คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ถ้าเทียบเพลงต่อเพลง ยังไม่ใช่ระดับวงต่อวง ขอวิเคราะห์แบบนี้
มะลิ
จริงๆแล้วมะลิคือเพลงที่รินะไม่ต้องการ แต่ ผบห. ยัดมา ดังนั้นด้วยการต่อรอง รินะจึงมีส่วนร่วมอย่างถึงที่สุด จึงออกมาเป็นมะลิ และมะลิสำหรับผม ผู้เป็น J-otaku เป็นคนเมือง เป็นคนที่ศึกษาปรากฏการทางสังคม และเป็นเจ้าของกิจการมาก่อน จุดแข็งของมะลิ นั่นคือ การรักษาความเป็น J-pop แบบ 48g อย่างเหนียวแน่น ซึ่งถ้าคนตาม 48g แบบดั้งเดิม อาจจะชอบมะลิได้ไม่ยาก แต่ในพาร์ท ล้านนา ในสายตาคนเมือง มันไม่ได้มีอิมแพค อะไรขนาดนั้น คนต่างถิ่น หรือคนเชียงใหม่ที่ไม่ได้เติบโตในสังคม "คนเมือง" อาจจะว้าว หรือแม้แต่แฟนคลับคนเมืองเองอาจจะเอาตรงนี้ไปอวดชาวบ้านได้ แต่ในฐานะคนเมืองเอง ส่วนนี้ไม่มีผลในการตัดสินใจใดๆทั้งสิ้น ส่วนเหตุผล พูดแล้วมันยาว ซึ่งมะลิตอบโจทย์ ในแง่ที่ว่า เพลงที่แสดงตัวตนถึงความเป็น 48g อย่างถึงที่สุด โดยมีพาร์ทล้านนาเป็นจุดขาย(ที่ก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับคนเมืองอยู่แล้ว)ให้คนต่างถิ่นต่างวัฒนธรรม
ดีอะ
มาจากโจทย์เดียวคือ อฟช อยาก คัมแบ็ค ให้มีกระแสอีกครั้ง เมื่อโจทย์มาแบบนี้ มันเลยเป็นงานที่หลายๆฝ่ายต้องทำเพลงตามโจทย์ให้สำเร็จ ดังนั้น ดีอะ จึงเป็นผลลัพท์ ของโจทย์ที่ว่า ซึ่งมันจะเป็นผลลัพท์ที่ถูกหรือไม่ต้องคอยดู แต่ที่แน่ๆ การเน้นผลลัพท์ ทำให้ละเลยตัวตน เช่น รูปแบบ แบบ48g การแบ่งท่อน ในเพลง(ปกติเพลงแปลจะเป็น ท่อน1 ท่อน2 และฮุค1 ท่อน1 กับ2 เนื้อร้องต่างกัน) หรือแม้แต่การนำเสนอ ซึ่งถือว่าท้าทาย เพราะแต่เดิม เพลงแปล แทบจะมี ref จากวงพี่ ที่เหลือ ถ้าไม่ทำตาม ก็ตีความใหม่ แต่กรณีของดีอะ ไม่รู้ว่าใครมีอำนาจหรือประสานงานอิท่าไหนกลายเป็นว่า เละ ยังดีที่ผู้กำกับ ยังทำได้ดีไม่งั้นออกทะเลไปกว่านี้ แม้จะเน้นคู่ชิป แทนที่จะเน้นคู่เซนเตอร์ (โมแก้ว)หรืออย่างมากก็มีคู่ของฟร้อนท์เมม (เฌอสิค นนน) กลับกลายเป็นว่า เอามาใส่มันทุกคู่ ซึ่งกลายเป็นว่า เซนเตอร์ก็แต่ตำแหน่งบนบล็อคเต้น แต่บทบาทใน mv แทบจะไม่ต่างจากตัวอื่น ซึ่งตรงนี้ ขัดกับ ความเป็น48 g มาก
มะลิ
