การเตรียมสวยเป็นเจ้าสาวช่วงโควิด แบบประหยัดทั้งเงิน ประหยัดทั้งเวลา

เรื่องมีอยู่ว่า เราได้ฤกษ์แต่งงานมาในปี 2020 ซึ่งก็ติดโควิด และตอนนั้นเรายังไม่รู้จักมันดีพอ กลัวมาก แล้วญาติฝั่งเจ้าบ่าวก็เสียหลายคนในปีนั้น สุดท้ายเลยดูฤกษ์ใหม่กันเองได้ฤกษ์มาวันที่ 6 เมษายน ซึ่งฤกษ์ไทยไม่ค่อยดี เราจึงตั้งใจจัดเป็นพิธีจีนค่ะ ซึ่งแฟนก็จะจัดเองทั้งหมดไม่จ้างออร์แกไนเซอร์ ไม่ซื้อชุดขันหมากสำเร็จ ทำให้ต้องใช้เวลาเตรียมหลายสิ่งค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะพวกขันหมาก ของส่งตัว วุ่นมาก จนลืมดูแลสิ่งที่สำคัญที่สุดในงานนั้นคือตัวเราเองจ้า มารู้ตัวอีกทีก็ใกล้วันเอามากๆแล้ว แล้วปกติเราเป็นคนไม่ใช้ครีมเลย เรียกว่าใช้ๆหยุดๆ ผมก็ไม่ใช้ครีมนวด อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เราเลยอยากแชร์ประสบการณ์การเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของเรา เผื่อจะมีเพื่อนๆที่เป็นแบบเราค่ะ เราจะแบ่งเป็นหมวดเรียงตามลำดับที่เราเริ่มดูแลนะคะ

- หมวดที่ 1 คือ Body หรือหุ่นค่ะ - 
หมวดนี้ต้องใช้เวลาพอสมควรเลยค่ะ เราเริ่มตระหนักได้ว่าต้องดูแลหุ่นก็ประมาณ 4 เดือนก่อนวันงานค่ะ โดยเริ่มจากการไปลองชุดเจ้าสาวนี่แหละค่ะ ใส่อะไรก็ไม่สวยค่ะ เป็นคนแบบแขนใหญ่ สะโพกใหญ่ค่ะ ท่อนล่างโบ๊ะบ๊ะมากคร่า แต่จริงๆการเลือกชุดก็ช่วยพลางได้นะคะ ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นก็ตอนไปลองชุดมาหลายๆแบบค่ะ แนะนำให้ไปลองหลายๆแบบค่ะ ค่าเช่าชุดแพงๆทั้งนั้นค่ะ มีเวลาลองๆเลยค่ะ ยิ่งถ้าจะสั่งตัดต้องไปลองแบบที่มีอยู่ก่อนแล้วเลยนะคะ เพราะบางทีตัดออกมา เราใส่แล้วไม่ตรงกับที่เราจินตนาการค่ะ 

อย่างเราตอนแรกตั้งใจจะใส่ชุดแบบมินิมอลค่ะ ลองไปลองมามินิมอลไปไม่ไหวค่ะ แนะนำให้เปิดใจในการลองชุดก่อนนะคะช่วงแรก ลองไปเลยให้ครบทุกแบบ มันหลากหลายกว่าที่เราคิดมากค่ะ

ตัวอย่าง       ท่อนบน แบบมิดชิด แบบเปิดไหล่ แบบปาด แบบข้างเดียว ฯลฯ
                   ท่อนล่าง ทรงเอ ทรง Ball Gown ทรง mermaid
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อย่างเราเป็นคนแขนใหญ่ ช่วงล่างก็มั่นคง ไหล่กว้าง พอไปลองแบบปิดแขน ด้านบนมิดชิด ด้านล่างทรงเอ ไม่ได้เลยนะคะ ตันมากค่ะ เตี้ยมากค่ะ ต้องเปิดไหล่หน่อยค่ะ แล้วปิดแขนน้อยๆ ทรง Ball Gown ก็ไม่รอดค่ะ ดูมีพุงมากๆเลยค่ะ 

 
ลองไปลองมา มาลงตัวที่ 2 ชุดนี้ค่ะ 
**แน่นอนว่าไปลองชุดช่วงโควิด ต้องระวังนะคะ ใส่มาส์กตลอด นัดคิว เลือกร้านที่ให้เข้าทีละ 1 คู่จะดีมากค่ะ** กลับมาที่การดูแลตัวเองค่ะ เราทำหลายอย่างอยู่ค่ะ ขอลำดับเป็นข้อตามนี้นะคะ

