กระทู้ระบายความผิดหวังหลังอ่านตอนจบ Attack on Titan

มีคำกล่าวหนึ่งที่ว่า ‘รักมากก็เกลียดมาก’ ถ้าฟังแบบไม่คิดเยอะ ก็อาจจะนึกว่าเกี่ยวกับชีวิตคู่ใช่ไหม แต่ไม่ใช่เลย พอเจอเข้ากับตัว ก็ทำให้ได้รู้ว่ามันเกิดกับเรื่องอะไรก็ได้ในชีวิตเรา โดยเฉพาะเรื่องที่มันคาดหวังได้ เช่น ทีมกีฬาที่เชียร์ มังงะที่ชอบ

Attack on Titan จบมาสองเดือนแล้ว ทุกคนก็ที่ทั้งชอบและไม่ชอบก็คงมูฟออนไปหมดแล้ว ดังนั้นคงไม่มีคนเมนต์เท่าไหร่หรอกมั้ง 5555 แต่ก็ยังมีใครที่มูฟออนไม่ได้...เราเอง

เคยตั้งใจไว้ว่าจะไม่มีวันตั้งกระทู้ล่อเป้าแบบนี้ แต่เนื่องจากเมื่อคืนมีภาพไกด์บุ๊กของ Attack on Titan บางหน้าหลุดออกมา ซึ่งเนื้อหาในนั้นมันตอกย้ำความผิดหวังของเราเข้าไปอีก จนมันทนเก็บไว้คนเดียวไม่ไหวอีกแล้ว ดังนั้นวันนี้จะมาเล่าประเด็นที่เราผิดหวังในตอนจบกัน


1. แรงจูงใจของเอเรนที่ถูกลดทอนความยิ่งใหญ่ลง

ก่อนตอนจบ เราเข้าใจมาตลอดว่า ที่เอเรนทำพสุธากัมปนาทนั้น เพื่อต้องการปลดปล่อยชาวเอลเดีย ให้เป็นอิสระ ไม่ให้โดนโลกภายนอกทำลาย เพื่อพิสูจน์ว่าชาวเอลเดียทุกคนมีสิทธิ์เกิดมา ทุกอย่างถูกปูมาอย่างยิ่งใหญ่ เป็นหลายสิบตอน แต่สุดท้ายไม่ใช่เลย เอเรนทำพสุธากัมปนาทไปทำไมก็ไม่รู้ เขาถูกเขียนให้กลายเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลรองรับในการกระทำของตัวเองเสียอย่างนั้น
ถามว่าเอเรนทำเพื่อเพื่อนหรือเปล่า เข้าใจว่าในเรื่องจะสื่อแบบนั้น แต่มันเชื่อไม่ลงจริง ๆ เพราะเอเรนบอกเองในตอนจบว่า เขาไม่รู้ว่าเพื่อน ๆ จะหยุดเขาได้หรือเปล่า แสดงว่า เขารับประกันความเป็นไปของเพื่อนไม่ได้ เพื่อน ๆ อาจจะตายก็ได้ อีกอย่าง การกระทำของเขาส่งผลให้ซาช่า ฮันจิ ตาย การจะบอกว่าทำเพื่อเพื่อนจึงทำให้เราเชื่อไม่ลง

นอกจากนี้ การที่เอเรนนั่งร้องไห้เพราะมิคาสะจะไม่อยู่ข้างเขาอีกแล้ว ยังทำให้ตัวละครนี้ดูน่าขายหน้าขึ้นไปอีก มันมีความเป็นมนุษย์ตรงไหนกันนะ คือแทนที่จะร้องไห้เสียใจเพราะฆ่าคนบริสุทธิ์ไปเยอะ แต่กลับร้องไห้เพราะเสียคนที่เหมือนเป็นของตายของตัวเองไปแทน ( ที่เราคิดว่าเอเรนมองมิคาสะเป็นของตาย เพราะในเรื่องมีการยกมิคาสะมาเทียบกับยูมีร์ ซึ่งเป็นทาสรักของราชาฟริตซ์ )

2. ปมของยูมีร์ ฟริตซ์
ก่อนหน้านี้ ยูมีร์ถูกนำเสนอว่าเป็นเหยื่อของการทารุณ ของความเป็นทาสมาก่อน แต่พอเฉลย กลายเป็นว่าเธอคือคนที่ยังยึดติดกับความรักแย่ ๆ ไปเสียอย่างนั้น นี่ Attack on Titan กลายเป็นการ์ตูนรักตั้งแต่เมื่อไรกันนะ นึกว่าปมของเรื่องนี้คืออิสรภาพเสียอีก แถมคนรักของเธอก็ไม่ได้ทำดีกับเธอเลย ทั้งควักตาเธอ ตัดลิ้นเธอ ให้ทหารไล่ยิงธนูใส่เธอ

