คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 59
เห็นแล้วถึงกับล็อกอินมาตอบ
ผมมีโอกาสได้รู้จักกับเด็กๆในช่วงวัยนี้ที่เล่นหุ้นอยู่เยอะ ขอใช้ตัวเองและการพูดคุยกับเด็กๆมาเล่าสู่กันฟังแล้วกัน
จริงๆแล้วเด็กๆไม่ได้อดทนต่ำ รักสบายแล้วมาเล่นหุ้นอย่างที่ทุกคนเข้าใจ
เค้าไม่ได้มอง"งาน"เป็นความสำเร็จ แต่เค้ามอง"เงิน"เป็นความสำเร็จ
เด็กๆจึงสรรหาการทำงานที่จะทำให้เค้าได้เงินเยอะๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต
เค้าไม่ได้มองว่า"งาน"คือความมั่นคงในชีวิต
ทีนี้เด็กพอเค้าไปเจออะไรแย่ๆจากการทำงานเค้าก็ออกเพราะว่าการออกจากงานไม่ใช่ความล้มเหลวแบบคนแก่ๆมอง
แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ชีวิตได้หาเงินจากทางใหม่ๆที่มีความสุขกว่านี้
แต่ปรากฏว่าไปเจองานแย่ๆ สิ่งแวดล้อมแย่ๆ บ่อยๆซ้ำๆ เค้าเลยไม่อยากเป็นลูกจ้าง การเทรดหุ้นก็เป็นหนึ่งในช้อยส์
ทีนี้เรื่องเล่นหุ้น ไม่รู้เด็กๆคนอื่นจะยังไงนะ แต่ที่ชัดๆคือเป็นคุณต่างหากที่มองว่าเล่นหุ้นมันง่าย หรือตีความว่าเด็กจะมองว่ามันง่าย
คุณภูมิใจในบริษัทที่ตัวเองอยู่ ภูมิใจที่อดทนและปรับตัวกับระบบและการทำงานแย่ๆ คอยแก้ไขเวลาเจอปัญหาต่างๆ
ในขณะเดียวกันลึกๆคุณโกรธที่เด็กไม่ต้องมาอดทนทำงานแบบคุณ ไม่ต้องเจออะไรแย่ๆ เจอปัญหา เจอความเครียด แค่ไปเทรด
มองว่าการเทรดหุ้นอย่างเดียวมันสบายๆไม่เครียด ก็เลยมีธงด้านลบในใจกับเด็กจบใหม่(จริงๆก็มองลบมาก่อนละ)
ขึ้นชื่อว่าการทำงานไม่มีงานอะไรที่ไม่เครียดหรอกครับ แม้ว่างานนั้นจะเป็นสิ่งที่รักก็มีความเครียด
ที่เค้าตื่นสายๆ คุณไม่รู้หรอกว่าเด็กๆเหล่านั้นฝึกดูกราฟกี่ครั้ง กี่เทคนิค หรือว่าวิเคราะห์หุ้นกี่ตัว ฯลฯ
เด็กบางคนยอมรับเลยว่าเก่งกว่าผมอีกเพราะเค้าทุ่มเวลาให้กับมันเต็มๆ และเรื่องเทคโนโลยีที่คล่องแคล่วกว่า
คุณแค่เห็นเด็กคนนึงชีวิตดูแฮปปี้วันๆไม่ไปไหน ตื่นสายทำงานอยู่บ้าน แล้วตีตราเค้าแค่นั้น
การที่คุณเจอความเครียดในการทำงานแล้วผ่านมาได้ไม่ได้ให้สิทธิ์คุณในการตัดสินชีวิตคนที่เค้าดูใช้ชีวิตสบายๆมีความสุขหรอกนะ
แล้วยิ่งไอ้การไปเที่ยวคลายเครียดหลังการทำงานเป็นเรื่องปกติมากๆ คุณทำงานในระบบแล้วคุณไม่เคยไปเที่ยวหรอครับ
