ยังไม่ลืมกันนะ ปีนี้ ตรงกับ วันพฤหัสบดี ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
ปีใดมีเดือน๘ สองหน วันสำคัญทางศาสนาจะเลื่อนเพิ่มอีกหนึ่งเดือน จนกระทั่งถึงวันเข้าพรรษา จากนั้นนับตามปกติ
เช่น วันมาฆบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ เป็นเดือน ๔ / วันวิสาขบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ เป็นเดือน ๗ /
วันอัฏฐมีบูชา แรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ เป็นเดือน ๗ เช่นในปีนี้
วันอาสาฬหบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘๘ เรียกว่า เดือน ๘ หลัง / และวันเข้าพรรษา วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ เป็นวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘๘ (เดือน ๘ หลัง) / ส่วนวันออกพรรษา เป็นไปตามปกติ คือ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ วันลอยกระทงก็เช่นเดิม
“วันอัฏฐมีบูชา”
คือ วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ ๘ วัน ถือเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งวันหนึ่งของพระพุทธศาสนา ซึ่งตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือนวิสาขะ ( ปกติจะตรงกับเดือน ๖ แต่ปีนี้ตามปฏิทินจันทรคติของไทยมีอธิกมาส คือมีเดือน ๘ สองหน จึงเลื่อนมาตรงกับเดือน ๗ ) เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานผ่านไปแล้ว ๘ วัน เจ้ามัลลกษัตริย์แห่งเมืองกุสินารา พร้อมด้วยประชาชนและพระสงฆ์ มีพระมหากัสสปเถระเป็นประธาน พร้อมกันกระทำการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ณ มกุฎพันธนเจดีย์ แห่งเมืองกุสินารา เมื่อวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ ซึ่งนิยมเรียกกันว่า “วันอัฏฐมี”
หลังจากที่พระเพลิงซึ่งเผาไหม้พระพุทธสรีระดับมอดลงแล้ว เจ้ามัลลกษัตริย์ทั้งหลาย จึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด ใส่ลงในหีบทองคำแล้วนำไปเก็บรักษาไว้ในนครกุสินารา ส่วนเครื่องอัฏฐบริขารต่างๆของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ได้มีการอัญเชิญไปประดิษฐานตามที่ต่างๆ อาทิ ผ้าไตรจีวร อัญเชิญไปประดิษฐานที่แคว้นธาระ บาตรอัญเชิญไปประดิษฐานที่ปาตลีบุตร เป็นต้น
การประกอบพิธี “อัฏฐมีบูชา” ในประเทศไทยนั้น นิยมทำกันในตอนค่ำ และปฏิบัติเช่นเดียวกันกับการประกอบพิธีในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอื่นๆ เช่น วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา เป็นต้น
หมายเหตุ :
…. “มกุฏพันธนเจดีย์” ปัจจุบันเป็นสถูปโบราณที่ถูกสร้างขึ้นตรงสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มกุฏพันธนเจดีย์ได้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของ“พระเจ้าอโศกมหาราช” บริเวณด้านตะวันออกของเมืองกุสินารา หรือปัจจุบันนี้ คือตำบลกาเซียหรือกาสยา รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ตรงบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันอัฏฐมีบูชา
…. เดิมที บริเวณมกุฏพันธนเจดีย์เป็นเชิงตะกอนไม้จันทน์หอม เพื่อใช้สำหรับถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า ต่อมาสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ได้สั่งให้สร้างพระสถูปครอบบริเวณนั้นลง แต่สมัยต่อมาเมืองกุสิรานาถูกรุกรานและพระสถูปองค์นี้ถูกทำลายลงเหลือเพียงแต่ซากปรักหักพัง ภายหลังได้มีการค้นพบเป็นซากพระสถูปขนาดใหญ่ดังที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งต่อมารัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมพระสถูปองค์นี้ไว้อย่างดี ถ้าวัดรอบฐานของพระสถูปองค์นี้มีความยาวทั้งหมด ๔๖.๑๔ เมตร ส่วนเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒๗.๑๘ เมตร
ขอบคุณภาพ : คุณสหัสสพร