อาจจะมีคนมาบอกว่า ก็ยูมีร์เป็นสต็อกโฮล์มซินโดรม ต้องเข้าใจเธอสิ โอเค มันเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับการเล่าเรื่อง เราว่ามันไม่ใช่การเล่าเรื่องที่ดีเท่าไร ที่จู่ ๆ ก็ยัดเนื้อหาแบบนี้มาในตอนจบ โดยไม่มีอะไรเกริ่นมาก่อนเลย ลองดูในภาพโปรโมตนี้สิ เห็นอะไรเกี่ยวกับสต็อกโฮล์มซินโดรมไหม เราไม่เห็นเลย
แล้วถ้ามิคาสะเป็นคนที่ยูมีร์รออยู่ ทำไมถึงต้องมีการ paralell ยูมีร์กับฮิสทอเรียเยอะขนาดนั้นด้วยนะ

3. ฮิสทอเรียกลายเป็นตัวประกอบ
ฮิสทอเรีย อีกหนึ่งตัวละครที่มีบทบาทสำคัญจนถึงขั้นมี arc เป็นของตัวเอง และคิดว่าเป็นส่วนที่ค่อนข้างสนุกทีเดียว เธอยังมีปมที่น่าสนใจ และถูกพัฒนามาอย่างดี แต่กลายเป็นว่าพอหลัง time skip เธอไม่มีบทพูดซักคำ บทบาทก็แทบไม่มี แถมต้องท้องกับตัวประกอบแบบน่ากังขาสุด ๆ คือแบบ อยากจะให้ท้องกับตัวประกอบ ก็ทำได้เลยอย่างนั้นเหรอ โดยไม่ต้องเกริ่นเรื่องให้น่าเชื่อ หนักแน่นพอ 

คือด้วยไทม์ไลน์ต่าง ๆ ด้วยสิ่งที่แอบใบ้มา ด้วยความสมเหตุสมผลของเนื้อเรื่อง จะมาบอกว่ามันไม่มีอะไรมาตั้งแต่แรกไม่ได้อะ ถ้ามันไม่มีจริง ๆ คนไม่สงสัยกันขนาดนี้หรอก เรายังยืนกรานว่ามันจะยิ่งใหญ่กว่ามาก ๆ ถ้าเอเรนเป็นพ่อ และยังเพิ่มความสมเหตุสมผลในการกระทำของเอเรนอีกต่างหาก ( จะยอมให้ลูกเกิดมาในโลกแบบนี้ไม่ได้ ) แต่เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอเรนในข้อ 1.
สำหรับใครที่ยังคิดว่าเอเรนยังเป็นพ่อ ไกด์บุ๊คออกมายืนยันแล้วว่าไม่ใช่ครับ อย่างไรก็ตาม สามีและลูกของฮิสทอเรียก็ยังไม่มีชื่อ น่าเศร้าไหมล่ะ
ขอแซะขำ ๆ อีกนิด เท่าที่มีคนแปลมา ฟาร์มเมอร์คุงถูกอัปเกรดให้เป็นเพื่อนสมัยเด็กของฮิสทอเรียในไกด์บุ๊กแล้วนะ แม้ว่าเขาจะเคยขว้างหินใส่กบาลเธอ แม้ว่าฮิสทอเรียจะเคยบอกว่าตอนเด็ก ๆ เธอโดนกลั่นแกล้ง และมีแค่สัตว์ในฟาร์มเป็นเพื่อนก็ตาม อิอิ

4. เป้าหมายของพันธมิตร

จำที่ฮันจิพูดกันได้ไหม ที่บอกว่า ‘ฉันไม่ยอมรับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แน่ ๆ ’ แต่ในตอนจบ เราก็ได้เห็นอาร์มินพูดกับเอเรนว่า ‘ขอบคุณมากนะ นายยอมเป็นฆาตรสังหารหมู่เพื่อพวกเรา’ มันดูขัดแย้งไหม เราว่าฮันจิคงนั่งกุมขมับถ้าได้ยิน
ถึงจะมีคนมาแก้ต่างว่าอาร์มินไม่ได้เชิดชูการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเอเรนหรอก เขาแค่อยากคุยดี ๆ กับเอเรนเป็นครั้งสุดท้าย แต่แบบ มันก็ต้องมีคนอ่านแล้วตีความไปว่า อาร์มินขอบคุณที่เอเรนฆ่าชาวโลกเพื่อพวกเขาแน่ ๆ คือมันไม่มีไดอะล็อกที่ดี ที่ชัดเจนกว่านี้แล้วเหรอ

5. Plot hole
สรุป พลังไททันต้นกำเนิดก็ควบคุมแอคเคอร์มันได้ใช่ไหม เพราะมิคาสะก็พูดประมาณว่าความทรงจำกลับมาแล้ว งั้นที่ราชาองค์ก่อน ๆ ไล่ฆ่าตระกูลแอคเคอร์มันนี่ไม่รู้คิดอะไรอยู่ ไม่ได้ลองล้างสมองพวกนั้นด้วยซ้ำ ยังจะไปฆ่าเขาทั้งตระกูลอีก ทหารฝีมือดีแท้ ๆ