1.ควบคุมอาหาร เราทำ IF เห็นผลดีมากค่าาา เราหยุดกินอาหารตั้งแต่ 14:00-8:00 น. ของอีกวัน ก็ประมาณ 16-18 ชม. โดยระหว่างหยุดทานอาหารจะทานแต่น้ำค่ะ แต่ช่วงทานก็กินดีด้วยนะคะ กินเยอะเน้นโปรตีน ลดไขมัน น้ำตาลค่ะ เป็นช่วงเวลา 4 เดือนที่ไม่แตะชานมไข่มุกเลยค่ะ ตอนแรกก็โหยมากค่ะ แต่ตอนนี้ชินไปเลยค่ะ หลังแต่งงานกลับมากินอีกทีคือทำไมชานมที่เรากินปกติมันหวานขนาดเนี๊ย!! 

2.ดื่มชาค่ะ เราจิบชาตลอดวันเลยค่ะ เน้นชาอู่หลง ช่วยลดไขมัน และระดับคอเลสเตอรอลได้ แถมมี anti-oxidant อีก เราทานแบบชงน้ำร้อนเองนะคะ ไม่ใส่น้ำตาล ประมาณว่าจิบแทนน้ำเปล่าค่ะ

3.เปลี่ยน active lifestyle คือไม่อยากจะเรียกว่าออกกำลังกายเลยค่ะ เพราะสัปดาห์นึงออกได้ไม่ถึง 3 วันค่ะ ด้วยความกลัวโควิด แต่ถ้าวิ่งก็วิ่งรอบละ 45 นาทีค่ะ จะวิ่งช้า วิ่งเร็วก็ได้ค่ะ แต่ที่เน้นคือเราพยายามไม่นั่งแช่ค่ะ ลุกไปนู้นไปนี่ ไปเล่นกับแมวบ้างค่ะ วันไหนไปทำงานก็เดินไปแผนกอื่นบ้างค่ะ 

4.ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวค่ะ ปกติเป็นคนไม่ทาครีมเลย ช่วงนี้ก็ใช้ผลิตภัณฑ์กระชับผิวค่ะ โบกเช้า โบกเย็นค่ะ ตรงต้นแขน ต้นขา พุงค่ะ โบกจนแม่จะเป็นลมค่ะ เพราะกลิ่นสมุนไพร essential oil มันค่อนข้างแรงค่ะ แต่ก็มาแอบงงตัวเองทีหลังว่าจะโบกต้นขาทำไม เพราะไงก็ใส่กระโปรงคลุมหมดอยู่ดี ๕๕๕ แต่ถ้าใครจะใส่กระโปรงทรง mermaid ก็ทาไว้ก็ดีนะคะ ช่วยลดความกว้างของสะโพกได้นิดนึง 
เราใช้ Legs’go ultimate firming set นะคะ 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล. ส่วนบำรุงทั่วไปเน้นทา moisturizer แบบ Jergens ค่ะ แต่บอกเลยทำไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไหร่ค่ะ วันไหนเพลียๆก็ลืมค่ะ เราเป็นคนขาลายด้วยค่ะ พอใกล้วันงานดันเห่อขึ้นมาอีก เลยเตรียมลองพื้นไว้ช่วยกลบเลยค่ะ ลองพื้นที่แบบดี ราคาถูกโบกตัวแล้วไม่เสียดายเลยนะคะ แนะนำ
MTI body foundation ซื้อขวดเล็กก็พอนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผลลัพธ์นะคะ เดือนที่ 2 ก็น้ำหนักลงไปเกือบ 3 กก.ได้ค่ะ จาก 58 กก.เป็น 55 กก. พอเดือนที่ 3-4 ก็เหลือประมาณ 52 กก.ได้ค่ะ มีเพื่อนๆทักว่าผอมลงเยอะมากค่ะ แม้กระทั่งร้านไปลองชุด ตอนฟิตติ้งก็บอกว่าผอมลงค่ะ ปล.ทางร้านเลยนัดมาว่าก่อนวันงาน 1 เดือนให้มาวัดอีกทีค่ะ เขาบอกว่าเดือนนึงจะมีการเปลี่ยนแปลงไม่เยอะค่ะ อันนี้คือรูปเปรียบเทียบตอนช่วงลองชุดใหม่ๆ กับวันงานนะคะ ภูมิใจตัวเองสุดๆค่ะ ไม่คิดว่าจะทำได้ค่ะ
- หมวดที่ 2 คือ หน้า - 
อันนี้บอกเลยเพิ่งมาจริงจังได้ 2 สัปดาห์ก่อนแต่ง แอบเครียดเลยค่ะ เรามัวแต่เตรียมงานจนลืมไปเลยค่ะ ไม่เหมือนเรื่องหุ่นที่แบบเริ่มไปก่อนจนเป็นนิสัยค่ะ 