เค้าเที่ยวไปทำงานไปด้วยซ้ำ เพราะเทรดทำงานได้ทุกที่
ถามว่าเด็กๆเอาเงินมาจากไหน ก็เทรดมาจากคนมีเงินเดือนที่ไม่สนใจศึกษาหุ้น คอยถามแต่หุ้น จุดเข้าจุดออกรายวัน แล้วมาเทรดไงครับ
เรื่องประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวเป็นเรื่องของตัวเด็กครับ ถ้าเค้าอยากประสบความสำเร็จเค้ารู้ครับว่าต้องทำตัวยังไง
แน่นอนครับในทุกๆ gen ก็มีความหลากหลาย คนขยัน คนขี้เกียจ คนหัวไว หัวช้า ฯลฯ
จริงๆมันคือการใช้ชีวิตครับ เป็นเรื่องธรรมดามากๆที่จะมีความสำเร็จและล้มเหลว คนเราจะปรับตัวเพื่อดำรงชีวิตเองครับ
ทำไมถึงคิดว่าเด็กเลือกการเทรดหุ้นคือความเหลาะแหละ ความล้มเหลว ทั้งที่คุณๆก็เลือกเทรดหุ้นกันเพื่อความมั่นคงในชีวิต
ผมไม่ได้ต่อต้านการเป็นลูกจ้างหรือสนับสนุนให้เด็กๆทุกคนออกจากงานนะ แค่บอกว่านี่มันก็คือการใช้ชีวิตรูปแบบนึงที่ทำได้
อย่าเอาตัวเองมาเป็นไม้บรรทัดมาเป็นกรอบตีตราคนอื่นครับ บางทีคุณไม่รู้ตัวหรอกว่าชีวิตของตัวเองที่คิดว่าถูกต้องและเที่ยงตรงมาตลอดน่ะ
มันบิดเบี้ยวมากแค่ไหน
ที่ผมดูมีอารมณ์ร่วมในกระทู้นี้มากเพราะไม่ชอบคนจำพวกชอบพูดใส่คนอื่นว่าสิ่งที่เค้าทำมันแย่ ไม่รู้อะไรหรอกพวกเอ็งน่ะ
ว่าสิ่งที่ทำยังมีสิ่งดำมืดอยู่มาก แล้วก็เดินหนีจากไป ปล่อยคนที่ถูกพูดใส่ไว้ตรงนั้น . . มันไร้ประโยชน์มีแต่พลังงานลบ
เด็กเค้าไม่รู้ทำไมไม่บอกเค้าไป เด็กก็จะได้ข้อมูลประเมินการตัดสินใจ คุณก็จะได้ช่วยเหลือเด็กด้วยความเป็นห่วงแบบที่กล่าวอ้าง
เอาแต่บ่นว่าแบบไม่ให้ข้อมูลทีนี้พอเด็กไม่กล้าไปทำอะไรก็ไปตัดสินว่าเค้าแย่อีก เป็นวงจรอุบาทร่ำไป
ปล.ไม่รู้ว่า จขกท. อะไรกับเด็กจบใหม่นักหนานะ ก็เลยไปตามดูๆกระทู้คุณมา สิ่งที่เขียนสะท้อนว่าจขกท.มีทัศนคติที่ว่าเด็กต้องอดทนทำงานทุกสภาวะการณ์ เงินน้อยแค่ไหนก็ต้องทำ คนที่ออกคือแย่ๆๆๆ ทั้งที่ไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรเลยว่าอะไรเป็นสาเหตุนั้น เด็กๆเจอคนแบบนี้เยอะครับ
ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันได้รับความรู้สึกอะไรกับการทำแบบนี้นะ ดีใจหรอที่มีอำนาจเหนือเด็กใหม่? หรือภูมิใจที่เก่งกว่าคนที่ยังไม่เคยทำงาน?