วันนี้วันพระ “วันอัฏฐมีบูชา” วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ วันแรม ๘ ค่ำ เดือน วิสาขะ ( ๗ )
ยังไม่ลืมกันนะ ปีนี้ ตรงกับ วันพฤหัสบดี ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
ปีใดมีเดือน๘ สองหน วันสำคัญทางศาสนาจะเลื่อนเพิ่มอีกหนึ่งเดือน จนกระทั่งถึงวันเข้าพรรษา จากนั้นนับตามปกติ
เช่น วันมาฆบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ เป็นเดือน ๔ / วันวิสาขบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ เป็นเดือน ๗ /
วันอัฏฐมีบูชา แรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ เป็นเดือน ๗ เช่นในปีนี้
วันอาสาฬหบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘๘ เรียกว่า เดือน ๘ หลัง / และวันเข้าพรรษา วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ เป็นวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘๘ (เดือน ๘ หลัง) / ส่วนวันออกพรรษา เป็นไปตามปกติ คือ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ วันลอยกระทงก็เช่นเดิม
“วันอัฏฐมีบูชา”
คือ วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ ๘ วัน ถือเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งวันหนึ่งของพระพุทธศาสนา ซึ่งตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือนวิสาขะ ( ปกติจะตรงกับเดือน ๖ แต่ปีนี้ตามปฏิทินจันทรคติของไทยมีอธิกมาส คือมีเดือน ๘ สองหน จึงเลื่อนมาตรงกับเดือน ๗ ) เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานผ่านไปแล้ว ๘ วัน เจ้ามัลลกษัตริย์แห่งเมืองกุสินารา พร้อมด้วยประชาชนและพระสงฆ์ มีพระมหากัสสปเถระเป็นประธาน พร้อมกันกระทำการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ณ มกุฎพันธนเจดีย์ แห่งเมืองกุสินารา เมื่อวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ ซึ่งนิยมเรียกกันว่า “วันอัฏฐมี”
หลังจากที่พระเพลิงซึ่งเผาไหม้พระพุทธสรีระดับมอดลงแล้ว เจ้ามัลลกษัตริย์ทั้งหลาย จึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด ใส่ลงในหีบทองคำแล้วนำไปเก็บรักษาไว้ในนครกุสินารา ส่วนเครื่องอัฏฐบริขารต่างๆของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ได้มีการอัญเชิญไปประดิษฐานตามที่ต่างๆ อาทิ ผ้าไตรจีวร อัญเชิญไปประดิษฐานที่แคว้นธาระ บาตรอัญเชิญไปประดิษฐานที่ปาตลีบุตร เป็นต้น
การประกอบพิธี “อัฏฐมีบูชา” ในประเทศไทยนั้น นิยมทำกันในตอนค่ำ และปฏิบัติเช่นเดียวกันกับการประกอบพิธีในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอื่นๆ เช่น วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา เป็นต้น
หมายเหตุ :
…. “มกุฏพันธนเจดีย์” ปัจจุบันเป็นสถูปโบราณที่ถูกสร้างขึ้นตรงสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มกุฏพันธนเจดีย์ได้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของ“พระเจ้าอโศกมหาราช” บริเวณด้านตะวันออกของเมืองกุสินารา หรือปัจจุบันนี้ คือตำบลกาเซียหรือกาสยา รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ตรงบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวันอัฏฐมีบูชา
…. เดิมที บริเวณมกุฏพันธนเจดีย์เป็นเชิงตะกอนไม้จันทน์หอม เพื่อใช้สำหรับถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า ต่อมาสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ได้สั่งให้สร้างพระสถูปครอบบริเวณนั้นลง แต่สมัยต่อมาเมืองกุสิรานาถูกรุกรานและพระสถูปองค์นี้ถูกทำลายลงเหลือเพียงแต่ซากปรักหักพัง ภายหลังได้มีการค้นพบเป็นซากพระสถูปขนาดใหญ่ดังที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งต่อมารัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมพระสถูปองค์นี้ไว้อย่างดี ถ้าวัดรอบฐานของพระสถูปองค์นี้มีความยาวทั้งหมด ๔๖.๑๔ เมตร ส่วนเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒๗.๑๘ เมตร
ขอบคุณภาพ : คุณสหัสสพร