ตอนแจกการ์ดเพื่อนๆที่เป็นหมอทักว่าให้รีบไปทำโบท็อกซ์ค่ะ เพราะต้องใช้เวลากว่าจะเข้ารูป 1 เดือนค่ะ เพื่อนบอกว่าจะช่วยลดรอยยับตรงระหว่างคิ้วหน้าจะเบิกบาน ขมวดคิ้วไม่ได้ แล้วก็ตรงกรามจะช่วยให้หน้าไม่เหลี่ยมค่ะ แต่เรากลัวค่ะไม่เคยฉีด หรือศัลยกรรมเลยค่ะ แล้วก็กลัวออกมาไม่เหมือนเป็นตัวเอง หน้าเหลี่ยมแบบเราสิเอกลักษณ์ เลยไม่ได้นึกถึงฉีดโบท็อกซ์อีกเลยค่ะ แล้วก็กลัวโควิดด้วยค่ะ แต่ถ้าใครอยากทำอย่าลืมนะคะ เผื่อเวลาไว้สักเดือนนะคะ 

พอเหลือเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์สิ่งที่ทำอย่างแรกคือเปิด pantip หาค่ะ แล้วก็ดูคอร์สนวดหน้า คอร์สเจ้าสาวรัยประมาณนี้ค่ะ ปรากฏว่าเจอคนแนะนำว่าทำอะไรไม่ทันแล้วค่ะ ให้ทำใจให้สบาย ไม่เครียด นอนให้เพียงพอค่ะ เพราะถ้าไปทำอะไรแปลกๆอาจจะสิวขึ้นได้ แล้วเราเองก็ไม่อยากออกไปถอดหน้ากากทำสปานานๆด้วยค่ะ นี่เลยเป็นเหตุให้เราเขียนรีวิวนี้ขึ้นมาค่ะ 2 สัปดาห์เรายังกู้ชีพใบหน้าเราได้อยู่ค่ะ(ทำเองได้ที่บ้าน) มาดูกันเลยค่ะ
 
1. MASK อย่างที่รู้ๆกันค่ะ mask คือตัวช่วยที่ดีที่สุดค่ะ เพราะสารที่เข้มข้น และให้ความชุ่มชื้นค่ะ ถึงจุดที่เวลาเหลือน้อย เราจะต้องเลือกมาส์กที่เป็น cream type นะคะ เอาแบบหนักๆเลยค่ะ ไม่มาแบบน้ำตบ essence serum นะคะ เบาไปค่ะ ตัวที่เราใช้เป็น Innisfree jeju root energy mask ค่ะ ชอบ Yam ที่สุดแล้วค่ะ ใช้เสร็จหน้านุ่มมากเลยค่ะ เนียน เด้งๆ ดึ๋งๆทั้งวันเลยค่ะ เป็นมาส์กที่ราคาโอเค (60 บาท) เทียบกับผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจมากค่ะ เราใช้ซองละ 2 ครั้งนะคะ คือเนื้อครีมที่ให้มาเยอะมากๆค่ะ สามารถซื้อแผ่นมาส์กเปล่ามาแบ่งใช้ได้เลยค่ะ ทำแบบนี้ทุกวันค่ะ หน้าอิ่ม dewy มากๆค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. เราลองซื้อ Estee lauder advanced night repair มาลองใช้ดูค่ะ ขวดแค่ 7ml ซื้อในร้าน KIS ค่ะราคาประมาณ 600 ค่ะ ใช้แล้วนุ่มดีค่ะ รู้สึกหน้าเนียนขึ้นค่ะ แต่ไม่ค่อยว้าวเท่ากับใช้มาส์กค่ะ คิดว่าถ้าใช้อันนี้อย่างเดียวคงต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆหน้าถึงจะดีค่ะ 

3. ดื่มน้ำเยอะๆ แล้วก็นอนตั้งแต่ 4 ทุ่มค่ะ จริงพยายามนอนก่อน 3 ทุ่มแต่มันไม่ชินแล้วนะคะ เลยนอนได้ประมาณ 4-5 ทุ่มค่ะ
เพี้ยนลอยสุดท้ายคือหน้าดีมากค่ะ ช่างแต่งหน้าชม ไม่ต้องมาส์กหน้ารองพื้นก่อนแต่งเลย รู้สึกภูมิใจสุดๆเลยค่ะ