จริงๆแล้วมะลิคือเพลงที่รินะไม่ต้องการ แต่ ผบห. ยัดมา ดังนั้นด้วยการต่อรอง รินะจึงมีส่วนร่วมอย่างถึงที่สุด จึงออกมาเป็นมะลิ และมะลิสำหรับผม ผู้เป็น J-otaku เป็นคนเมือง เป็นคนที่ศึกษาปรากฏการทางสังคม และเป็นเจ้าของกิจการมาก่อน จุดแข็งของมะลิ นั่นคือ การรักษาความเป็น J-pop แบบ 48g อย่างเหนียวแน่น ซึ่งถ้าคนตาม 48g แบบดั้งเดิม อาจจะชอบมะลิได้ไม่ยาก แต่ในพาร์ท ล้านนา ในสายตาคนเมือง มันไม่ได้มีอิมแพค อะไรขนาดนั้น คนต่างถิ่น หรือคนเชียงใหม่ที่ไม่ได้เติบโตในสังคม "คนเมือง" อาจจะว้าว หรือแม้แต่แฟนคลับคนเมืองเองอาจจะเอาตรงนี้ไปอวดชาวบ้านได้ แต่ในฐานะคนเมืองเอง ส่วนนี้ไม่มีผลในการตัดสินใจใดๆทั้งสิ้น ส่วนเหตุผล พูดแล้วมันยาว ซึ่งมะลิตอบโจทย์ ในแง่ที่ว่า เพลงที่แสดงตัวตนถึงความเป็น 48g อย่างถึงที่สุด โดยมีพาร์ทล้านนาเป็นจุดขาย(ที่ก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับคนเมืองอยู่แล้ว)ให้คนต่างถิ่นต่างวัฒนธรรม
ดีอะ
มาจากโจทย์เดียวคือ อฟช อยาก คัมแบ็ค ให้มีกระแสอีกครั้ง เมื่อโจทย์มาแบบนี้ มันเลยเป็นงานที่หลายๆฝ่ายต้องทำเพลงตามโจทย์ให้สำเร็จ ดังนั้น ดีอะ จึงเป็นผลลัพท์ ของโจทย์ที่ว่า ซึ่งมันจะเป็นผลลัพท์ที่ถูกหรือไม่ต้องคอยดู แต่ที่แน่ๆ การเน้นผลลัพท์ ทำให้ละเลยตัวตน เช่น รูปแบบ แบบ48g การแบ่งท่อน ในเพลง(ปกติเพลงแปลจะเป็น ท่อน1 ท่อน2 และฮุค1 ท่อน1 กับ2 เนื้อร้องต่างกัน) หรือแม้แต่การนำเสนอ ซึ่งถือว่าท้าทาย เพราะแต่เดิม เพลงแปล แทบจะมี ref จากวงพี่ ที่เหลือ ถ้าไม่ทำตาม ก็ตีความใหม่ แต่กรณีของดีอะ ไม่รู้ว่าใครมีอำนาจหรือประสานงานอิท่าไหนกลายเป็นว่า เละ ยังดีที่ผู้กำกับ ยังทำได้ดีไม่งั้นออกทะเลไปกว่านี้ แม้จะเน้นคู่ชิป แทนที่จะเน้นคู่เซนเตอร์ (โมแก้ว)หรืออย่างมากก็มีคู่ของฟร้อนท์เมม (เฌอสิค นนน) กลับกลายเป็นว่า เอามาใส่มันทุกคู่ ซึ่งกลายเป็นว่า เซนเตอร์ก็แต่ตำแหน่งบนบล็อคเต้น แต่บทบาทใน mv แทบจะไม่ต่างจากตัวอื่น ซึ่งตรงนี้ ขัดกับ ความเป็น48 g มาก
แสดงความคิดเห็น
มะลิ vs ดีอะ เส้นทางเดินของสองวงที่แตกต่างกัน
BNK48 ถูกออกแบบมาทวงคืนกระแส แต่ CGM48 ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างฐาน Fan club
