เรื่องมีอยู่ว่า คืนวันที่ 23 เมษายน 2564 ประมาณ 2:00 น 3:00 น
ขออนุญาตสมมติชื่อ
นาย a คือคู่กรณีที่อยู่ข้างบ้านของผม คืนวันเกิดเหตุประมาณ 2:00 น ได้มีชายบุกรุกบ้านของน้าชายที่อยู่ติดบ้านของผมได้นำมีดและขวานบุกฟันประตูบ้านและหน้าต่างของบ้านน้าชาย โดยแม่ผมได้ยินเสียงคนมาโวยวายนอกบ้านจึงลงไปดูพร้อมกับพ่อ และพ่อผมก็พูดว่าใครมาทำอะไรหน้าบ้านยามวิกาลเดี๋ยวจะแจ้งตำรวจนาย a ก็ได้พุ่งตรงเข้ามาหวังจะทำร้ายพ่อของผมได้เอามีดและขวานไล่ฟันแต่พอผมก็หลบได้ทันแม่ผมก็เลยเข้าชาร์จทางด้านหลังแต่คู่กรณีก็หันมานำขวานฟันเข้ากลางหน้าผากด้วยความเจ็บแม่ผมก็จับคู่กรณีกดลงกับพื้นด้วยความอ้วนของแม่
และพ่อกับน้าและน้าสาวก็ช่วยกันจับชายคนดังกล่าวในระหว่างที่ชุลมุนกันอยู่ก็ได้มีมือและเท้าของหลายคนทำร้ายชายคู่กรณีเพื่อหวังว่าเขาจะหยุดพฤติกรรมดังกล่าวจึงทำให้คู่กรณีสลบลงกับพื้น
หน้าทีต่อมาตอนประมาณ 3:00 น ได้โทรเรียกหน่วยกู้ภัยประจำตำบลให้มารับคู่กรณีไปส่งโรงพยาบาลและเรียกผู้ใหญ่บ้านตำรวจมาดูที่เกิดเหตุและบันทึกภาพถ่ายไว้เป็นหลักฐาน
ในคืนนั้นแม่ผมอาการไม่ดีเลยเนื่องจากได้โดนขวานฟันที่ศีรษะกลางหน้าผากเย็บ 9 เข็มแต่โชคยังดีที่ไม่เป็นอะไรมากแผลไม่ลึก
และได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวัน..... ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาของคู่กรณีบุกรุกยามวิกาลพยายามฆ่าทำลายทรัพย์สินของผู้อื่น ๆ
ส่วนคู่กรณีได้รับบาดเจ็บทางศีรษะอย่างหนักคิ้วขวาแตกมีอาการสมองบวม หมอบอกว่าอาการ 50/50 ต้องเข้าได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน จึงได้ทำการประสานไปถึงญาติคู่กรณีแต่ทางญาติคู่กรณีไม่ยอมเซ็นยินยอมให้ผ่าตัดเนื่องจากเหตุผลบางอย่างและประวัติอาชญากรรมของคู่กรณียาวเป็นหางว่าว..... และภรรยาของคู่กรณีได้อยู่ที่กรุงเทพฯจึงไม่มีใครขึ้นมาเซ็นผ่าตัดในวัน 1 และวันที่ 2 จึงทำให้อาการของคู่กรณีทรุดลงและภรรยาของคู่กรณีจึงเดินทางกลับบ้านและได้ไปดูคู่กรณีที่โรงพยาบาลและปรึกษาหมอและแพทย์
แจ้งว่าเมื่อทำการผ่าตัดคู่กรณีจะอยู่ในสภาวะ 50% 50% ไม่เสียชีวิตก็เป็นเจ้าชายนิทราเนื่องจากการสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักและไม่ได้รับการผ่าตัดด่วนตั้งแต่แรก ภรรยาของคู่กรณีก็ได้พูดว่าถ้าเป็นอย่างที่หมอบอกก็ไม่อยากจะเซ็นผ่าตัดเนื่องจากว่าทางบ้านมีความลำบากไม่อยากจะรับผิดชอบเพิ่มและไม่อยากดูแลต่อ...