- หมวดที่ 3 คือ ผม -
ผมเราเลือกที่จะไปทำทรีทเม้นต์ก่อนวันงาน 2 วันค่ะ บอกเลยค่ะว่าคิดผิดค่ะ  ผมไม่ต้องบำรุงเยอะเลยค่ะถ้าจะต้องดัดจัดทรง เพราะผมที่เสียคือผมที่ทำอะไรได้ง่ายกว่าค่ะ ของเราพอทำทรีทเม้นต์บวกกับเป็นคนผมเส้นเล็กจัดทรงอยู่นานค่ะ แล้วต้องอัดสเปรย์เยอะเลยค่ะ แนะนำแค่สระผมวันงาน ไม่ต้องใส่ครีมนวดนะคะ ที่เหลือปล่อยเป็นหน้าที่ของช่างค่ะ 

- หมวดที่ 4 คือ ขน - 
สำหรับคนที่มีเวลา มีกำลังทรัพย์เราแนะนำให้ทำเลเซอร์ค่ะ มันจะสมูทสุดๆ แต่ถ้าไม่มีเวลา ประหยัดงบหน่อยแนะนำให้ใช้ veet ค่ะ จะมีสาร thioglycolic acid ที่เป็นกรดไปกัดที่ปลายเส้นขน แต่ไม่ถึงโคนขน โคนขนจะไม่หลุดไปด้วย ข้อดีคือตอนขนขึ้นจะไม่คันค่ะ แล้วก็เรียบเนียนอยู่นะคะ คนแพ้ง่ายก็มีสูตร sensitive อยู่ค่ะ เราทำก่อนวันงาน 2 วันค่ะ กันตอขึ้นค่ะ ใช้ได้ทั้งใต้รักแร้ ทั้งหน้าแข้งเลยค่ะ ไม่แนะนำให้ wax นะคะโดยเฉพาะใต้รักแร้ ตอนขึ้นเรานี่คันมากไม่ไหวค่ะ เราใช้สูตรนี้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
**หลังขจัดขนเสร็จก็หมั่นทาพวกเจลว่านหางจระเข้ ป้องกันการอักเสบด้วยนะคะ**

- หมวดที่ 5 คือ เล็บ -
เป็นอะไรที่หลายคนแอบคิดไม่ถึง ไม่ได้บำรุงไว้ก่อน แต่จริงๆแล้วสำคัญตอนถ่ายรูปสวมแหวนอยู่น้า เราบำรุงมือและเล็บ โดยใช้ hand cream กับ cuticle cream ค่ะ จำยี่ห้อไม่ได้แล้ว แต่ได้แถมมาค่ะ ถ้ามีงบประมาณสปามือก็น่าสนใจอยู่นะคะ
ปล.ของเราไว้เล็บยาวเองนะคะ ไม่ได้ต่อเล็บ เราเลยเน้นบำรุงค่ะ ใช้เล็บปลอมอาจจะข้ามไปค่ะ 

ก่อนวันงานแนะนำให้ดูแบบ เลือกสีเล็บ และร้านทำเล็บไว้เลยค่ะ จองคิวไว้เนิ่นๆค่ะ แต่ไปทำสักก่อนวันงาน 2-3 วัน จะได้ไม่บังเอิญไปทำสีลอกนะคะ 
และที่สำคัญ **อย่าลืมดูแลมือคุณเจ้าบ่าวด้วยนะคะ** รายนั้นแค่ลากไปทำสปามือได้ก็เก่งแล้วค่ะ 555
 
ทั้งหมดก็เป็นขั้นตอนการดูแลตัวเองที่เราได้ทำมานะคะ ส่วนนอกนั้น Let's it go ปล่อยเป็นหน้าที่ของร้านชุด ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม และช่างกล้องค่ะ ขอให้สาวๆทุกคนมีความสุขกับการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวกันนะคะ

สุดท้ายนี้ขอฝากว่าที่เจ้าสาวทุกคน ว่าการดูแลตัวเองควรเริ่มแต่เนิ่นๆนะสัก 4-5 เดือนไปเลย จำไว้ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ใครดูแลตัวเองดีอยู่แล้วก็ขอแสดงความนับถือด้วยค่า
อมยิ้ม38

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่