นี่แหละครับคือส่วนหนึ่งขององค์กรที่เด็กอยากหนี
ปล.2 สงสารเด็กที่เคยต้องทำงานกับคุณเลย รู้เลยว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง คงใช้เค้าทำงานหนัก บังคับให้เด็กเห็นแก่ส่วนรวม(หรือส่วนคุณ?) เด็กทำอะไรก็ถูกเห็นแต่ความผิดพลาด สอนงานแบบจับผิดเพราะฐานใจของคุณเชื่อว่าเด็กจบใหม่ทำงานไม่เป็นทำงานแย่ควรได้เงินน้อยๆ คุณไม่เหมาะกับการสอนงานเด็กหรอกครับ เด็กได้รับแต่ความเครียดและไม่ได้อะไรจากคุณ เสียดายโอกาสเด็กครับ
ผมมีโอกาสได้รู้จักกับเด็กๆในช่วงวัยนี้ที่เล่นหุ้นอยู่เยอะ ขอใช้ตัวเองและการพูดคุยกับเด็กๆมาเล่าสู่กันฟังแล้วกัน
จริงๆแล้วเด็กๆไม่ได้อดทนต่ำ รักสบายแล้วมาเล่นหุ้นอย่างที่ทุกคนเข้าใจ
เค้าไม่ได้มอง"งาน"เป็นความสำเร็จ แต่เค้ามอง"เงิน"เป็นความสำเร็จ
เด็กๆจึงสรรหาการทำงานที่จะทำให้เค้าได้เงินเยอะๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต
เค้าไม่ได้มองว่า"งาน"คือความมั่นคงในชีวิต
ทีนี้เด็กพอเค้าไปเจออะไรแย่ๆจากการทำงานเค้าก็ออกเพราะว่าการออกจากงานไม่ใช่ความล้มเหลวแบบคนแก่ๆมอง
แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ชีวิตได้หาเงินจากทางใหม่ๆที่มีความสุขกว่านี้
แต่ปรากฏว่าไปเจองานแย่ๆ สิ่งแวดล้อมแย่ๆ บ่อยๆซ้ำๆ เค้าเลยไม่อยากเป็นลูกจ้าง การเทรดหุ้นก็เป็นหนึ่งในช้อยส์
ทีนี้เรื่องเล่นหุ้น ไม่รู้เด็กๆคนอื่นจะยังไงนะ แต่ที่ชัดๆคือเป็นคุณต่างหากที่มองว่าเล่นหุ้นมันง่าย หรือตีความว่าเด็กจะมองว่ามันง่าย
คุณภูมิใจในบริษัทที่ตัวเองอยู่ ภูมิใจที่อดทนและปรับตัวกับระบบและการทำงานแย่ๆ คอยแก้ไขเวลาเจอปัญหาต่างๆ
ในขณะเดียวกันลึกๆคุณโกรธที่เด็กไม่ต้องมาอดทนทำงานแบบคุณ ไม่ต้องเจออะไรแย่ๆ เจอปัญหา เจอความเครียด แค่ไปเทรด
มองว่าการเทรดหุ้นอย่างเดียวมันสบายๆไม่เครียด ก็เลยมีธงด้านลบในใจกับเด็กจบใหม่(จริงๆก็มองลบมาก่อนละ)
ขึ้นชื่อว่าการทำงานไม่มีงานอะไรที่ไม่เครียดหรอกครับ แม้ว่างานนั้นจะเป็นสิ่งที่รักก็มีความเครียด
ที่เค้าตื่นสายๆ คุณไม่รู้หรอกว่าเด็กๆเหล่านั้นฝึกดูกราฟกี่ครั้ง กี่เทคนิค หรือว่าวิเคราะห์หุ้นกี่ตัว ฯลฯ
เด็กบางคนยอมรับเลยว่าเก่งกว่าผมอีกเพราะเค้าทุ่มเวลาให้กับมันเต็มๆ และเรื่องเทคโนโลยีที่คล่องแคล่วกว่า
คุณแค่เห็นเด็กคนนึงชีวิตดูแฮปปี้วันๆไม่ไปไหน ตื่นสายทำงานอยู่บ้าน แล้วตีตราเค้าแค่นั้น
การที่คุณเจอความเครียดในการทำงานแล้วผ่านมาได้ไม่ได้ให้สิทธิ์คุณในการตัดสินชีวิตคนที่เค้าดูใช้ชีวิตสบายๆมีความสุขหรอกนะ
แล้วยิ่งไอ้การไปเที่ยวคลายเครียดหลังการทำงานเป็นเรื่องปกติมากๆ คุณทำงานในระบบแล้วคุณไม่เคยไปเที่ยวหรอครับ
เค้าเที่ยวไปทำงานไปด้วยซ้ำ เพราะเทรดทำงานได้ทุกที่