และคู่กรณีก็ได้เสียชีวิตในวันที่ 6 หลังจากเกิดเหตุ
คำถามคือ
นาย A ทะเลาะกับน้าชาย ตั้งแต่ภายในหมู่บ้านแล้วและนาย A ก็ไม่ยอมจบตามมาหวังจะฆ่าน้าชายของผมในยามวิกาลภายในตัวบ้านมีน้าชายน้าสาวและลูกสาวที่เป็นออทิสติกอยู่ภายในบ้าน ด้วยความเป็นห่วงพ่อและแม่ของผมก็เลยลงไปดูสถานการณ์จึงได้รับบาดเจ็บและเป็นผู้ร่วมในคดีโดยเป็นเหตุซึ่งหน้าเป็นการป้องกันตัวไม่ได้ระวังจะทำร้ายหรือฆ่าคู่กรณี
แต่คดีกลับพลิกเมื่อคู่กรณีเสียชีวิตจึงโดนข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น
ตอนนี้รอผลชันสูตรจากทางโรงพยาบาลร้อยเอ็ด
ญาติคู่กรณีไม่เอาผิดใดๆยอมความกันทั้งสองฝ่าย
ผมเลยอยากทราบว่าเราจะปิดคดียังไงครับผมไม่อยากให้พ่อกับแม่ติดคุก
คดีคนเมาบุกรุกบ้านยามวิกาลหวังทำลายทรัพย์สินและชีวิตผมจะต้องดำเนินยังไงต่อครับ
ขออนุญาตสมมติชื่อ
นาย a คือคู่กรณีที่อยู่ข้างบ้านของผม คืนวันเกิดเหตุประมาณ 2:00 น ได้มีชายบุกรุกบ้านของน้าชายที่อยู่ติดบ้านของผมได้นำมีดและขวานบุกฟันประตูบ้านและหน้าต่างของบ้านน้าชาย โดยแม่ผมได้ยินเสียงคนมาโวยวายนอกบ้านจึงลงไปดูพร้อมกับพ่อ และพ่อผมก็พูดว่าใครมาทำอะไรหน้าบ้านยามวิกาลเดี๋ยวจะแจ้งตำรวจนาย a ก็ได้พุ่งตรงเข้ามาหวังจะทำร้ายพ่อของผมได้เอามีดและขวานไล่ฟันแต่พอผมก็หลบได้ทันแม่ผมก็เลยเข้าชาร์จทางด้านหลังแต่คู่กรณีก็หันมานำขวานฟันเข้ากลางหน้าผากด้วยความเจ็บแม่ผมก็จับคู่กรณีกดลงกับพื้นด้วยความอ้วนของแม่
และพ่อกับน้าและน้าสาวก็ช่วยกันจับชายคนดังกล่าวในระหว่างที่ชุลมุนกันอยู่ก็ได้มีมือและเท้าของหลายคนทำร้ายชายคู่กรณีเพื่อหวังว่าเขาจะหยุดพฤติกรรมดังกล่าวจึงทำให้คู่กรณีสลบลงกับพื้น
หน้าทีต่อมาตอนประมาณ 3:00 น ได้โทรเรียกหน่วยกู้ภัยประจำตำบลให้มารับคู่กรณีไปส่งโรงพยาบาลและเรียกผู้ใหญ่บ้านตำรวจมาดูที่เกิดเหตุและบันทึกภาพถ่ายไว้เป็นหลักฐาน
ในคืนนั้นแม่ผมอาการไม่ดีเลยเนื่องจากได้โดนขวานฟันที่ศีรษะกลางหน้าผากเย็บ 9 เข็มแต่โชคยังดีที่ไม่เป็นอะไรมากแผลไม่ลึก
และได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวัน..... ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาของคู่กรณีบุกรุกยามวิกาลพยายามฆ่าทำลายทรัพย์สินของผู้อื่น ๆ
ส่วนคู่กรณีได้รับบาดเจ็บทางศีรษะอย่างหนักคิ้วขวาแตกมีอาการสมองบวม หมอบอกว่าอาการ 50/50 ต้องเข้าได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน จึงได้ทำการประสานไปถึงญาติคู่กรณีแต่ทางญาติคู่กรณีไม่ยอมเซ็นยินยอมให้ผ่าตัดเนื่องจากเหตุผลบางอย่างและประวัติอาชญากรรมของคู่กรณียาวเป็นหางว่าว..... และภรรยาของคู่กรณีได้อยู่ที่กรุงเทพฯจึงไม่มีใครขึ้นมาเซ็นผ่าตัดในวัน 1 และวันที่ 2 จึงทำให้อาการของคู่กรณีทรุดลงและภรรยาของคู่กรณีจึงเดินทางกลับบ้านและได้ไปดูคู่กรณีที่โรงพยาบาลและปรึกษาหมอและแพทย์
แจ้งว่าเมื่อทำการผ่าตัดคู่กรณีจะอยู่ในสภาวะ 50% 50% ไม่เสียชีวิตก็เป็นเจ้าชายนิทราเนื่องจากการสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักและไม่ได้รับการผ่าตัดด่วนตั้งแต่แรก ภรรยาของคู่กรณีก็ได้พูดว่าถ้าเป็นอย่างที่หมอบอกก็ไม่อยากจะเซ็นผ่าตัดเนื่องจากว่าทางบ้านมีความลำบากไม่อยากจะรับผิดชอบเพิ่มและไม่อยากดูแลต่อ...
และคู่กรณีก็ได้เสียชีวิตในวันที่ 6 หลังจากเกิดเหตุ
คำถามคือ
นาย A ทะเลาะกับน้าชาย ตั้งแต่ภายในหมู่บ้านแล้วและนาย A ก็ไม่ยอมจบตามมาหวังจะฆ่าน้าชายของผมในยามวิกาลภายในตัวบ้านมีน้าชายน้าสาวและลูกสาวที่เป็นออทิสติกอยู่ภายในบ้าน ด้วยความเป็นห่วงพ่อและแม่ของผมก็เลยลงไปดูสถานการณ์จึงได้รับบาดเจ็บและเป็นผู้ร่วมในคดีโดยเป็นเหตุซึ่งหน้าเป็นการป้องกันตัวไม่ได้ระวังจะทำร้ายหรือฆ่าคู่กรณี
แต่คดีกลับพลิกเมื่อคู่กรณีเสียชีวิตจึงโดนข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น
ตอนนี้รอผลชันสูตรจากทางโรงพยาบาลร้อยเอ็ด
ญาติคู่กรณีไม่เอาผิดใดๆยอมความกันทั้งสองฝ่าย
ผมเลยอยากทราบว่าเราจะปิดคดียังไงครับผมไม่อยากให้พ่อกับแม่ติดคุก