สรุป พลังไททันต้นกำเนิดทำอะไรได้มากขนาดไหนเนี่ย ควบคุมชาวเอลเดียกับไททันในอดีตได้เลยใช่ไหม ถึงคุมไดน่าไม่ให้กินแบร์โทลต์ แล้วปล่อยให้ไปกินแม่ตัวเองแทน คือเอเรนมีพลังขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านี้กันนะ แต่ก็โอเค กลับไปข้อ 1. เอเรนทำตามอนาคตที่เห็นเท่านั้น เห็นแบบไหนเลยทำแบบนั้น ไม่ได้ตัดสินใจอะไรเองทั้งสิ้น

สรุป สิ่งที่มิคาสะเห็นในตอน 138 มันเชื่อมโยงกับตอนที่ 1 ไหม ไม่น่านะ คือเมื่อพิจารณาจากการย้อนเวลาของเรื่องนี้ มันเป็นการย้อนแบบที่ว่ายังไงก็ต้องย้อน ( Fixed Timeline ) ดังนั้น มันไม่มีโลกคู่ขนาน หรือลูปใด ๆ ทั้งนั้น ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นเป็นเส้นตรง เปลี่ยนอะไรไม่ได้ แสดงว่า ภาพที่มิคาสะเห็นเธอไปอยู่กับเอเรนนั้น เป็นภาพจินตนาการเท่านั้น แล้วทำไมอาจารย์ต้องเอามาใส่ในตอนที่ 1 ด้วยนะ เอาจริง ๆ ( ถ้าอยากให้มีลูป มันน่าจะมีได้ แต่อาจจะซับซ้อนประมาณนึงเลย อย่างไรก็ตาม ในเรื่องไม่ได้กล่าวถึงลูปแม้แต่น้อย ดังนั้นจะถือว่าไม่มี )

6. แง่คิดที่ได้จากตอนจบ
- คนเราไม่มีวันเป็นอิสระ ต่อให้พยายามขนาดนไหน ทุกคนล้วนเป็นทาสของบางสิ่งเสมอ เหมือนเอเรนที่เป็นทาสของอิสรภาพ
- ความรักของคนเรา บางทีก็ toxic แบบมิคาสะ ยูมีร์ ดังนั้นต้องตัดใจให้เป็น
- ความขัดแย้งไม่มีวันจบ ความแค้นมันละวางกันไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนเอลเดียกับโลกภายนอก
- ปัญหาของคนรุ่นก่อน มักจะถูกส่งต่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนเอเรนที่ทิ้งปัญหาไว้ให้เพื่อน ๆ
- ชะตากรรมนั้นไม่อาจเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ( โคตร Determinism ) เหมือนเอเรน ที่ต้องทำตามชะตาที่กำหนดไว้ เปลี่ยนอะไรไม่ได้

คือเราคิดว่า ถ้าเป็นตอนจบที่เราคาดหวัง เราจะได้อะไรจากมันมากกว่านี้ ทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องการไม่ส่งต่อปัญหาให้คนรุ่นหลัง เรื่องการก้าวข้ามความผิดพลาดของคนรุ่นก่อน ดังนั้นจึงไม่ประทับใจกับแง่คิดในตอนจบเท่าไร


จริง ๆ ยังมีอีกประเด็นหนึ่ง คือ การสัมภาษณ์ของอาจารย์อิซายามะ ซึ่งจากที่เห็นในตอนจบ เราพบว่าอาจารย์จบมังงะได้ขัดแย้งกับสิ่งที่ตัวเองเคยให้สัมภาษณ์ไว้หลายเรื่อง ๆ ซึ่งเราไม่ค่อยโอเคเท่าไร คือทำไมแค่สัมภาษณ์ยังพูดความจริงให้กันไม่ได้เลยนะ เข้าใจนะว่าคนเราเปลี่ยนความคิดกันได้ แต่ถ้าลังเล หรืออยากจะปิดเป็นความลับก็ไม่ต้องบอกสิ ไม่ใช่ทำให้คนที่เชื่อคำพูดอาจารย์กลายเป็นเหมือนคนโดนหลอก แต่เราต้องไปไล่รวบรวมก่อน ถ้าขยันจะมาเขียนเพิ่มให้อ่านกัน

ส่วนตัวผิดหวังมาก ๆ เลยครับ ไม่รู้จะมูฟออนไปเรื่องอื่นได้วันไหน อุตส่าห์เจอมังงะที่สนุกขนาดนี้ อย่างที่บอกว่าเราไม่เคยชอบเรื่องไหนขนาดนี้มาก่อน และก็นึกว่าจะได้แง่คิดดี ๆ มากกว่านี้ แบบตัวละครทำเพื่อครอบครัว เพื่อเด็ก ๆ ในอนาคต ดีนะที่เราเก็บ e-book แทนเล่ม ไม่งั้นตอนที่มันออกมาใหม่ ๆ อาจจะฉุนเฉียวจนเผาจริง ๆ ก็ได้ แต่พอเป็น e-book แล้วเผาไม่ได้ 5555 ลบได้อย่างเดียว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่