ถามว่าเด็กๆเอาเงินมาจากไหน ก็เทรดมาจากคนมีเงินเดือนที่ไม่สนใจศึกษาหุ้น คอยถามแต่หุ้น จุดเข้าจุดออกรายวัน แล้วมาเทรดไงครับ
เรื่องประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวเป็นเรื่องของตัวเด็กครับ ถ้าเค้าอยากประสบความสำเร็จเค้ารู้ครับว่าต้องทำตัวยังไง
แน่นอนครับในทุกๆ gen ก็มีความหลากหลาย คนขยัน คนขี้เกียจ คนหัวไว หัวช้า ฯลฯ
จริงๆมันคือการใช้ชีวิตครับ เป็นเรื่องธรรมดามากๆที่จะมีความสำเร็จและล้มเหลว คนเราจะปรับตัวเพื่อดำรงชีวิตเองครับ
ทำไมถึงคิดว่าเด็กเลือกการเทรดหุ้นคือความเหลาะแหละ ความล้มเหลว ทั้งที่คุณๆก็เลือกเทรดหุ้นกันเพื่อความมั่นคงในชีวิต
ผมไม่ได้ต่อต้านการเป็นลูกจ้างหรือสนับสนุนให้เด็กๆทุกคนออกจากงานนะ แค่บอกว่านี่มันก็คือการใช้ชีวิตรูปแบบนึงที่ทำได้
อย่าเอาตัวเองมาเป็นไม้บรรทัดมาเป็นกรอบตีตราคนอื่นครับ บางทีคุณไม่รู้ตัวหรอกว่าชีวิตของตัวเองที่คิดว่าถูกต้องและเที่ยงตรงมาตลอดน่ะ
มันบิดเบี้ยวมากแค่ไหน
ที่ผมดูมีอารมณ์ร่วมในกระทู้นี้มากเพราะไม่ชอบคนจำพวกชอบพูดใส่คนอื่นว่าสิ่งที่เค้าทำมันแย่ ไม่รู้อะไรหรอกพวกเอ็งน่ะ
ว่าสิ่งที่ทำยังมีสิ่งดำมืดอยู่มาก แล้วก็เดินหนีจากไป ปล่อยคนที่ถูกพูดใส่ไว้ตรงนั้น . . มันไร้ประโยชน์มีแต่พลังงานลบ
เด็กเค้าไม่รู้ทำไมไม่บอกเค้าไป เด็กก็จะได้ข้อมูลประเมินการตัดสินใจ คุณก็จะได้ช่วยเหลือเด็กด้วยความเป็นห่วงแบบที่กล่าวอ้าง
เอาแต่บ่นว่าแบบไม่ให้ข้อมูลทีนี้พอเด็กไม่กล้าไปทำอะไรก็ไปตัดสินว่าเค้าแย่อีก เป็นวงจรอุบาทร่ำไป
ปล.ไม่รู้ว่า จขกท. อะไรกับเด็กจบใหม่นักหนานะ ก็เลยไปตามดูๆกระทู้คุณมา สิ่งที่เขียนสะท้อนว่าจขกท.มีทัศนคติที่ว่าเด็กต้องอดทนทำงานทุกสภาวะการณ์ เงินน้อยแค่ไหนก็ต้องทำ คนที่ออกคือแย่ๆๆๆ ทั้งที่ไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรเลยว่าอะไรเป็นสาเหตุนั้น เด็กๆเจอคนแบบนี้เยอะครับ
ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันได้รับความรู้สึกอะไรกับการทำแบบนี้นะ ดีใจหรอที่มีอำนาจเหนือเด็กใหม่? หรือภูมิใจที่เก่งกว่าคนที่ยังไม่เคยทำงาน?
นี่แหละครับคือส่วนหนึ่งขององค์กรที่เด็กอยากหนี
ปล.2 สงสารเด็กที่เคยต้องทำงานกับคุณเลย รู้เลยว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง คงใช้เค้าทำงานหนัก บังคับให้เด็กเห็นแก่ส่วนรวม(หรือส่วนคุณ?) เด็กทำอะไรก็ถูกเห็นแต่ความผิดพลาด สอนงานแบบจับผิดเพราะฐานใจของคุณเชื่อว่าเด็กจบใหม่ทำงานไม่เป็นทำงานแย่ควรได้เงินน้อยๆ คุณไม่เหมาะกับการสอนงานเด็กหรอกครับ เด็กได้รับแต่ความเครียดและไม่ได้อะไรจากคุณ เสียดายโอกาสเด็กครับ
ความคิดเห็นที่ 8
เขาไปเป็น ยูทูปเบอร์กัน นะจ๊ะ....
