ส่วนตัวปีที่แล้วเลือกช๊อปดีมีคืน แต่ปีนี้เลือก คนละครึ่ง เพราะมาคิดเบ็ดเสร็จแบบ 3 มิติแล้ว คนละครึ่ง คุ้มกว่า ยิ่งใช้ยิ่งได้ (คสต) เลยพึ่งลงทะเบียนไปหมาดๆ
1. คิดหลักการแบบ % การลงทุน --> คนละครึ่งดีกว่า เพราะเท่ากับได้ 50% (แต่ maximum ต่อวัน = 300 บาท)
                                                 ส่วนยิ่งใช้ยิ่งได้ = 12% (7,000/ 60,000) ถึงจะ maximum ที่ วันละ 5,000 บาท ก็ตาม แต่ก็เท่ากับ 12%
2. คิดแบบจุดคุ้มทุน --> ยิ่งใช้ยิ่งได้ต้องซื้อทั้งหมด 5,000 * 6 ครั้ง = 30,000 ได้คืน 10% คือ 3,000 อันนี้เสมอกับ คนละครึ่ง ถ้าจะให้ได้เยอะกว่าต้องใช้ 7 ครั้งขึ้นไปคือได้คืนที่ 3,500 ถึงจะมากกว่า คนละครึ่ง
3. คิดแบบนัก shopping (ส่วนตัวชอบเดินห้างและ shopping ตลอด) --> การซื้อ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ต้องใช้เงินผ่าน G Wallet ใน App เป๋าตังค์ ซึ่งหมายความว่า ต้องเติมเงินสดเข้าไป แต่ส่วนตัว ถนัดใช้บัตรเครดิต (สะสม point ได้ส่วนลดและ cashback) และยังคิดว่า ยิ่งใช้ยิ่งได้ ไม่คุ้ม เพราะ
    > Grocery shopping ซื้อของอุปโภคบริโภคเข้าบ้าน ถ้าซื้อตาม Big C มีบัตรเครดิตที่ลด 7% อยู่แล้วและได้ point on top
    > Shopping ตาม Department stores มีบัตร Central Card หรือ M Card ก็ได้ลด 10% (+on top และได้สะสม point) ด้วย และได้สะสมยอดรายปี เพื่อ privilege ด้านอื่นๆ เช่น Limousine, ส่วนลด, voucher
    > Restaurants (lifestyle ชอบทานอาหารตามร้านนอกบ้านเช่นกัน) แต่ใช้บัตรเครดิตได้ลด 15% หรือได้ on top ซึ่งคุ้มกว่าอยู่ดี
   > Other services เช่น สปา นวด ทำเล็บ ซื้อแบบเป็น package เกิน 5,000 บาทอยู่แล้ว
ดังนั้น ถ้าสมัครคนละครึ่ง = ได้ 3,000 แน่ๆแล้ว ส่วนต่างที่ ยิ่งช๊อปยิ่งได้ให้อีก 4,000 ก็ถูกทดแทนด้วย benefit ของบัตรเครดิต
เพราะฉะนั้น ส่วนตัวยังคิดว่า โครงการนี้ ยังคิดออกมาไม่โดนใจ Target group สักเท่าไหร่ และซับซ่อนเกินกว่าจะใช้ ชอบแบบ ช๊อปดีมีคืนมากกว่า