หลังจากที่ BNK48 เลือกใช้เพลงไม้ตายอย่าง Heavy Rotation แต่กลับโดนพิษโควิด บวบกับกระแส T-Pop ที่กำลังมาแทนไอดอล J-Pop ทำให้เหมือนกับ BNK48 ได้ทุ่มทุกอย่างกลับเพลงดีอะลงไป ทั้งการใช้ centre เพลงคุ้กกี้อย่างโมบาย การทำเพลงให้มีกลิ่นอาย T-pop มากกว่า J-pop หรือการเอากระแสคู่จิ้นมาใช้ เรื่องกระแสคู่จิ้นหลายคนอาจมองว่าเป็นการเล่นกับความรู้สึกของน้องๆที่ไม่มีคู่จิ้นหรือเปล่า แต่ด้วยกระแสคู่จิ้นในปัจจุบันที่ปั่นเพลงหลายเพลงขึ้น chart ได้ การเอากระแสคู่จิ้นมาใช้สำหรับเพลงดีอะ คือ การทุ่มทุกอย่างลงไปในเพลงนี้แล้วสำหรับ BNK48
แต่สำหรับ CGM48 นั้น วงยังไม่มีฐานแฟนคลับ ที่ชัดเจน ส่วนใหญ่ก็เป็นโอตะที่ตามมาจากวง BNK48 ซึ่งหลายๆคนก็มีโอชิอยู่ในวง BNK48 เยอะอยู่ เพลงมะลิ คือการสร้างฐานแฟนคลับที่ชัดเจน โดยการนำกลิ่นอายของภาคเหนือ มารวมกับ Perfermance ที่พร้อมเพรียง แต่ก็ยังคงแนวเพลงแบบ J-Pop ไว้อยู่
สิ่งหนึ่งที่ทำให้มีความรู้สึกว่า BNK48 กำลังเดินไปในทาง T-Pop มากขึ้น จะเห็นได้จากการใส่ท่อน Rap ลงในเพลง ว่ากันตามตรงเพลง T-Pop ยุคนี้ต้องมี Rap สัก Part หนึ่ง หรือแม้กระทั่ง Costume ที่ BNK48 แตกต่างจาก CGM48 อย่างชัดเจน โดย BNK48 จะลูกเล่นต่างๆมากมาย มีส่วนที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน ตามกระแสวงไอดอล T-Pop แต่ในส่วนของ CGM48 กลับเลือกชุดที่เหมือนกันทั้ง 16 คน เหมือนกับ AKB48 หรือ BNK48 ในยุคก่อน
นอกจากแนวเพลงแล้ว แนวทางการโปรโมตก็แตกต่างกันเยอะพอสมควร BNK48 ในปัจจุบันเน้นการโปรโมตในรูปแบบดารานักแสดง เน้นการออกรายการโทรทัศน์ แสดงซีรี่ย หรือเป็น ba ให้กับแบรนต่างๆ เพื่อเสริมความโด่งดังของวง แต่ CGM48 นั้นเน้นความใกล้ชิดกับแฟนคลับ โดยการออก content ให้มีความต่อเนื่องใกล้ชิดกับแฟนคลับ ให้ความรู้สึกเหมือนกับไอดอลที่พบเจอได้ "Idol you can meet" ตามแบบฉบับของ AKB48
BNK48 ที่มีแฟนคลับอยู่แล้วนั้นเป้าหมายคือ ความแมส ระดับเพลง 100 ล้านวิว โดยการข้ามไปสู่กระแส T-Pop
แต่ CGM48 คือ Idol J-Pop ที่มาแทนที่ BNK48
ในอนาคตต้องมาดูกันว่า BNK48 กับ CGM48 จะเดินไปยังเป้าหมายที่แตกต่างกันได้หรือไม่