คนเทรด หุ้น มีแค่กี่เปอร์เซ็นต์ คุณก็เอามาพูดเป็น ตุเป็นตะ
และมันก็เงินของเขา คุณเดือดร้อนทำไม งง นะเนี่ยยย
ธรรมชาติของ หุ้น ขณะที่มีคนได้ มันก็ต้องมีคนเสีย
เขามีเงินเล่น ขาดทุนเขาก็เลิก
เล่นหุ้นไม่ใช่เรื่องไก่กา อาละเล่ นะเออ
เล่นตั้งแต่อายุน้อย ผ่านไปก็มากประสบการณ์ สู้ต่อก็ อาจจะรวย หรือ หมดตัว
ถอย มาก็ได้ความรู้และอนิจจังของโลก
ไป ว่าเขาทำไมอ่าาาา งง นะเออ^^
คนเทรด หุ้น มีแค่กี่เปอร์เซ็นต์ คุณก็เอามาพูดเป็น ตุเป็นตะ
และมันก็เงินของเขา คุณเดือดร้อนทำไม งง นะเนี่ยยย
ธรรมชาติของ หุ้น ขณะที่มีคนได้ มันก็ต้องมีคนเสีย
เขามีเงินเล่น ขาดทุนเขาก็เลิก
เล่นหุ้นไม่ใช่เรื่องไก่กา อาละเล่ นะเออ
เล่นตั้งแต่อายุน้อย ผ่านไปก็มากประสบการณ์ สู้ต่อก็ อาจจะรวย หรือ หมดตัว
ถอย มาก็ได้ความรู้และอนิจจังของโลก
ไป ว่าเขาทำไมอ่าาาา งง นะเออ^^
แสดงความคิดเห็น
สังเกตุว่าทำไมเดี๋ยวนี้เด็กจบใหม่หลายคนเลือกที่จะไม่ทำงานบริษัท แต่มานั่งนอนเทรดหุ้นอยู่บ้าน คิดว่าง่ายกันเหรอคะ
บางคนก็บอกว่าทำงานบริษัทได้เงินเดือนน้อย สู้นอนเทรดหุ้นอยู่บ้าน ได้วันละ 500 ก็ยังได้เยอะกว่าเรทเงินที่บริษัทจ่ายถ้านับเป็นรายวัน
บางคนก็บอกว่า บริษัทไม่จ่ายเรทเงินเดือนปอตรี หมื่นห้า หลายที่ยังให้แค่ 12K-13K
สู้เทรดหุ้น ได้เดือนนึง ยังเยอะกว่าที่บริษัทให้อีก เกลียดระบบบริษัทเข้าไส้ กลัวเกมส์การเมือง ไม่ชอบโดนกด ไม่ชอบโดนนินทา
บางคนก็บอกว่าอยากเป็นเจ้าของกิจการ แต่เรามองว่าพวกเขายังไม่รู้จักวิธีการทำงานจริง
ยังไม่รู้วิธีการแก้ไขปัญหา หากเงินหรือระบบมีปัญหา การทำงานเป็นระบบ ขั้นตอน พวกเขายังไม่เคยสัมผัสอะไรเลย นอกจากการเรียน
ถ้าพลาดขึ้นมา พวกเขาจะไม่สามารถจัดการกับอะไรได้เลย
พวกเขาเพียงคิดแค่ว่า ฉันจะไม่ยอมเป็นลูกน้องใครเด็ดขาด ......
คือเราก็ไม่รู้ยังไง ลำพังนี่ก็ทำงานบริษัท แต่บริษัทก็ไม่ได้แย่ทุกที่นะ
เพราะอย่างเรานี่ก็เงินเดือนระดับกลางๆ บริษัทมีสวัสดิการให้ค่อนข้างดี มีวันหยุดวันลาวันพักร้อน วันหยุดตามเทศกาลประเพณี
เงินเดือนขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ
แต่ก็เป็นห่วงเด็กรุ่นใหม่ ที่มัวหลงไปกับกระแสเทรดหุ้น ที่พวกเรายังไม่รู้ด้านมืดของมัน มีคนหมดตัวก็เยอะกับวงการนี้
จะเอาอาชีพเทรดหุ้นเป็นอาชีพหลักกันแล้ว ตื่นสายๆ ไปเที่ยว สวนกระแสโควิด
แต่ก็เห็นด้วยที่สถานการณ์ตอนนี้ ด้วยโรคระบาด ทำให้งานหายาก
คนตกงานเยอะ คนมีประสบการณ์ก็แย่งงานเด็กจบใหม่ ตำแหน่งงานลด รับคนยากขึ้น
โรงงานปิด บริษัทลดอัตราจ้างงาน
แต่เท่าที่เราเจอมา
เด็กบางคนพอได้เข้ามาทำงานจริงแล้ว มีความอดทนไม่มากพอ เตือนก็ทำหน้างอ ไม่พอใจ
คิดถึงแต่ผลประโยชน์ตัวเอง อยากได้เงินเดือนเยอะๆ แต่ความสามารถ แม้แต่ 9,000 ยังไม่คุ้มเลย
คือพวกเขาคิดเสมอว่าเราต้องทำงานเท่านี้พอ สอนงานมากี่คน ไม่เคยผ่านโปรสักคน....
บางคนก็กลายเป็นเกลียดระบบบริษัทไปเลย บอกว่าเป็นนายตัวเองสบายกว่า จะไปทำงานให้คนอื่นรวยทำไม
แก้ไขคำผิดค่ะ