราะ จขกท. มักพูดเรื่องที่ทำงานอยู่เสมอ ตัวผู้เขียนเองก็เครียด กลัวจะเป็นโรคประสาทไปก่อน เลยไม่รู้จะหาทาออกยังไง (ผู้เขียนคืออยากลาออกทันทีเพราะสุดจะทนแล้ว แต่คุณพ่อคุณแม่อยากให้มีงานใหม่ก่อน ซึ่งยากมากในช่วงนี้ ซึ่ง จขกท. เข้าใจว่าท่านทั้งสองหวังดี อยากให้มีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตจากงานราชการ เลยให้มาทำ แต่ ณ ตอนนี้ผู้เขียนหาทางออกไม่ได้จริงๆว่าควรทำเช่นไรดี
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำปรึกษาครับ
อยากลาออกจากราชการ เลยมีคำปรึกษาครับ
ที่ยังติดขัดอยู่คือคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งท่านทั้งคู่เป็นข้าราชการ ย่อมอยากให้ผู้เขียนรับราชการ ซึ่งผู้เขียนเองก็อยากทำ ทว่ากับหน่วยงานที่ทำอยู่มันทำยังไงก็ยังไม่ใช่ เลยคิดจะลาออกไปเตรียมตัวสอบงานใหม่ คือสงสารท่าน ถ้า จขกท. ลาออกเลย ท่านจะเครียด เพราะอยากให้อยู่ที่นี่ เนื่องจากเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว ไม่อยากให้ไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ (เป็นลูกคนเดียว คุณพ่อคุณแม่ค่อนข้างห่วงมาก) และลาออกช่วงนี้ก็คงไม่เหมาะเพราะสถานการณ์ อีกทั้งอาจถูกติฉินนินมาจากคนรอบข้างที่ยังยึดมั่นในระบบราชการได้ ทว่าถ้ายังทนอยู่ต่อไป ท่านก็เครียดอีกเพราะ จขกท. มักพูดเรื่องที่ทำงานอยู่เสมอ ตัวผู้เขียนเองก็เครียด กลัวจะเป็นโรคประสาทไปก่อน เลยไม่รู้จะหาทาออกยังไง (ผู้เขียนคืออยากลาออกทันทีเพราะสุดจะทนแล้ว แต่คุณพ่อคุณแม่อยากให้มีงานใหม่ก่อน ซึ่งยากมากในช่วงนี้ ซึ่ง จขกท. เข้าใจว่าท่านทั้งสองหวังดี อยากให้มีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตจากงานราชการ เลยให้มาทำ แต่ ณ ตอนนี้ผู้เขียนหาทางออกไม่ได้จริงๆว่าควรทำเช่นไรดี
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำปรึกษาครับ