เพจไทยรู้สู้โควิด เนียนเพิ่มประสิทธิภาพป้องกัน ซิโนแวค จาก 51% เป็น 84%
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6432007
เพจไทยรู้สู้โควิด เนียนเพิ่มประสิทธิภาพป้องกัน ซิโนแวค จาก 51% เป็น 84% ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ตรงกับเอกสารของ WHO ก่อนที่จะลบแก้ไขข้อมูลใหม่ โดยไม่ชี้แจง
2 มิ.ย. 2564 – จากกรณีที่ องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกหนังสือรับรองวัคซีนซิโนแวค จากจีน โดยระบุว่าซิโนแวคเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย เก็บรักษาง่าย และใช้ทรัพยากรน้อยในการขนส่งจัดเก็บ โดยพบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันการแสดงอาการที่ 51%
ต่อมาแฟนเพจเฟซบุ๊ก
ไทยรู้สู้โควิด ได้นำหนังสือรับรองวัคซีนซิโนแวคมาโพสต์ แต่กลับใส่ข้อมูลเพิ่มเติมที่ไม่ตรงกับในเอกสารจากทาง องค์การอนามัยโลก โดยระบุว่า
“ประสิทธิภาพการป้องกันอยู่ที่ 51%-84% (ของอินโดนีเซีย ผลทดสอบในโลกจริงอยู่ที่ 94%)”
ทำให้ชาวโซเชียลที่เห็นข้อมูลเข้ามาทักท้วง และสอบถามเพจกันในคอมเมนต์อย่างมากมาย เรื่องตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มมาดังกล่าว เนื่องจาก ประสิทธิภาพการป้องกันอยู่ที่ 84% ไม่มีอยู่ในเอกสาร มีเพียงตัวเลข ประสิทธิภาพในการป้องกันอยู่ที่ 51% เท่านั้น
อย่างไรก็ตามต่อมา เพจได้มีการแก้ไขข้อมูลตัวเลขกลับมาเป็น 51% โดยไม่ได้มีการชี้แจงข้อความเดิมแต่อย่างใด
ทหารพม่ายิงอาร์พีจี ตกในเขตไทย ทหาร-ผู้ลี้ภัย 400 คน หนีตายจ้าละหวั่น
https://www.matichon.co.th/region/news_2755628
สมจิต รุ่งจำรัสรัศมี อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก วันที่ 2 มิถุนายน 64 ทหารพม่ายิงปืนอาร์พีจี.เข้ามาเขตไทยใกล้จุดผู้ลี้ภัย 400 คน วงแตกทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร และผู้ลี้ภัย
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 ทหารรัฐบาลเมียนมา ที่กำลังรบกับทหารกะเหรี่ยงดีเคบีเอ.กลุ่มอิสระ ของพันเอกจ่อแต้ ทั้งอาวุธปืนค.60 และอาวุธอื่นๆนั้น ทางฝ่ายทหารเมียนมาได้ใช้ปืนอาร์พีจี.ยิงเข้ามาเขตไทย ลงไปใกล้จุดผู้ลี้ภัยกว่า 400 คน อาศัยอยู่ในคอกวัวบริเวณเมยโค้ง หรือใกล้เกาะมะนาว บ้านแม่โกนเกน ตำบลมหาวัน อ.แม่สอด กระสุนได้เกิดระเบิด แต่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ไทย ซึ่งมีทั้งทหาร และฝ่ายปกครอง รวมทั้งผู้ลี้ภัยต่างแตกตื่นหลบกันจ้าละหวั่น ล่าสุดมีผู้ลี้ภัยเข้ามาอีก 31 คน แม้นมีการสู้รบ เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ย้ายกลุ่มผู้ลี้ภัยไปยังจุดที่ปลอดภัย คงอยู่ในคอกวัวของชาวบ้านใกล้กับแม่น้ำเมย
การสู้รบดังกล่าว ฝ่ายเมียนมาได้ใช้อาวุธปืนค.61 ยิงสนับสนุนจากฐานอาวุธหนัก ที่บริเวณเลเกตอ ห่างจากบ้านผาลูโพ จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา
แหล่งข่าวแจ้งว่า กลุ่มกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF.) ได้ร่วมกับฝ่ายทหารดีเคบีเอ.ในการโจมตีทหารเมียนมา และล่าสุดฝ่ายกะเหรี่ยงดีเคบีเอ.ได้ปล่อยตัวตำรวจเมียนมา และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ทั้งหมด 4 คนแล้ว โดยไม่ทำอันตรายใดๆ
สำหรับราษฎรไทยที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด อ.พบพระ ยังคงได้ยินเสียงปืนใหญ่ตลอด ซึ่งส่วนมากฝ่ายเมียนมาจะใช้ปืนค.ยิงจากฐานเลเตกอ ซึ่งห่างจากฝ่ายกะเหรี่ยง ตรงข้ามบ้านแม่โกนเกน ประมาณ เกือบ 2 กิโลเมตร
ฮาคูโฮโดฯ เผยโควิดรอบ3 กระเทือนคนไทยใช้จ่ายลดลง
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/941439?aoj=
โควิดรอบ3 ระบาดในไทยลากยาว กระเทือนความเชื่อมั่นและแนวโน้มการใช้จ่ายเดือนมิถุนายนหดตัวลง สินค้าชิ้นใหญ่เบรกการซื้อ แต่สินค้าชิ้นเล็ก อาหาร มือถือ และสินค้าความงาม ยังมีโอกาสทำเงิน เพราะผู้บริโภคต้องการเติมเต็มความสุข ก้าวพ้นวิกฤติ
นางสาว
ชุติมา วิริยะมหากุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการสำรวจแนวโน้มพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนมิถุนายน 2564 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,200 คน ใน 6 ภาคของไทย พบว่าการระบาดของโรคโควิด-19 รอบ3 ส่งผลกระทบให้การใช้จ่ายในอนาคตปรับตัวลดลง 2 คะแนน เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อน แต่ความต้องการใช้จ่ายที่มียังอยู่กับสินค้าจำเป็น เช่น อาหารและเครื่องดื้ม จ่ายค่าน้ำมันเพื่อออกไปทำงาน งดออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน เพราะกังวลไวรัส
ส่วนคะแนนความสุขยังคงที่ 64 คะแนน แต่แนวโน้ม 3 เดือนข้างหน้า คาดการณ์คะแนนความสุขของผู้บริโภคจะลดลง เพราะกังวลโรคระบาดยังไม่คลี่คลายดีขึ้น
สำหรับสินค้า 5 อันดับแรกที่ผู้บริโภคซื้อมากสุด ได้แก่ อาหาร 28% สินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน 16% โทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟน 8% เครื่องใช้ภายในบ้าน 6% และผลิตภัณฑ์เสริมความงาม 5%
“ผู้บริโภคมีการชะลอการซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ หันไปซื้อสินค้าชิ้นเล็ก เพื่อเติมเต็มความสุขในชีวิต เช่น เครื่องใช้ภายในบ้าาน โทรศัพท์มือถือ โดยช่วงเวลาการชอปปิงจะเป็นกลางปีที่มีมหกรรมลดราคา เพราะทำให้ได้สินค้าราคาถูก รวมถึงการใช้จ่ายเพื่อสินค้าความงาม เพื่อประคองความรู้สึกให้ผ่านห้วงเวลานี้ไปได้”
ทั้งนี้ เมื่อจำแนกตามภาค พบแนวโน้มความต้องการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลรวมถึงภาคกลาง และภาคใต้ ส่วนภาคที่ต้องการในการใช้จ่ายลดลง ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และโดยเฉพาะภาคตะวันออก ซึ่งลดลงต่ำที่สุดถึง 8 คะแนน มาอยู่ที่ 51 คะแนน จากเดิมมีแนวโน้มการใช้จ่ายสูงสุดในผลสำรวจครั้งก่อนที่ 59 คะแนน เนื่องจากได้กักตุนสินค้ารองรับฤดูการท่องเที่ยวเมื่อเดือนเมษายนไว้พอสมควร
ส่วนกลุ่มอายุที่มีแนวโน้มชะลอการใช้จ่าย ได้แก่ อายุ 30-39 ปี เพราะมีภาระด้านครอบครัว และยังไม่มีความมั่นคงด้านการเงินเท่ากลุ่ม 40ปีขึ้นไป ดังนั้นกลุ่มนี้จึงส่งสัญญาณลบมากกว่ากลุ่มอื่น โดยชะลอใช้จ่ายในสินค้าประเภทเสื้อผ้า การท่องเที่ยวในประเทศ และทานข้าวนอกบ้าน
อย่างไรก็ตาม โควิดระลอก 3 เป็นประเด็นที่คนไทยให้ความสนใจเพิ่มสูงถึง 83% จากการสำรวจครั้งก่อนอยู่ที่ 59% ตามด้วยข่าวการเมืองในประเทศ 4% และในภาวะวิกฤติผู้บริโภคยังมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการอยู่รอดในอนาคต ทั้งการได้ฉีดวัคซีน การมองหาทางเลือกใหม่ในการหารายได้ ด้วยการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัลหรือหรือบิทคอยน์
เลย ไม่มั่นใจได้วัคซีนตามกำหนด จากได้ 57,000 ล่าสุดเหลือ 3,600 โดส
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6432111
เลย ไม่มั่นใจได้วัคซีนตามกำหนด จากได้ 57,000 ล่าสุดเหลือ 3,600 โดส อ้างมีปัญหาการส่งมอบวัคซีนช้ากว่ากำหนด ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้ประชาชน
2 มิ.ย. 2564 – นาย
ผดุงศักดิ์ หาญปรีชาสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พร้อมด้วยนายแพทย์ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย ร่วมกันแถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า ทางส่วนกลางมีปัญหาการส่งมอบวัคซีนช้ากว่ากำหนด ส่งผลให้รับจำนวนวัคซีนลดลง และจะได้รับวัคซีนจากส่วนกลางเป็นรายสัปดาห์ แต่ยังไม่ทราบจำนวน
จ.เลย จึงต้องบริหารจัดการใหม่ จนงสร้างความสับสนแก่ประชาชนกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี ในจังหวัดเลย ทำให้ไม่มั่นใจว่าจะได้ฉีดวัคซีน
นายสมบูรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี อาชีพข้าราชบำนาญ กล่าวว่า ตนได้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนกับ อสม. และได้มีหนังสือแจ้งมาให้ไปฉีดยาวัคซีนในวันที่ 7 มิ.ย. แต่หลังดูการแถลงข่าวได้สอบถามทาง อสม. ได้คำตอบว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ไม่รู้รัฐบาลทำยังไง การจัดสรรวัคซีนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนเลย แถมสร้างความหนักใจของเจ้าหน้าที่รับนโยบายมาปฏิบัติ
ตอนแรกแจ้งมาว่า จ.เลย ได้รับวัคซีนเฉพาะแอสตราเซนเนกา มา 57,000 โดส ตามข่าวลดเหลือ 3,600 โดส แล้วจะให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้นัดหมายให้ประชาชนมาฉีด เมื่อวัคซีนมานิดเดียวจะทำยังไง ประชาชนคงต้องรอต่อไป ทั้งที่ใน จ.เลยยังคงมีระบาดอย่างต่อเนื่อง
JJNY : 5in1 ไทยรู้สู้โควิดเนียน│ทหารพม่ายิงอาร์พีจีตกเขตไทย│ฮาคูโฮโดเผยใช้จ่ายลด│เลยไม่มั่นใจได้วัคซีน│ลำปางยกเลิกนัดฉีด
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6432007
เพจไทยรู้สู้โควิด เนียนเพิ่มประสิทธิภาพป้องกัน ซิโนแวค จาก 51% เป็น 84% ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ตรงกับเอกสารของ WHO ก่อนที่จะลบแก้ไขข้อมูลใหม่ โดยไม่ชี้แจง
2 มิ.ย. 2564 – จากกรณีที่ องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกหนังสือรับรองวัคซีนซิโนแวค จากจีน โดยระบุว่าซิโนแวคเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย เก็บรักษาง่าย และใช้ทรัพยากรน้อยในการขนส่งจัดเก็บ โดยพบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันการแสดงอาการที่ 51%
ต่อมาแฟนเพจเฟซบุ๊ก ไทยรู้สู้โควิด ได้นำหนังสือรับรองวัคซีนซิโนแวคมาโพสต์ แต่กลับใส่ข้อมูลเพิ่มเติมที่ไม่ตรงกับในเอกสารจากทาง องค์การอนามัยโลก โดยระบุว่า
“ประสิทธิภาพการป้องกันอยู่ที่ 51%-84% (ของอินโดนีเซีย ผลทดสอบในโลกจริงอยู่ที่ 94%)”
ทำให้ชาวโซเชียลที่เห็นข้อมูลเข้ามาทักท้วง และสอบถามเพจกันในคอมเมนต์อย่างมากมาย เรื่องตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มมาดังกล่าว เนื่องจาก ประสิทธิภาพการป้องกันอยู่ที่ 84% ไม่มีอยู่ในเอกสาร มีเพียงตัวเลข ประสิทธิภาพในการป้องกันอยู่ที่ 51% เท่านั้น
อย่างไรก็ตามต่อมา เพจได้มีการแก้ไขข้อมูลตัวเลขกลับมาเป็น 51% โดยไม่ได้มีการชี้แจงข้อความเดิมแต่อย่างใด
ทหารพม่ายิงอาร์พีจี ตกในเขตไทย ทหาร-ผู้ลี้ภัย 400 คน หนีตายจ้าละหวั่น
https://www.matichon.co.th/region/news_2755628
สมจิต รุ่งจำรัสรัศมี อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก วันที่ 2 มิถุนายน 64 ทหารพม่ายิงปืนอาร์พีจี.เข้ามาเขตไทยใกล้จุดผู้ลี้ภัย 400 คน วงแตกทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร และผู้ลี้ภัย
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 ทหารรัฐบาลเมียนมา ที่กำลังรบกับทหารกะเหรี่ยงดีเคบีเอ.กลุ่มอิสระ ของพันเอกจ่อแต้ ทั้งอาวุธปืนค.60 และอาวุธอื่นๆนั้น ทางฝ่ายทหารเมียนมาได้ใช้ปืนอาร์พีจี.ยิงเข้ามาเขตไทย ลงไปใกล้จุดผู้ลี้ภัยกว่า 400 คน อาศัยอยู่ในคอกวัวบริเวณเมยโค้ง หรือใกล้เกาะมะนาว บ้านแม่โกนเกน ตำบลมหาวัน อ.แม่สอด กระสุนได้เกิดระเบิด แต่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ไทย ซึ่งมีทั้งทหาร และฝ่ายปกครอง รวมทั้งผู้ลี้ภัยต่างแตกตื่นหลบกันจ้าละหวั่น ล่าสุดมีผู้ลี้ภัยเข้ามาอีก 31 คน แม้นมีการสู้รบ เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ย้ายกลุ่มผู้ลี้ภัยไปยังจุดที่ปลอดภัย คงอยู่ในคอกวัวของชาวบ้านใกล้กับแม่น้ำเมย
การสู้รบดังกล่าว ฝ่ายเมียนมาได้ใช้อาวุธปืนค.61 ยิงสนับสนุนจากฐานอาวุธหนัก ที่บริเวณเลเกตอ ห่างจากบ้านผาลูโพ จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา
แหล่งข่าวแจ้งว่า กลุ่มกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF.) ได้ร่วมกับฝ่ายทหารดีเคบีเอ.ในการโจมตีทหารเมียนมา และล่าสุดฝ่ายกะเหรี่ยงดีเคบีเอ.ได้ปล่อยตัวตำรวจเมียนมา และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ทั้งหมด 4 คนแล้ว โดยไม่ทำอันตรายใดๆ
สำหรับราษฎรไทยที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด อ.พบพระ ยังคงได้ยินเสียงปืนใหญ่ตลอด ซึ่งส่วนมากฝ่ายเมียนมาจะใช้ปืนค.ยิงจากฐานเลเตกอ ซึ่งห่างจากฝ่ายกะเหรี่ยง ตรงข้ามบ้านแม่โกนเกน ประมาณ เกือบ 2 กิโลเมตร
ฮาคูโฮโดฯ เผยโควิดรอบ3 กระเทือนคนไทยใช้จ่ายลดลง
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/941439?aoj=
โควิดรอบ3 ระบาดในไทยลากยาว กระเทือนความเชื่อมั่นและแนวโน้มการใช้จ่ายเดือนมิถุนายนหดตัวลง สินค้าชิ้นใหญ่เบรกการซื้อ แต่สินค้าชิ้นเล็ก อาหาร มือถือ และสินค้าความงาม ยังมีโอกาสทำเงิน เพราะผู้บริโภคต้องการเติมเต็มความสุข ก้าวพ้นวิกฤติ
นางสาวชุติมา วิริยะมหากุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการสำรวจแนวโน้มพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนมิถุนายน 2564 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,200 คน ใน 6 ภาคของไทย พบว่าการระบาดของโรคโควิด-19 รอบ3 ส่งผลกระทบให้การใช้จ่ายในอนาคตปรับตัวลดลง 2 คะแนน เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อน แต่ความต้องการใช้จ่ายที่มียังอยู่กับสินค้าจำเป็น เช่น อาหารและเครื่องดื้ม จ่ายค่าน้ำมันเพื่อออกไปทำงาน งดออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน เพราะกังวลไวรัส
ส่วนคะแนนความสุขยังคงที่ 64 คะแนน แต่แนวโน้ม 3 เดือนข้างหน้า คาดการณ์คะแนนความสุขของผู้บริโภคจะลดลง เพราะกังวลโรคระบาดยังไม่คลี่คลายดีขึ้น
สำหรับสินค้า 5 อันดับแรกที่ผู้บริโภคซื้อมากสุด ได้แก่ อาหาร 28% สินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน 16% โทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟน 8% เครื่องใช้ภายในบ้าน 6% และผลิตภัณฑ์เสริมความงาม 5%
“ผู้บริโภคมีการชะลอการซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ หันไปซื้อสินค้าชิ้นเล็ก เพื่อเติมเต็มความสุขในชีวิต เช่น เครื่องใช้ภายในบ้าาน โทรศัพท์มือถือ โดยช่วงเวลาการชอปปิงจะเป็นกลางปีที่มีมหกรรมลดราคา เพราะทำให้ได้สินค้าราคาถูก รวมถึงการใช้จ่ายเพื่อสินค้าความงาม เพื่อประคองความรู้สึกให้ผ่านห้วงเวลานี้ไปได้”
ทั้งนี้ เมื่อจำแนกตามภาค พบแนวโน้มความต้องการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลรวมถึงภาคกลาง และภาคใต้ ส่วนภาคที่ต้องการในการใช้จ่ายลดลง ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และโดยเฉพาะภาคตะวันออก ซึ่งลดลงต่ำที่สุดถึง 8 คะแนน มาอยู่ที่ 51 คะแนน จากเดิมมีแนวโน้มการใช้จ่ายสูงสุดในผลสำรวจครั้งก่อนที่ 59 คะแนน เนื่องจากได้กักตุนสินค้ารองรับฤดูการท่องเที่ยวเมื่อเดือนเมษายนไว้พอสมควร
ส่วนกลุ่มอายุที่มีแนวโน้มชะลอการใช้จ่าย ได้แก่ อายุ 30-39 ปี เพราะมีภาระด้านครอบครัว และยังไม่มีความมั่นคงด้านการเงินเท่ากลุ่ม 40ปีขึ้นไป ดังนั้นกลุ่มนี้จึงส่งสัญญาณลบมากกว่ากลุ่มอื่น โดยชะลอใช้จ่ายในสินค้าประเภทเสื้อผ้า การท่องเที่ยวในประเทศ และทานข้าวนอกบ้าน
อย่างไรก็ตาม โควิดระลอก 3 เป็นประเด็นที่คนไทยให้ความสนใจเพิ่มสูงถึง 83% จากการสำรวจครั้งก่อนอยู่ที่ 59% ตามด้วยข่าวการเมืองในประเทศ 4% และในภาวะวิกฤติผู้บริโภคยังมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการอยู่รอดในอนาคต ทั้งการได้ฉีดวัคซีน การมองหาทางเลือกใหม่ในการหารายได้ ด้วยการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัลหรือหรือบิทคอยน์
เลย ไม่มั่นใจได้วัคซีนตามกำหนด จากได้ 57,000 ล่าสุดเหลือ 3,600 โดส
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6432111
เลย ไม่มั่นใจได้วัคซีนตามกำหนด จากได้ 57,000 ล่าสุดเหลือ 3,600 โดส อ้างมีปัญหาการส่งมอบวัคซีนช้ากว่ากำหนด ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้ประชาชน
2 มิ.ย. 2564 – นายผดุงศักดิ์ หาญปรีชาสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พร้อมด้วยนายแพทย์ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย ร่วมกันแถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า ทางส่วนกลางมีปัญหาการส่งมอบวัคซีนช้ากว่ากำหนด ส่งผลให้รับจำนวนวัคซีนลดลง และจะได้รับวัคซีนจากส่วนกลางเป็นรายสัปดาห์ แต่ยังไม่ทราบจำนวน
จ.เลย จึงต้องบริหารจัดการใหม่ จนงสร้างความสับสนแก่ประชาชนกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี ในจังหวัดเลย ทำให้ไม่มั่นใจว่าจะได้ฉีดวัคซีน
นายสมบูรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี อาชีพข้าราชบำนาญ กล่าวว่า ตนได้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนกับ อสม. และได้มีหนังสือแจ้งมาให้ไปฉีดยาวัคซีนในวันที่ 7 มิ.ย. แต่หลังดูการแถลงข่าวได้สอบถามทาง อสม. ได้คำตอบว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ไม่รู้รัฐบาลทำยังไง การจัดสรรวัคซีนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนเลย แถมสร้างความหนักใจของเจ้าหน้าที่รับนโยบายมาปฏิบัติ
ตอนแรกแจ้งมาว่า จ.เลย ได้รับวัคซีนเฉพาะแอสตราเซนเนกา มา 57,000 โดส ตามข่าวลดเหลือ 3,600 โดส แล้วจะให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้นัดหมายให้ประชาชนมาฉีด เมื่อวัคซีนมานิดเดียวจะทำยังไง ประชาชนคงต้องรอต่อไป ทั้งที่ใน จ.เลยยังคงมีระบาดอย่างต่อเนื่อง